หอยขม
ในธรรมชาติ ปัจจุบันสัตว์น้ำหลายชนิดกำลังเหลือน้อย หรือใกล้จะหมดไปในธรรมชาติ เช่น ปูนา หอยขม หอยโข่ง เพราะเกิดจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้การขยายพันธุ์ของสัตว์เหล่านี้มีจำนวนไม่มากพอ นอกจากนี้ หอยปัง เป็นอีกหนึ่งสัตว์น้ำที่กำลังมีจำนวนน้อยในธรรมชาติ ที่หามาบริโภคได้ไม่มากต่อความต้องการ เพราะหอยปัง สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง จึงมีผู้ที่สนใจเริ่มนำจากธรรมชาติมาเลี้ยงโดยใช้วิธีการเลี้ยงแบบง่ายๆ เพื่อให้ได้ผลผลิต สร้างเป็นอาชีพเสริม คุณแข็งแรง ทองออน อยู่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของการลดน้อยลงของหอยปังในธรรมชาติ จึงได้นำหอยปังมาเลี้ยงในตาข่ายในคลองของตัวเอง เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและจับขายได้อย่างสะดวก ซึ่งปัจจุบันหอยปังค่อนข้างที่จะมีราคา และมีความต้องการของผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยทีเดียว คุณแข็งแรง เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบัน เป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้มีโอกาสเดินทาง และเห็นว่าการเลี้ยงหอยปัง หอยขม สามารถทำรายได้ให้กับผู้เลี้ยงได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะสามารถขายได้ราคาตั้งแต่ 80-100 บาท ต่อกิโลกรัม จึงทำให้เขาเกิดความคิดที่
คุณชัยยะ อินทร์สุข เกษตรกรทำฟาร์มหอยขม ตั้งอยู่ที่ ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ได้มองเห็นถึงโอกาสช่องทางการเลี้ยงหอยขมเพื่อเป็นอาชีพเสริม โดยมีทั้งแบบจำหน่ายทั้งเปลือกแบบตัดก้นและแกะเนื้อออกจากเปลือกเพื่อจำหน่ายให้กับร้านหรือผู้ที่สนใจได้นำไปประกอบอาหารได้ทันที ทำให้เวลานี้เป็นหนึ่งสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี เลี้ยงหอยขม เป็นงานสร้างรายได้เสริม คุณชัยยะ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีมีอาชีพค้าขาย ทำร้านอาหาร ต่อมาจึงได้ขุดบ่อเลี้ยงปลาเพื่อทำเป็นอาชีพเสริมรายได้อีกหนึ่งช่องทาง แต่ปลาที่นำมาเลี้ยงยังไม่สามารถทำความสำเร็จให้กับเขาได้เท่าที่ควร โดยระหว่างนั้นภายในบ่อก็ได้มีหอยขมติดมากับน้ำอยู่ภายในบ่อด้วย หอยขมกลับเจริญเติบโตได้ดีและสามารถจับมาประกอบอาหารได้ จึงทำให้เกิดแนวความคิดและมองเห็นโอกาสที่อยากจะเลี้ยงอย่างจริงจังในเวลาต่อมา “ช่วงนั้นก็เอาปลามาลงในบ่อ เพราะมองว่าน่าจะเลี้ยงได้ดี เสร็จแล้วเราไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลเท่าไร ปลาก็มีตายและมีขโมยมาลักไปบ้าง ทีนี้เรื่องการเลี้ยงปลาก็เลยถือว่าไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เสร็จแล้วก็มาเห็นหอยที่มันอยู่ร่วมกับปลาในบ่อ แต่มัน
คุณวิรัตน์ คงหวัง อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพยอม จังหวัดพัทลุง เป็นเกษตรกรผู้เห็นช่องทางการสร้างรายได้ โดยที่ไม่ยึดติดกับการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมากเกินไป โดยได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนมาปรับเปลี่ยนทำประมง เพื่อให้มีรายได้หลากหลายช่องทาง จึงทำให้สิ่งที่ทำจากที่คิดจะทำเป็นอาชีพเสริมกลับมีรายได้ให้กับเขาได้อย่างดี เมื่อเทียบกับการทำงานประจำกันเลยทีเดียว ทำประมงเสริมรายได้ คุณวิรัตน์ คงหวัง เล่าให้ฟังว่า เดิมมีอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรอยู่แล้ว คือปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อส่งขายให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงโค แพะ และแกะ พร้อมทั้งมีรายได้บางส่วนเกิดจากการค้าขายทั่วไป ต่อมาจึงรู้สึกว่าอยากแบ่งพื้นที่บางส่วนบริเวณบ้านให้เกิดประโยชน์ โดยที่ไม่ยึดติดการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมากเกินไป จึงได้มีแนวความคิดแบ่งพื้นที่บางส่วนขุดเป็นบ่อเพื่อเลี้ยงสัตว์น้ำเสริมรายได้เข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง “ผมมองไปถึงอนาคตข้างหน้าว่า ถ้าเราทำอาชีพเกษตรกรรม ที่เป็นเชิงเดี่ยวมากเกินไป ก็จะทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงมากในเรื่องราคา ก็เลยมองว่าน่าจะหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย ทีนี้เราก็มองว่าน่าจะทำประมง เพราะจะเป็นสิ่งที่เราคิดไว้แ
#หอยขม เป็นสัตว์น้ำจืดที่เลี้ยงง่าย แต่ทนต่อสภาพแวดล้อมน้ำเสียได้ค่อนข้างดี และยังสามารถแพร่พันธุ์ได้เองตามธรรมชาติได้ดีอีกด้วย ปัจจุบัน ความต้องการบริโภคหอยขมกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เพราะสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงคั่วหอยขม แกงอ่อมหอยขม ฯลฯ จึงทำให้เวลานี้ หอยขม เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม คุณชัยยะ อินทร์สุข เกษตรกรทำฟาร์มหอยขม จังหวัดปทุมธานี ได้มองเห็นถึงโอกาสช่องทางการเลี้ยงหอยขมเพื่อเป็นอาชีพเสริม โดยมีทั้งแบบจำหน่ายทั้งเปลือกแบบตัดก้นและแกะเนื้อออกจากเปลือกเพื่อจำหน่ายให้กับร้านหรือผู้ที่สนใจได้นำไปประกอบอาหารได้ทันที โดยหอยขมที่ตัดก้นเปลือกออกมีแต่เนื้อ ราคาจำหน่าย อยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ส่วนที่เป็นเนื้อหอยแบบแคะเปลือกออกจำหน่าย ราคาส่งอยู่ที่ 85-110 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาสามารถขึ้นลงได้ตามฤดูกาล คุณชัยยะ ให้ข้อมูลเสริมว่า สินค้าที่เกี่ยวกับหอยขม อนาคตในเรื่องของการตลาดยังไปได้ดี เพราะปัจจุบันหอยขมที่อยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณที่น้อยลง ดังนั้น การเลี้ยงหอยขมเพื่อทดแทนจึงเกิดเป็นอีกหนึ่งช่องทางอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที
“หอยขม” เป็นหอยฝาเดียวอาศัยในน้ำจืดมีขนาดเล็ก เปลือกเป็นเกลียวกลมยอดแหลม เปลือกหนาและแข็ง ผิวชั้นนอกเป็นสีเขียวแก่ ฝาปิดเปลือกเป็นแผ่นกลม ตีนใหญ่ จะงอยปากสั้นทู่ ตามีสีดำอยู่ตรงกลางระหว่างโคนหนวด ตัวผู้มีหนวดเส้นข้างขวาพองโตกว่าเส้นข้างซ้าย ลักษณะพิเศษของหอยชนิดนี้ จะมีอวัยวะเพศทั้งเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน ออกลูกเป็นตัว และผสมพันธุ์ได้ด้วยตัวของมันเองเมื่ออายุได้ 60 วัน และออกลูกเป็นตัวครั้งละประมาณ 40-50 ตัว โดยมากการเลี้ยงหอยขมมักเลี้ยงในกระชัง หรืออีกวิธีคือการเลี้ยงในร่องสวน นายสัญญา โยธวงษ์ อายุ 53 ปี เกษตรกรต้นแบบ ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านสีกายเหนือ ตำบลสีกาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ที่ทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง มีการปลูกมะพร้าวน้ำหอมกว่า 200 ต้น ปลูกมา 7 ปี มะพร้อมน้ำหอมที่ปลูกให้ผลผลิตสร้างรายได้ให้กับครอบครัวตลอดทั้งปีแล้ว ล่าสุดได้หันมาเลี้ยงหอยขมสองสายพันธุ์ คือ สายพันธุ์แบบเปลือกแดงที่ได้มาจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหอยขมที่มีขนาดใหญ่เนื้อนุ่ม ส่วนหอยขมอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ หอยขมพันธุ์เปลือกดำ เป็นหอยขมที่มีในธรรมชาติทั่วไป ที่มีขนาดตัวเล็
หอยขม ยังคงได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหาร แต่ปัจจุบันจะหาหอยขมตามท้องนา คูคลองยากขึ้นทุกวัน ครู กศน. หัวใสนำหอยขมมาเลี้ยงจนประสบผลสำเร็จสร้างรายได้อย่างงาม คุณประพันธ์ คงรอด ครู กศน.ตำบลเขากอบ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 770 ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนเองได้ทดลองเลี้ยงหอยขมในอ่างเลี้ยงปลาข้างบ้านจำนวน 2 บ่อ ผ่านไป 3 เดือน ก็พบว่า หอยขมที่เลี้ยงโตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ในปริมาณมาก สามารถจับขายได้ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพราะลูกค้ามั่นใจว่าเป็นหอยที่สะอาด นับว่าประสบผลสำเร็จ ในการเริ่มต้น ต่อมาตนเองก็ได้เพิ่มพื้นที่ของการเลี้ยงหอยขมด้วยการเพิ่มจำนวนวงบ่อซีเมนต์เป็น 20 บ่อ โดยใช้พื้นที่บริเวณบ้าน ขั้นตอนการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยากอะไร เริ่มต้นจากการนำวงบ่อซีเมนต์มาขังน้ำ นำหยวกกล้วยสับ มูลสัตว์ มาใส่เพื่อกำจัดกลิ่นและคราบซีเมนต์ออก ขังน้ำดังกล่าวนานประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่ามีตะไคร่น้ำขึ้นก็สามารถนำมาใช้เป็นบ่อสำหรับเลี้ยงหอยขมได้แล้ว พ่อแม่พันธุ์หอยขมที่ใช้เลี้ยงมีอายุตั้งแต่ 3 เดือน ควรเลือกพ่อแม่หอยที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักตั้งแต่ 60-100 ตัว ต่อกิโลกรัม หอยขมจะม
คุณฉกาจ ฉันทจิระวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 ขอนแก่น (สศท.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงหอยขมในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากหอยขมได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในพื้นที่ สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย และสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร การเลี้ยงหอยขมจึงเป็นสินค้าทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะใช้พื้นที่เลี้ยงน้อย เลี้ยงง่าย โตไว ต้นทุนต่ำ เลี้ยงได้ตลอดทั้งปี และที่สำคัญตลาดมีความต้องการสูง จากการติดตามสถานการณ์การผลิตและตลาดหอยขมในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่พบการเลี้ยงหอยขมมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง โดยจากการสำรวจ ของ สศท.4 พบว่า ปัจจุบันตัวแทนเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) ของ สศก. ทั้ง 2 จังหวัด ให้ความสนใจและเริ่มนิยมเพาะเลี้ยงหอยขมในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งจากตัวอย่างของ ศกอ. ที่ประสบความสำเร็จ จำนวน 5 ราย พบว่า ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงสายพันธุ์เปลือกดำ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีในธรรมชาติทั่วไป มีสีน้ำตาลแก่ไปจนถึงสีดำ เนื้อเหนียว และจะซื้อพ่อแม่พันธุ์จากฟาร์มที่เพาะเลี
หมู่บ้านกรงกราง ม.6 ต.โนนไทย อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มีเกษตรกรรายหนึ่งใช้พื้นที่สระน้ำกลางแปลงนา เลี้ยงหอยขมในถุงตาข่ายไนล่อนสีฟ้าขาย เป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว ซึ่งการเลี้ยงที่ง่าย ลงทุนน้อย และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก มีลูกค้ามาสั่งซื้อถึงที่จนหอยโตไม่ทันขาย ต้องจองล่วงหน้าตั้งแต่เอาลูกหอยลงเลี้ยง เลี้ยงหอยขมในถุงตาข่าย นายชาญศิลป์ ทรัพย์โนนหวาย อายุ 44 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยขม เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพทำนาเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่ชอบหาอาชีพสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ซึ่งเห็นว่าหอยขมเป็นที่นิยมของชาวบ้านนำไปประกอบอาหาร แต่กว่าจะหารับประทานได้ก็ต้องรอถึงฤดูฝน และปัจจุบันนี้หอยขมตามแหล่งธรรมชาติก็หารับประทานยาก อีกทั้งยังมีสารพิษตกค้างจากการใช้สารเคมีตามไร่ ตามนา จึงทำให้คนเกิดความกังวลว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นตนจึงได้ลองศึกษาการเลี้ยงหอยขมในสระน้ำดู แบ่งพื้นที่ในสระน้ำเลี้ยงหอย “โดยใช้สระน้ำที่ขุดไว้กลางทุ่งนา นำหอยขมที่จับมาได้ปล่อยลงสระ ซึ่งกว่าจะขายได้ก็ใช้เวลานานเกือบ 6 เดือน อีกทั้งหอยที่ได้ก็มีขนาดไม่ได้มาตรฐานตามความต้องการ รวมถึงยังมีขี้ดินติดมาอีก
หอยขม ยังคงได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหาร แต่ปัจจุบันจะหาหอยขมตามท้องนา คูคลองยากขึ้นทุกวัน ครู กศน. หัวใสนำหอยขมมาเลี้ยงจนประสบผลสำเร็จสร้างรายได้อย่างงาม คุณประพันธ์ คงรอด ครู กศน.ตำบลเขากอบ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 770 ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนเองได้ทดลองเลี้ยงหอยขมในอ่างเลี้ยงปลาข้างบ้านจำนวน 2 บ่อ ผ่านไป 3 เดือน ก็พบว่า หอยขมที่เลี้ยงโตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ในปริมาณมาก สามารถจับขายได้ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพราะลูกค้ามั่นใจว่าเป็นหอยที่สะอาด นับว่าประสบผลสำเร็จ ในการเริ่มต้น ต่อมาตนเองก็ได้เพิ่มพื้นที่ของการเลี้ยงหอยขมด้วยการเพิ่มจำนวนวงบ่อซีเมนต์เป็น 20 บ่อ โดยใช้พื้นที่บริเวณบ้าน ขั้นตอนการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยากอะไร เริ่มต้นจากการนำวงบ่อซีเมนต์มาขังน้ำ นำหยวกกล้วยสับ มูลสัตว์ มาใส่เพื่อกำจัดกลิ่นและคราบซีเมนต์ออก ขังน้ำดังกล่าวนานประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่ามีตะไคร่น้ำขึ้นก็สามารถนำมาใช้เป็นบ่อสำหรับเลี้ยงหอยขมได้แล้ว พ่อแม่พันธุ์หอยขมที่ใช้เลี้ยงมีอายุตั้งแต่ 3 เดือน ควรเลือกพ่อแม่หอยที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักตั้งแต่ 60-100 ตัว ต่อกิโลกรัม หอยขมจะม
คุณชัยยะ อินทร์สุข เกษตรกรทำฟาร์มหอยขม ตั้งอยู่ที่ ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ได้มองเห็นถึงโอกาสช่องทางการเลี้ยงหอยขมเพื่อเป็นอาชีพเสริม โดยมีทั้งแบบจำหน่ายทั้งเปลือกแบบตัดก้นและแกะเนื้อออกจากเปลือกเพื่อจำหน่ายให้กับร้านหรือผู้ที่สนใจได้นำไปประกอบอาหารได้ทันที ทำให้เวลานี้เป็นหนึ่งสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี เลี้ยงหอยขม เป็นงานสร้างรายได้เสริม คุณชัยยะ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีมีอาชีพค้าขาย ทำร้านอาหาร ต่อมาจึงได้ขุดบ่อเลี้ยงปลาเพื่อทำเป็นอาชีพเสริมรายได้อีกหนึ่งช่องทาง แต่ปลาที่นำมาเลี้ยงยังไม่สามารถทำความสำเร็จให้กับเขาได้เท่าที่ควร โดยระหว่างนั้นภายในบ่อก็ได้มีหอยขมติดมากับน้ำอยู่ภายในบ่อด้วย หอยขมกลับเจริญเติบโตได้ดีและสามารถจับมาประกอบอาหารได้ จึงทำให้เกิดแนวความคิดและมองเห็นโอกาสที่อยากจะเลี้ยงอย่างจริงจังในเวลาต่อมา “ช่วงนั้นก็เอาปลามาลงในบ่อ เพราะมองว่าน่าจะเลี้ยงได้ดี เสร็จแล้วเราไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลเท่าไร ปลาก็มีตายและมีขโมยมาลักไปบ้าง ทีนี้เรื่องการเลี้ยงปลาก็เลยถือว่าไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ เสร็จแล้วก็มาเห็นหอยที่มันอยู่ร่วมกับปลาในบ่อ แต่มั