พริกขี้หนู
เว็บไซต์กรมการค้าภายใน เผยราคาพริกขี้หนูยังคงทรงตัว เฉลี่ยอยู่ที่ 70-100 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาพริกออร์แกนิกอยู่ที่ 500 บาทต่อกิโลกรัม วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 รายงานข่าวจากกรมการค้าภายในระบุว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ราคาขายปลีกผักในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่าส่วนใหญ่ราคายังคงทรงตัว ส่วนสถานการณ์ราคาพริกขี้หนูจินดาราคายังคงทรงตัว เฉลี่ยอยู่ที่ 70-100 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาผักชนิดอื่นๆ เช่น ผักคะน้าราคาอยู่ที่ 42 บาทต่อกิโลกรัม กวางตุ้งอยู่ที่ 34.80 บาทต่อกิโลกรัม ผักกาดขาวอยู่ที่ 35.50 บาทต่อกิโลกรัม ผักบุ้งจีนอยู่ที่ 34.80 บาทต่อกิโลกรัม ผักชีอยู่ที่ 156 บาทต่อกิโลกรัม มะนาวเบอร์ 1-2 ราคาลูกละ 4.70 บาท ราคาพริกในห้าง ส่วนการติดตามราคาพริกขี้หนูที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า เช่น Top Supermarket พบว่าพริกขี้หนูจินดา 470 บาทต่อกิโลกรัม และร้าน Lemon Farm สินค้าออร์แกนิก พบว่าพริกขี้หนูจินดา 500 บาทต่อกิโลกรัม ราคาพริกในตลาด ราคาพริกที่ตลาดไท พบว่าพริกขี้หนูแดง 65-70 บาทต่อกิโลกรัม พริกขี้หนูเขียว 70-80 บาทต่อกิโลกรัม พริกขี้หนูแดงจินดา 65-70 บาทต่อกิโลกรัม พริกขี้หนูเขียวจินดา 70-80 บาทต่อกิโลกรัม
พริกขี้หนูสวน ถือเป็นอีกหนึ่งพืชผักสวนครับที่ทุกครอบครัวต้องมีไว้ใช้ในครัวเรือน พริกขี้หนูสามารถปลูกได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด เป็นด่างของดิน 6.0-6.8 ปลูกได้ตลอดปี แต่หากบริเวณบ้านไม่มีพื้นที่ สามารถปลูกในกระถางหรือภาชนะอื่นได้เช่นกัน สำหรับพันธุ์พริกขี้หนูสวนที่นิยมปลูกกันหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ห้วยสีทน พริกพันธุ์หัวเรือ และพริกพันธุ์สร้อย เป็นต้น วิธีปลูกพริก ปลูกได้ทั้งในสภาพไร่และสภาพสวนแบบยกร่อง การปลูกสภาพไร่ มักปลูกในที่ดอน อาศัยน้ำฝนและให้น้ำเสริมในช่วงฝนแล้ง จากบ่อน้ำหรือบ่อบาดาล ซึ่งทำให้การผลิตได้ผลไม่สม่ำเสมอ การปลูกในสภาพสวน ส่วนใหญ่ปลูกในบริเวณที่ลุ่มและยกร่องสวน จึงมีน้ำหล่อเลี้ยงได้เกือบตลอดปี ทำให้กำหนดการผลิตได้ในเวลาที่ต้องการ ส่วนของการเพาะเมล็ดเพื่อปลูก ถ้าต้องการให้มีประสิทธิภาพการงอกของเมล็ด เริ่มต้นด้วยการห่อเมล็ดพันธุ์ในถุงผ้าและแช่ในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน ในน้ำควรจะใส่ยาป้องกันราลงไปด้วย เมื่อผ่าน 1 คืนไปแล้วให้นำพริกไปล้างผ่านน้ำไหลอย่างน้อย 30 นาที เก็บถุงผ้าไว้ในที่ร่มและชื้นอีก 2-3 วัน เมื่อเมล
ผมเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบรับประทานก๋วยเตี๋ยวมาก (ยกเว้นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) มากชนิดที่เจอที่ไหนไม่ได้ต้องแวะชิมให้รู้ดำรู้ดีกันไปว่ามีรสชาติที่พอจะเข้าเทียบท่าไหนได้ (ฮา) แต่ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่นักชิมมืออาชีพ และรสชาติที่คุ้นเคยมากจนทำให้การรับประทานเกิดรสชาติแซ่บ คือ ต้องเผ็ด (แบบไม่โหด) ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวประเภทใดจึงต้องเผ็ดนำไว้ก่อน จำได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนมีก๋วยเตี๋ยวประเภทหนึ่ง ที่ให้ชื่อว่า “ก๋วยเตี๋ยวหมูพริกกะเหรี่ยง” ขายอยู่หลายแห่ง ถือว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีความอร่อยตรงพริกปรุงที่นำพริกกะเหรี่ยงมาใช้ ทำให้รสชาติหอม น้ำซุปรสเด็ดจัดจ้าน ปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวพริกกะเหรี่ยง ยังคงมีจำหน่ายอยู่แต่ไม่แพร่หลายเหมือนก่อน ค่อนข้างหารับประทานยาก หากท่านผู้อ่านพบเห็นที่ใดในเขตกรุงเทพฯ แบบที่ขายดิบขายดีช่วยอนุเคราะห์ส่งข้อมูลแหล่งที่พบมาตามอีเมลด้านบนด้วย ขอขอบพระคุณมาล่วงหน้า และจักเป็นพระคุณยิ่ง พริกกะเหรี่ยง ไม่ใช่พริกขี้หนูสวน ชอบแสงแดดจัดการปลูกพริกกะเหรี่ยงของคนกะเหรี่ยงจะปลูกแบบพืชไร่โดยการเอาเมล็ดพริกผสมกับเมล็ดพืชอื่นๆ อาทิ เมล็ดฟัก แฟง แตงกวา ฯลฯ หว่านในไร่ หลังจากที่หยอดเมล
พริกเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพสูงและมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ คาดว่าพื้นที่ปลูกพริกของเกษตรกรไทย จากข้อมูลการสำรวจพบว่า โดยเฉลี่ยคนไทยบริโภคพริกคนละ 5 กรัมต่อวัน หรือ ลองคำนวณคร่าวๆ ด้วยประชากรคนไทย 60 ล้านคน ก็จะประมาณได้ว่าคนไทยบริโภคพริกถึง 109,500,000 กิโลกรัมต่อปี พื้นที่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “พริกขี้หนูหัวเรือ” มีการขยายพื้นที่ปลูกกันมากที่สุดโดยเฉพาะในเขตจังหวัดอุบลราชธานี แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรที่ปลูกพริกสายพันธุ์นี้พบปัญหาเรื่องผลผลิตต่อไร่ต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีการเก็บเมล็ดพันธุ์เองและไม่มีการคัดเลือกสายพันธุ์ หลังจากที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ใช้เวลาประมาณ 7 ปี ในการคัดเลือกพันธุ์พริกหัวเรือแบบสายพันธุ์บริสุทธิ์ สุดท้ายได้ทำการทดสอบสายพันธุ์ในไร่ของเกษตรกร ได้พริกขี้หนูเรือพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ที่เกษตรกรเก็บพันธุ์เองถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ขนาดของทรงพุ่มเล็กกะทัดรัด มีความสูงและเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นประมาณ 80-90 เซนติเมตรเท่านั้น มีอายุการเก็บเกี่ยวเร็วคือ 90 วัน หลังจากย้ายปลูกลงแปลง ที่สำคัญเป็นพริกที
กรมวิชาการเกษตร เปิดโฉมพริกขี้หนูสวนพันธุ์ใหม่ “กาญจนบุรี 2” เผยลักษณะเด่นให้ผลผลิตสูงกว่า 1,000 กิโลกรัม/ไร่ ติดดอกออกผลไว แซงพันธุ์การค้าและพันธุ์เกษตรกรอย่างน้อย 1 เดือน คุณสมบัติอัดแน่นตรงความต้องการผู้บริโภค ผลเล็ก เหยียดตรง ผิวเรียบเป็นมัน ไร้กลิ่นเหม็นเขียว เหมาะกินสด รสชาติเผ็ดเว่อร์ กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า พริกขี้หนูสวน เป็นพริกที่มีอายุได้หลายฤดู ผลมีขนาดเล็กมาก ความยาวผลไม่เกิน 3.0 เซนติเมตร มีรสเผ็ดจัด บางพันธุ์มีกลิ่นหอม ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้สำหรับการบริโภคสด ราคาพริกขี้หนูสวน จึงสูงกว่าพริกชนิดอื่นในท้องตลาด ซึ่งการปลูกพริกขี้หนูสวนทั่วไปต้องปลูกภายใต้ร่มเงาจึงจะเจริญเติบโตได้ดี และมีอายุยาวนาน สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์พริกขี้หนูสวนเพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ให้ผลิตสูง เหมาะสำหรับการบริโภคผลสด และให้ผลผลิตเร็วกว่าพันธุ์การค้า โดยในระหว่างปี 2551-2554 ได้รวบรวมพันธุ์พริกขี้หนูสวน จำนวน 14 ตัวอย่าง คัดเลือกพันธุ์แบบสืบประวัติโดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกคือ ผลมีขนาดยาวไม่เกิน 3.5 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม และให้ผลผลิตมากกว่
หลักการของสหกรณ์คือ ร่วมคิด รวมผลิต ร่วมทำ เพื่อเป้าหมายหลักคือความยั่งยืน ขนาดของสหกรณ์จะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญเท่ากับการร่วมใจ และเมื่อสมาชิกร่วมคิด ร่วมทำธุรกิจสหกรณ์ไปได้ไกล จนวันนี้สหกรณ์การเกษตรสบปราบกำลังนำผลผลิตต่อยอดมูลค่าด้วยนวัตกรรมสินค้าเกษตร เพื่อเป้าหมายคือสร้างรายได้เพิ่มให้สมาชิก นางสาวสมคิด บุญแก้ว ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรสบปราบ ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง เล่าว่า มีสมาชิกประมาณ 4,000 คน ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์มีเงินฝาก เงินออมประมาณ 700 ล้านบาท เงินกู้ 350 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากการร่วมกันคิดและร่วมกันทำของสมาชิกทุกคน โดยแบ่งกันทำงานตามความถนัด ปลูกข้าว ปลูกผัก ผลไม้ ผลิตแล้วสมาชิกขายกันเอง ขายแม่ค้า และบางส่วนมาขายให้กับสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดตลาดเป็นฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตริมถนนใหญ่ เพื่อรองรับผลผลิตสินค้าเกษตร จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว ยอดขายสินค้าปีที่ผ่านมาประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งผลผลิตที่นี่มีคุณภาพ เพราะปลูกจากดินภูเขาไฟ เร็วๆ นี้สหกรณ์จะโปรโมตข้าวกล้องหอมมะลิแดง และพืชผักที่นี่ว่าเป็นข้าวและผักที่มาจากพื้นที่แอ่งภูเขาไฟ และฟักทองญี่ปุ่นของสบ
อาหารเผ็ดร้อน เช่น ลาบขม ต้มแซ่บ ยำน้ำตก ผัดเผ็ดกบ แกงเผ็ดไก่ และน้ำพริกสารพัด รสเผ็ดร้อนของอาหาร ได้จากพืชผัก สมุนไพรหลายชนิดรวมกัน หรือชนิดเดียวโดดๆ เช่น พริกไทย ขิง ข่า กระชาย และที่รู้จักกันมาแต่เนิ่นนาน จนคิดว่าเป็นพืชพื้นเมืองของไทยซะเอง คือ “พริก” มีคนเขาเล่าว่า พริกที่ปลูกไว้ให้เราเอามาประกอบอาหารให้มีรสเผ็ดนั้น สันนิษฐานว่าเข้ามาให้คนไทยรู้จักสมัยอยุธยาตอนปลาย ว่ากันว่าฝรั่งชาติโปรตุเกส เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี หรือว่าเข้ามาไม่ทราบเจตนาเบื้องต้น เขาว่าเจริญสัมพันธไมตรี ก็ว่าตามเขา เหตุการณ์นานมาแล้ว คงเอาเรือใหญ่เข้ามาทางทะเลเข้าปากน้ำเจ้าพระยาละกระมัง เข้ามามีการปรับทุกข์ผูกมิตร มี “พริก” ติดมาทำอาหาร คนไทยได้มีวาสนาได้ชิมอาหารที่ชาวโปรตุเกสนำมา ชิมรสพริกก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร? ฝรั่งว่าไอก็ไม่รู้ แต่ที่อเมริกาใต้ แถบ เปรู บราซิล เขาเรียก “ปริ้กก้า” อ๋อ…ปริ้กก้า ปริ้กก้า…ปริ้ก ปริก ออกเสียงยาก เรียกมันว่า “พริก” ดีกว่า พริกขี้นก พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกมัน พริกหยวก เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ หรือแฟมิลี่ solanaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum Frutescens Linn. พริกที่รู้จักกันในปัจจุบัน
มันต้องมีบางวันนะครับ ที่เราอยากกินกับข้าวอะไรที่มันไปทิ่มแทง ทะลุทะลวงปากลิ้น หลอดอาหาร กระเพาะลำไส้ ชนิดที่ว่าสาสมแก่ใจ ตอบสนองอารมณ์ความอยากที่ท่วมท้นนั้นได้เต็มที่เมื่อนั้น อย่างน้อยถ้าไม่นึกถึงกับข้าวเสฉวนของจีน หรือกับข้าวปาดังของอินโดนีเซีย ก็ต้องเป็นกับข้าวไทยเรานี่เองแหละครับ กับข้าวไทยมีที่เผ็ดโดยใช้พริก (chillies) อยู่มาก ทั้งแกง ทั้งผัด ต้มยำรสจี๊ดๆ ไหนจะน้ำพริกนานาชนิดอีก แต่ใครที่กินเผ็ดเก่งๆ ก็ต้องนึกออก ว่ารสเผ็ดและอาการทางร่างกายที่ความเผ็ดกระทำของมนุษย์นั้นล้วนผิดแผกแตกต่างกันไป บางคนกินแกงป่าเผ็ดๆ ของเมืองกาญจนบุรีแล้วก็เผ็ดจี๊ดอยู่ครู่เดียวก็หาย กลายเป็นความโล่งสบายตัว แต่เมื่อมากินแกงป่าเผ็ดร้อนของภาคตะวันออกแถบจันทบุรี ตราด ที่เข้าหัวสมุนไพรสดหนักๆ แล้วก็พบว่าความเผ็ดนั้นติดปากติดคออยู่นาน ไม่หายไปง่ายๆ แถมรีดเหงื่อรีดน้ำลายไปมากกว่าแกงแบบอื่นๆ ในขณะที่หลายคน เมื่อกินแกงแบบฮินดูหรือมุสลิมที่เข้าเครื่องเทศแห้งรสฉุนร้อนแล้วก็รู้สึกมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวีคูณ เนื่องจากเครื่องเทศหลายตัว อย่างเช่น ดีปลี พริกไทย โดยเฉพาะกานพลูนั้นมีความร้อนแรงที่เสริมความเผ็ดของพริกให้มา
พริก เป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพสูง และมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ คาดว่าพื้นที่ปลูกพริกของเกษตรกรไทยในปัจจุบันนี้มีรวมทั้งสิ้น 584,564 ไร่ รูปแบบของการใช้ประโยชน์จากพริกมีมากมาย ทั้งเพื่อการบริโภคสด ผลิตเป็นพริกแห้งหรือพริกป่น รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ นอกจากนั้น ยังใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคบางชนิด จากข้อมูลการสำรวจพบว่า โดยเฉลี่ยคนไทยบริโภคพริก คนละ 5 กรัม ต่อวัน หรือลองคำนวณคร่าวๆ ด้วยประชากรคนไทย 60 ล้านคน ก็จะประมาณได้ว่าคนไทยบริโภคพริกถึง 109,500,000 กิโลกรัม ต่อปี พื้นที่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “พริกขี้หนูหัวเรือ” มีการขยายพื้นที่ปลูกกันมากที่สุด โดยเฉพาะในเขตจังหวัดอุบลราชธานี แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรที่ปลูกพริกสายพันธุ์นี้พบปัญหาเรื่องผลผลิตต่อไร่ต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีการเก็บเมล็ดพันธุ์เองและไม่มีการคัดเลือกสายพันธุ์ หลังจากที่ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ใช้เวลาประมาณ 7 ปี ในการคัดเลือกพันธุ์พริกหัวเรือแบบสายพันธุ์บริสุทธิ์ สุดท้าย ได้ทดสอบสายพันธุ์ในไร่ของเกษตรกร ได้พริกขี้หนูหัวเรือพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ
ในการกินอาหารของคนไทย ส่วนใหญ่นิยมกินของเผ็ดร้อน ประเภทที่ว่าอาหารกับข้าวไม่มีรสเผ็ดร้อน เป็นว่ากลืนไม่ค่อยลง ความเผ็ดร้อนทำให้ อร่อย กินได้เยอะ เรียกเป็นคำเพราะๆ ว่า เจริญอาหาร อาหารเผ็ดร้อน เช่น ลาบขม ต้มแซ่บ ยำน้ำตก ผัดเผ็ดกบ แกงเผ็ดไก่ และน้ำพริกสารพัด รสเผ็ดร้อนของอาหาร ได้จากพืชผัก สมุนไพรหลายชนิดรวมกัน หรือชนิดเดียวโดดๆ เช่น พริกไทย ขิง ข่า กระชาย และที่รู้จักกันมาแต่เนิ่นนาน จนคิดว่าเป็นพืชพื้นเมืองของไทยซะเอง คือ “พริก” มีคนเขาเล่าว่า พริกที่ปลูกไว้ให้เราเอามาประกอบอาหารให้มีรสเผ็ดนั้น สันนิษฐานว่าเข้ามาให้คนไทยรู้จักสมัยอยุธยาตอนปลาย ว่ากันว่าฝรั่งชาติโปรตุเกส เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี หรือว่าเข้ามาไม่ทราบเจตนาเบื้องต้น เขาว่าเจริญสัมพันธไมตรี ก็ว่าตามเขา เหตุการณ์นานมาแล้ว คงเอาเรือใหญ่เข้ามาทางทะเลเข้าปากน้ำเจ้าพระยาละกระมัง เข้ามามีการปรับทุกข์ผูกมิตร มี “พริก” ติดมาทำอาหาร คนไทยได้มีวาสนาได้ชิมอาหารที่ชาวโปรตุเกสนำมา ชิมรสพริกก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร? ฝรั่งว่าไอก็ไม่รู้ แต่ที่อเมริกาใต้ แถบ เปรู บราซิล เขาเรียก “ปริ้กก้า” อ๋อ…ปริ้กก้า ปริ้กก้า…ปริ้ก ปริก ออกเสียงย