ภาคใต้
กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้า และยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วง วันที่ 12-16 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียล สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่ปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไป กับมีลมแรง โดยมีฝนบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยยังคงมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนต่อเนื่องและฝนตกหนักบางแห่ง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ถึงเวลา 17:00 วัน
กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม 9 จังหวัดภาคใต้ ตกหนักร้อยละ 70 เผยภาคเหนือหนาวถึงหนาวจัด ยอดดอยมีเหมยขาบ ให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพด้วย กรุงเทพฯวันนี้มีเมฆมาก อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส กรมอุตุฯ / เมื่อวันที่ 29 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนืออากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝน
คุณวริช วิชิต รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงาน ชุมพร-ระนอง ได้รับมอบหมายจาก คุณวิริยา แก่นแก้ว ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงาน ชุมพร-ระนอง ให้นำสื่อมวลชนสำรวจเส้นทางเพื่อผลักดันการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro-Tourism) ด้วยการเดินทางไปเยี่ยมชมสวนทุเรียนปลอดสารพิษพันธุ์หมอนทอง พื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง กับ ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และพื้นที่บ้านควนสามัคคี หมู่ที่ 13 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง คณะสื่อมวลชนได้พบ คุณจารึก ขนอม อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 1 ตำบลในวงเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง เจ้าของสวนทุเรียนปลอดสารพิษพันธุ์หมอนทอง คุณจารึก เล่าให้ฟังว่า เดิมตนเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และย้ายมาอยู่ที่ตำบลในวงเหนือ เมื่ออายุ 22 ปี เริ่มแรกตนทำสวนกาแฟ ก่อนหันมาปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และปลูกมาได้ประมาณ 30 ปีแล้ว ในระยะแรกทุเรียนค่อนข้างมีราคาตกต่ำ แต่ต่อมาราคาก็ดีขึ้น ตนใช้ปุ๋ยเคมีกับสวนทุเรียนมา 20 กว่าปี มีผลกระทบ
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวในโอกาสร่วมนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคาร ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยี่ยมเยียนประชาชนและบู๊ธของ ธอส. ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ว่าธนาคารเตรียมกรอบวงเงินสินเชื่อรวม 4,700 ล้านบาท สำหรับโครงการปล่อยสินเชื่อแก่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบไปด้วยหลายโครงการสินเชื่อ อาทิ ที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี คงที่นานถึง 5 ปีแรก เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมอาคาร โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี คงที่นานถึง 5 ปีแรก เป็นต้น นอกจากนี้มีลูกค้าที่พักอาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน จำนวน 175 ราย และธนาคารอนุมัติสินเชื่อกว่า 8.7 ล้านบาท ถือเป็นโครงการส่งเสริมความรู้ในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ฉบับวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2560
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ ฉบับที่ 11 เรื่อง “ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560)” ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่าเมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (2 พ.ย. 2560) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 748 กิโลเมตร ทางตะวันออกของจังหวัดสงขลา ประเทศไทย หรือละติจูด 7.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวนเข้าสู่อ่าวไทยในวันนี้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ – วันที่ 2-3 พ.ย. 2560 บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอ
ทันทีที่คณะอนุกรรมการการกฎหมาย ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เห็นชอบผ่อนปรนให้ปลูก และเคี้ยวใบกระท่อม แบบวิถีชาวบ้านดั่งเดิมได้ ส่งผลให้ในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ โดยเฉพาะคนสุราษฎร์ธานี พัทลุง และ นครศรีธรรมราช ต่างมีความรู้สึกที่ตรงกันคือ ได้มีโอกาสเคี้ยวใบกระท่อมอย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และราคาใบกระท่อมคงจะลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่กำละ (20 ใบ) 100-200 บาท ขณะที่ในอดีตกำละ 20 บาทเท่านั้น หากถามว่าใครบ้างที่เคี้ยวใบกระท่อมทุกวัน ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีแทบทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทหาร ปกครอง แรงงาน พ่อค้า และประชาชนทั่วไป ลองมาฟังความเห็นจากสาขาอาชีพต่างๆ ว่าการผ่อนปรน “กระท่อม” จะบวก จะลบอย่างไร รศ.ดร. รงค์ บุญสวยขวัญ นักวิชาการภาควิชารัฐศาสตร์ สำนักวิชาศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ให้ความเห็นว่า ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นคนเฒ่าคนแก่เคี้ยวใบกระท่อมทุกเช้า เวลามานั่งพูดคุยในวงน้ำชา ใครเก็บใบกระท่อมมาจะเอามาวาง 9-10 ใบ กลางวงน้ำชา เคี้ยวควบคู่การกินน้ำร้อน ถามว่ากินแล้วติดหรือไม่ ผมไม่เคยได้ยินข่าวว่า คนกินใบกระท่อมแล้วก่อคดีอาชญากรรม ฆ่าใคร จี้ใคร หรือขโมยทรัพ
สตูล – นายถาวรศักดิ์ รัตนชูศรี ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสตูล เผยว่า ตัวแทนกลุ่มสหกรณ์เกษตรกรสวนลำไยจากจังหวัดพะเยา นำลำไยสด เกรด AA มากระจายสินค้าในจังหวัดสตูล ซึ่งสืบเนื่องจากเกษตรกร ผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ ประสบปัญหาเรื่องราคาที่ตกต่ำ ต้องระบายออกสู่ตลาดให้มาก ล็อตแรกจะมีการระบายอยู่ที่ 2.5 ตัน โดยนำลำไยกล่องละ 10 กิโลกรัม ราคา 300 บาท ที่ผ่านมาช่วยเหลือเกษตรกรลิ้นจี่ ในลักษณะเดียวกัน การบริโภคผลไม้ในจังหวัดสตูลนั้นไม่น่าวิตกกังวล ผลไม้ชนิดต่างๆ เงาะ, ทุเรียน หรือจำปาดะ ผลผลิตแทบไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในจังหวัด ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด
หอการค้าไทยวอนรัฐเร่งฟื้นฟูภาคใต้หลังน้ำลด ชี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสร้างรายได้เกษตร-ท่องเที่ยวปีละ 6 แสนล้าน คลังระดม 4 แบงก์รัฐแจกสินเชื่อ ดบ. 0-3% ช่วยผู้ประสบภัย เงินบริจาคลดภาษี1.5 เท่า จับตาผลผลิตปาล์ม-กาแฟ-กุ้งน็อกน้ำหวั่นกระทบส่งออก เอกชน 3 สถาบันชี้เสียหาย 1.5 หมื่นล้าน คมนาคมอัดงบสร้าง-ซ่อมถนนหมื่นล้าน จัดทำผังเมืองระบายน้ำ 13 จังหวัด นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาวะวิกฤตน้ำท่วมในเขตภาคใต้ หลังน้ำลดทุกฝ่ายต้องฟื้นฟูโดยเร็ว เพราะเศรษฐกิจหลัก 2 ขาของภาคใต้ ได้แก่ ท่องเที่ยวและเกษตร มีรายได้รวมปีละ 6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะประมงชายฝั่ง เลี้ยงกุ้งกุลาดำและกุ้งขาว ภายหลังน้ำลดราคาสินค้าประมงปรับตัวขึ้นสูงแน่นอนเพราะต้องนำเข้า ภาครัฐต้องสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปลอดต้น 6-12 เดือน ให้กับผู้รับผลกระทบจากภาคเกษตร เอสเอ็มอี ร้านค้า เงินบริจาคหักภาษี 1.5 เท่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 ม.ค. มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีผู้บร