สินค้า GI
นางสาวกนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งสินค้า GI เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตลักษณ์และมีศักยภาพแข่งขันในเวทีโลก กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ไทยในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น ปัจจุบันมีสินค้าขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศ ทั้งในกลุ่มสินค้าประเภทอาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และสิ่งของเครื่องใช้ รวม 206 สินค้า สร้างมูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาทต่อปี นางสาวกนิษฐา กล่าวว่า ล่าสุด ได้การลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบปะหารือกับเกษตรกร ผู้แปรรูป และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเห็ดตับเต่า เพื่อผลักดันเห็ดตับเต่าขึ้นทะเบียน GI นำมาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของชาวอยุธยา ซึ่งนำมาทำเมนูอาหารได้หลายอย่าง อาทิ ทาร์ตแกงคั่วเห็ดตับเต่าปลาย่าง เห็ดตับเต่าเป็นพืชที่อยู่คู่กับชาวกรุงเก่ามายาวนาน โดยมีหมวกเห็ดมนเป็นรูปกระทะคว่ำ ผิวมัน เนื้อเห็ด มีความแข็ง หนา และเหนียวแน่น ผิวสีน้ำตาลเข้มปนเหลืองอ่อน โคนก้านใหญ่ มีรสชาติดี พื้นที่ของจังหวัดเ
ข้าวหอมมะลิเป็นอีกหนึ่งสินค้าทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของเกษตรกรผู้ทำนา เพราะจะเห็นได้จากการค้าขายทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริโภคต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความอร่อยและมีรสสัมผัสที่ดี ซึ่งข้าวหอมมะลิที่ปลูกในแถบอีสานเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของความนุ่มและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว พร้อมทั้งมีการผลิตแบบอินทรีย์ส่งผลให้ข้าวหอมมะลิอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีคุณภาพตามที่ตลาดมีความต้องการ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีคุณภาพ เพราะข้าวที่ปลูกในพื้นที่แห่งนี้จะเป็นข้าวที่ค่อนข้างมีความหอมเป็นอย่างมาก ด้วยสภาพพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ดินเป็นดินร่วนปนทราย พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ จึงทำให้การปลูกข้าวที่เป็นทั้งที่ดินแห้งแล้งและดินที่มีความเค็มนี้เอง ทำให้ข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอมออกมาทำให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีความพิเศษ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคามได้จับมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร ได้ทำการผลักดันให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ GI จังหวัดมหาสารคาม เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ตั้
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญายังคงเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและชุมชนท้องถิ่น ผ่านนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากบนพื้นฐานแห่งอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทย โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่น ตลอดจนให้ความคุ้มครอง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยกรมจะเดินหน้าส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ส้มควายภูเก็ต” สินค้า GI รายการใหม่ลำดับที่ 3 ของจังหวัดภูเก็ตต่อจากสินค้าสับปะรดภูเก็ต และมุกภูเก็ต ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้ “ส้มควายภูเก็ต” เป็นพันธุ์ส้มที่มีทรงผลกลม ร่องผิวเปลือกตื้น เนื้อละเอียด หนา แน่น รสชาติเปรี้ยวจัด มีขอบเขตการปลูกครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดภูเก็ต ลักษณะดินเป็นดินร่วนปนเหนียว อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลักที่จำเป็น อีกทั้งสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกชุกตลอดปี ถือเป็นพื้นท
วช. หนุน วท.สุราษฎร์ธานี เดินหน้าส่งต่อองค์ความรู้ “เตาอบรมควันปลาเม็งระบบอัตโนมัติ” สู่ชุมชนบ้านห้วยทราย ต่อยอดแปรรูปปลาเม็งสู่ผู้บริโภค ส่งเสริมเป็นสินค้า GI วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ได้มอบหมายให้กลุ่มสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมนวัตกรรมเพื่อเกษตรชุมชน “เตาอบรมควันปลาเม็งระบบอัตโนมัติ” ของวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี โดยนายเกียรติศักดิ์ เส้งพัฒน์ เป็นหัวหน้าโครงการ และนายวีระพล บุญจันทร เป็นผู้ร่วมโครงการวิจัย โดยมี ดร.ธวัช ไชย ลิ้มสุวรรณ เป็นที่ปรึกษาโครงการ ณ วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ปลาเม็ง หมู่ที่ 3 ตำบลทรัพย์ทวี อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัด สุราษฎร์ธานี ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 การประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม “Thailand New Gen Inventors Award 2023” (I-New Gen Award 2023) จาก วช. นายวีระพล บุญจันทร ผู้ร่วมโครงการวิจัย กล่าวว่า “ปลาเม็ง ถือเป็นปลาประจำท้องถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เกษตรกรนิยมเลี้ยงปลาเม็งอย่างแพร่หลายร
นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่” เป็นสินค้าเกษตรล่าสุดที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ พบปลูกในพื้นที่อำเภอปากช่อง ตั้งอยู่บนเทือกเขาดงพยาเย็นเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก มีความอุดมสมบูรณ์จากดินภูเขา และสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพ รสชาติหวาน มัน เนื้อเนียนละเอียดแห้ง และมีเส้นใยน้อย เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกพันธุ์หมอนทอง ซึ่งเป็นพันธุ์ทางการค้า และเป็นที่นิยมของผู้บริโภค สำหรับทุเรียนปากช่องเขาใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นทุเรียนที่มีคุณภาพ สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทางจังหวัด โดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และกลุ่มเกษตรกร ได้ผสานความร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น ผลักดันทุเรียนปากช่องเขาใหญ่จนได้รับมาตรฐาน GAP และได้รับรองตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565
“กระท้อน” เป็นไม้ผลเขตร้อนยืนต้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทนแล้งได้ดี ทั้งนี้ กระท้อนเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี ที่สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน จุดเริ่มต้น กระท้อนอร่อยเมืองลพบุรี เกิดขึ้นเมื่อ 75 ปีก่อน (ปี 2489) ปู่พร้อม ยอดฉุน เป็นผู้นำต้นกระท้อนจากนนทบุรีมาปลูกในพื้นที่ตำบลตะลุง ได้แก่ พันธุ์ทับทิม พันธุ์อีล่า พันธุ์นิ่มนวล ปลูกขยายพันธุ์จนเต็มสวน ริมแม่น้ำลพบุรีซึ่งเป็นดินน้ำไหลทรายมูล ดินทรายหวาน ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี รสชาติอร่อย ถูกใจผู้บริโภค เกษตรกรจึงนิยมปลูกขยายพันธุ์กระท้อนครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบลริมแม่น้ำลพบุรีในอำเภอเมืองลพบุรี คือ ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลตะลุง และตำบลงิ้วราย ต่อมา กระท้อนตะลุงเข้าสู่กระบวนการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 ประกาศให้โลกรู้ว่ากระท้อนลพบุรีมีรสชาติดีที่สุดในโลก 3 พันธุ์ คือ อีล่า ปุยฝ้าย และทับทิม ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี ระบุว่า กระท้อนตะลุงของจังหวัดลพบุรี มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมของ
นางสาวปวริศา ศิริกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 อุดรธานี (สศท.3) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตลิ้นจี่ในพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดนครพนม ซึ่งนับเป็นจังหวัดที่ผลิตลิ้นจี่อันดับ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2565 พบว่า จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ 2,403 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 1,217 ตัน ส่วนใหญ่อยู่ในอําเภอเมือง ท่าอุเทน และ ธาตุพนม เกษตรกรนิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม และจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 4 และให้ผลผลิตมากกว่า 30 ปี โดยลิ้นจี่มักจะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม และเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนปลายมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี จากการลงพื้นที่ของ สศท.3 พบว่า เกษตรกรจังหวัดนครพนม นิยมลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 เนื่องจากมีลักษณะเด่น เฉพาะตัว คือ มีผลใหญ่ เนื้อแห้ง ไม่เละ มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่มีรสฝาด ทําให้เป็นที่นิยมรับประทาน และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ และยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (Geographical Indications หรือ GI) ตั้งแต่ปี 2560 สำหรับราคาต้นพัน
นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “ทุเรียนน้ำแร่ธรรมชาติ ดินภูเขาไฟบุรีรัมย์” ของจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทุเรียนที่มีลักษณะพิเศษ ปลูกในพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์ทางด้านธรณีวิทยา ซึ่งมีน้ำแร่ที่มาจากน้ำใต้ดิน ในดินภูเขาไฟ ดินที่ใช้ปลูกเป็นดินแดงเข้มที่ได้จากการประทุของภูเขาไฟของจังหวัดบุรีรัมย์ ทุเรียนจึงมีการเจริญเติบโตดี เนื้อนุ่ม รสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่ต้องการของตลาดสูง ซึ่งขณะนี้จังหวัดบุรีรัมย์ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังผลักดันให้เป็นสินค้า GI ซึ่งคาดว่าจะได้ขึ้นทะเบียนในปี 2566 ปัจจุบัน เกษตรกรจังหวัดบุรีรัมย์ได้ขึ้นทะเบียนการปลูกทุเรียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2564) จำนวน 294 ราย พื้นที่ 1,346 ไร่ โดยแบ่งเป็นเกษตรกรที่ปลูกทุเรียนน้ำแร่ธรรมชาติ ดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ จำนวน 186 ราย พื้นที่ 930 ไร่ หรือร้อยละ 69 ของพื้นที่ปลูก ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ผลิตทุเ
“เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สับปะรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ” เป็นคำขวัญประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ที่มีเขตแดนติดกับภาคใต้ ประจวบคีรีขันธ์จัดอยู่ในกลุ่มแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองในแอ่งทะเลตะวันตก มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกมากมาย ทั้งโซนขุนเขา ป่าไม้ น้ำตก และท้องทะเล แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ถูกใจของใครหลายๆ คน ได้แก่ หัวหิน ปราณบุรี เขาตะเกียบ อ่าวมะนาว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ฯลฯ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนวันหยุดของคนที่รักธรรมชาติและชื่นชมการบริโภคผลไม้รสอร่อยต้องแวะเวียนมาท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี ทำเลทองปลูกทุเรียนคุณภาพดี คนไทยจำนวนมากรู้จักเพียงว่า แหล่งปลูกทุเรียนคุณภาพดี อยู่ในภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง ตราด ฯลฯ แต่ความจริงแล้ว “จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลทองของการปลูกทุเรียนคุณภาพดี เช่น “ทุเรียนป่าละอู” ซึ่งเป็นผลไม้ของดีประจำหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู อำเภอหัวหิน โดยทั่วไปทุเรียนป่าละอูมักติดดอกในเดือนเมษายน และเริ่มมีผลผลิตออกจำหน่ายสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน และมีผลผลิตทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องจนถ
นายสมเดช คงกะพันธุ์ เกษตรจังหวัดปทุมธานี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ ข้าว ผัก และไฮไลต์ คือ กล้วยหอมทอง ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกเกือบ 20,000 ไร่ โดยขึ้นทะเบียนเกษตรกรประมาณ 12,500 ไร่ กระจายในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของปทุมธานี 4 อำเภอ ได้แก่ หนองเสือ ธัญบุรี ลำลูกกา และคลองหลวง มีเกษตรกร 1,500 ราย สร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 300-500 ล้านบาท โดยจุดเด่นอยู่ที่การปลูกแบบร่องสวน และไม่ใช้สารเคมี ทำให้ผลผลิตได้คุณภาพ รูปทรงดี ผิวและสีสวย มีความคงทนในการขนส่ง และควบคุมการผลิตได้ ถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งปริมาณ คุณภาพ และพื้นที่ปลูก ด้านการตลาดส่งจำหน่ายตลาดค้าส่งผักผลไม้ ได้แก่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และตลาดไอยรา โดยผลผลิตเฉลี่ยปีละ 30,000 ตัน แบ่งเป็นตลาดภายในปทุมธานีและปริมณฑล 20% กระจายไปจังหวัดอื่น ๆ และห้างสรรพสินค้า 60% บางส่วนมีการเซ็นสัญญากับเกษตรกรถึงในแปลง รวมถึงส่งออกต่างประเทศ 20% ปัจจุบันผลผลิต ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งนี้การปลูกจะใช้เวลา 8 เดือน และผลผลิตออกมากสุดช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคาหน้าสวน 12-15 บาท/กิโลกรัม (กก.) ต้นทุนการผลิตอย