ปลูกผักอินทรีย์
“คุณหมู” หรือ คุณกรวิชญ์ มาระเสนา อดีตวิศวกรโยธา ที่ตัดสินใจลาออกแล้วเบนเข็มสู่อาชีพเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัว โดยมุ่งทำสวนเกษตรผสมผสานตามศาสตร์พระราชา นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการตลาดมาใช้ผลิตและจำหน่ายสินค้า สร้างรายได้หลายแสนบาทต่อไร่ สร้างวิถีชีวิตแห่งความสุข บนเส้นทางอาชีพเกษตรกร เดิมทีครอบครัวคุณหมูทำธุรกิจเกษตรและประมง พ่อแม่ตั้งใจส่งเสริมให้คุณหมูเรียนจบสูงๆ เพราะไม่ได้อยากให้มาทำอาชีพเกษตรกรรม หลังคุณหมูเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ก็ทำงานประจำในตำแหน่งวิศวกรโยธา ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เมื่อ 10 ปีก่อน คุณหมูจึงตัดสินใจลาออกแล้วกลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด เพื่อจะได้มีโอกาสดูแลพ่อแม่ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง ในระยะแรก คุณหมูไม่มีพื้นฐานด้านงานเกษตร ก็พยายามเรียนรู้ข้อมูลด้านการผลิต-การตลาด จากหนังสือด้านเกษตรและข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เนื่องจากกระแสนิยมบริโภคผักอินทรีย์ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณหมูจึงสนใจเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ที่ให้ผลตอบแทนสูง คุณหมูเป็นแกนนำรว
ในช่วงปีที่ผ่านมา “สินค้าเกษตรอินทรีย์” ติดโผสินค้าขายดีอันดับต้นๆ ของภาคเกษตรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพืชผัก ธัญพืชและผลไม้นานาชนิด ที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิก) เช่น ข้าว ผักปลอดสารพิษ มังคุด ทุเรียน ลำไย ฯลฯ มียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก ยอดขายดี ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องอาหารอย่างเดียว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ พืชสมุนไพร ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากระบบเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งกระแสท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ (Organic Tourism) ก็ขายดีด้วยเช่นกัน สอดคล้องกับกระแสความนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพกันเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ทุกชนิดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี คาดว่า ในปี 2562 ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เพราะทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคเอง ต่างตื่นตัวในเรื่องสุขภาพเพิ่มมากขึ้น เลมอน ฟาร์ม “ร้านเลมอน ฟาร์ม” เป็นองค์กรของสมาชิกและผู้บริโภคที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นกลไกเชื่อมโยงเกษตรกรผู้ผลิตในชนบทกับผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษที่ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกร สร้างสุขภาพ
แต่ก่อนเกษตรกรในพื้นที่นิคมสหกรณ์ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ต่างต้องประสบกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำ อีกทั้งยังถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาทำให้มีหนี้สินมากมายและเกิดความยากจนอย่างหนัก ต่อมาเกษตรกรจึงรวมตัวกันจัดตั้งสหกรร์นิคมชะอำ จำกัด ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีสมาชิกแรกตั้ง จำนวน 250 คน นายมานะ อ่อนนุ่ม ผู้อำนวยการนิคมสหกรณ์ชะอำ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันสหกรณ์นิคมชะอำ จำกัด มุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างอาชีพและการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับสมาชิก เพื่อให้สมาชิกช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับการผลิตข้าวตามมาตรฐาน GAP การขับเคลื่อนโครงการนาแปลงใหญ่ตามนโยบายรัฐเพื่อลดต้นทุนการผลิต จำนวน 504 ไร่ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก เช่น ค่าใช้จ่ายในการตีดินทำเทือกเพื่อเตรียมดิน จากไร่ละ 350 บาท เหลือไร่ละ 300 บาท อีกทั้งยังเน้นส่งเสริมให้สมาชิกใช้การตลาดนำการผลิตรับซ้อผลผลิตในราคาสูง ซ฿งผลผลิตข้าวบางส่วนสหกรณ์ได้นำมาแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ขวัญข้าว” เพื่อสร้างรายได้และปันผลกำไรคืนสู่สมาชิก นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำโครงการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่นิคมส
การใช้ประโยชน์จากที่พักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำด้วยการปลูกผัก เลี้ยงปลา ถือเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยมาช้านาน ด้วยเจตนาเพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือน หรือบางรายทำหลายชนิดเพื่อยึดเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงปากท้องในครอบครัว คุณดวงเดือน ทองญวน อยู่บ้านเลขที่ 74/2 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ดังนั้น เธอจึงใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกผักบุ้งและผักกระเฉดแบบชีวภาพ ตลอดริมฝั่งแม่น้ำซึ่งติดกับเนื้อที่บ้านไปเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร ยึดเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวมานานกว่า 20 ปี ด้วยความที่ต้องเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก จึงทำให้คุณดวงเดือนมองว่าในยามว่างควรหาอะไรทำที่ได้เงิน เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการเลี้ยงครอบครัว ขณะเดียวกัน การมีบ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำจึงสบโอกาสให้เธอใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกผักบุ้งแล้วเก็บขาย เพราะมองว่าไม่ได้ลงทุน หรือลงแรงอะไรมากนัก “สมัยก่อนที่เริ่มทำในละแวกนี้ยังไม่มีใครทำกัน พอได้รู้ว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดออกไปไกลจากบ้านตัวเองทำอาชีพนี้อยู่จึงพายเรือไปขอต้นพันธุ์ผักบุ้งมา แต่ตอนนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องการปลูกเลี้ยงดีนัก จึงไม่ได้ผูกยอดต