เกษตรกรชาวสวนยาง
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2567) ณ ห้องประชุมตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ 2/2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแทนในการประชุม กนย. โดยมีมติเห็นชอบขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อมุ่งพัฒนาธุรกิจยางควบคู่กับเสริมสภาพคล่องในการบริหารจัดการยางทั้งระบบ พร้อมขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพฯ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนฯ ต่อ 2 ปี มอบหมาย กยท. เร่งเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง เป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งผลการดำเนินงานในระยะที่ 3 (ฤดูกาลผลิตปี 2563-31 มีนาคม 2567) มีสถาบันเกษตรกรได้เบิกเงินกู้จริงจาก ธ.ก.ส. แล้ว 376 แห่ง รวมเป็นเงิน 17,415.022 ล้านบาท ปัจจุบันมีวงเงินคงเหลือให้สามารถยื่นขอกู้ได้อีก 8,789.964 ล้านบาท ซึ่งการประ
กยท. เล็งปลาหมอคางดำ ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ผลิตน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ หวังลดต้นทุนการผลิตในสวนยาง ชี้งบประมาณดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ผลิตน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ หนุนการใช้น้ำหมักในพื้นที่สวนยางแปลงใหญ่ มุ่งลดต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกรชาวสวนยาง ยันใช้งบประมาณตามกฎหมาย-แย้มพร้อมดีลเชฟชุมพลแจกเมนูปลาหมอคางดำเซฟกระทะเหล็ก นายเพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเกิดปลาวิกฤตหมอคางดำระบาด กยท. น่าจะเป็นหน่วยงานแรกๆ ที่ออกมาซัพพอร์ตวิกฤตนี้ของไทย โดยมองเป็นโอกาสจึงประกาศใช้งบประมาณจากกองทุน กยท. มาตรา 13 สำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจของ กยท. 50 ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย เพื่อเข้าไปซื้อปลาในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) มาทำน้ำหมักชีวภาพ ไม่ได้ใช้งบประมาณในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ซึ่งเป็นเงินคนละส่วนกัน มันนำมาใช้ไม่ได้ ถ้านำมาใช้นั้นหมายถึงคนทำก็ต้องทำผิดกฎหมายและติดคุกแน่นอน เชื่อว่าคน กยท. ไม่มีใครจะเอาตัวไปเสี่ยงแน่นอน ทั้งนี้ หลังประกาศซื้อ กยท. ก็ได้ลงพื้นที่สมุทรสาครต้นกำเนิดการระบาดของปลาหมอคางดำ พ
เมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม 67) มีคำสั่งคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) แต่งตั้ง นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ เป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย โดยมีอำนาจและหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อให้การบริหารงาน และการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติของ กยท. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และองค์กรที่เกี่ยวกับยางทั้งระบบ ซึ่งนายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญด้านการบริหารยางพาราครอบคลุมทั้งระบบ ผ่านประสบการณ์การทำงานร่วมกับเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยาง รวมถึงพนักงานในองค์กรมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์การบริหารองค์กรอย่างก้าวไกล ขับเคลื่อนนโยบายด้านยางพาราของ กยท. ให้เกิดเป็นรูปธรรม และช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางสามารถมีรายได้เพิ่มจากอาชีพการทำสวนยางและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับประวัติ นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล สำเร็จการศึกษาระดับปริ
ระหว่างวันที่ 5-11 กรกฎาคม 2567 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช-กยท. จัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีเสริมเขี้ยวเล็บพนักงาน ฝึกฝนทักษะสำคัญ สู่การเป็น ‘ที่ปรึกษาด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางและอุตสาหกรรมยาง’ มืออาชีพ ชี้! จะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งห่วงโซ่อุปทาน นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย มอบหมายให้ นายธาดา พรหมมี ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนกลาง เป็นประธานในโครงการฝึกอบรม “การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางและอุตสาหกรรมยาง” ซึ่งเป็นการอบรมเข้มเพิ่มพูนความรู้แก่นักวิชาการเกษตรและนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ตลอดจนพนักงานที่เปลี่ยนสายงานและไม่เคยผ่านหลักสูตรด้านนี้มาก่อน รวมทั้งสิ้น 113 คน โดย กยท. ได้ผลักดันให้พนักงานพัฒนาความรู้และทักษะที่สำคัญอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญงานในหน้าที่ สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานประจำตามพื้นที่สวนยางที่ตนเองรับผิดชอบ ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ผอ.กยท. เขตภาคใต้ตอนกลาง กล่าวว่า โครงการนี้ จะเสริ
กยท. หนุนเทคโนโลยี เพิ่มปริมาณน้ำยาง ช่วยลดต้นทุน ทุ่นแรงเกษตรกร พร้อม ดึงงานวิจัยต่อยอดนวัตกรรม ชู ฮอร์โมนเอทธิลีน-เครื่องกรีดยางอัตโนมัติ เพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต สู่การจัดการสวนยางยั่งยืน นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท. ได้ให้การสนับสนุนในเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งอุปกรณ์เครื่องมือ งบประมาณ และการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ตลอดจนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง รวมไปถึงครูยางอาสา โดยล่าสุด กยท. ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเก็บเกี่ยวผลผลิตยางพาราด้วยนวัตกรรมใหม่” เปิดพื้นที่สวนยางให้ครูยางอาสาได้ศึกษาการใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนเพิ่มปริมาณน้ำยางด้วยตนเอง นายสุขทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการให้น้ำ ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า การให้น้ำเพียงอย่างเดียวควบคู่ไปกับการใช้ฮอร์โมนเอทธิลีน สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ถึง 25% กยท. เห็นความสำคัญในส่วนนี้และได้ส่งเสริมเกษตรกรด้วยโซลาร์เซลล์ เพื่อลดต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในสวนยาง ที
กยท. ขอแจ้งให้ทราบว่า เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. และได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่งตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการแล้วพบว่า ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติฯ สามารถยื่นขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 1 พฤษภาคม 2566 ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ 1. เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน 2. หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ได้ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร. 094-858-9794 (เวลาทำการ 08.30-16.30 น.) ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02-109-2345 (เวลาทำการ 08.30-17.30 น.)
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จัดโครงการฝึกอบรมครูยางอาสากว่า 3,953 คน ผ่านระบบ Video Conference หลักสูตร “การถ่ายทอดเทคโนโลยียางสำหรับครูยางอาสา” โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ เน้นพัฒนาด้านวิชาการและเทคโนโลยีให้ครูยางส่งต่อความรู้ให้เกษตรกรชาวสวนยางหรือบุคคลทั่วไปได้ดี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ที่ปรึกษา รมว.กษ.) กล่าวว่า ครูยางอาสาเป็นอาสาสมัครเกษตรภายใต้ระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยอาสาสมัครเกษตร พ.ศ. 2563 ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของ กยท. ทั้งด้านการพัฒนาการผลิตอย่างยั่งยืน การยกระดับคุณภาพผลผลิตยาง การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางให้มีความเข้มแข็ง นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการครูยางอาสา ดำเนินโครงการมาแล้วเป็นเวลาทั้งสิ้น 12 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน มีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะนำองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการผลิตยาง ถ่ายทอดผ่านครูยางอาสาไปสู่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งด้านก
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 โดยประกันรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 จำนวนทั้งสิ้น 1,604,379 ราย (เจ้าของสวน ผู้เช่า ผู้ทำ 1,372,865 ราย และคนกรีดยาง 231,514 ราย) คิดเป็นพื้นที่ปลูกยาง รวม 18,183,764.59 ไร่ ซึ่งเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว กำหนดราคาประกันผลผลิตยางแต่ละชนิด ดังนี้ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาทต่อกิโลกรัม แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีด ร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด รายละไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาประกันรายได้ 2 เดือน (ตุลาคม-พฤศจิกายน 2565) งบประมาณโครงการ รวม 7,643,857,284.15 บาท นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม. อนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ ระยะที่ 2 ระยะเวลาโครงการ 2 ปี นับจากวันที่ ครม. อนุมัติโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุนชด
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มว่า สำหรับการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายของการยางแห่งประเทศไทย ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางทุกคนที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยทาง กยท. ได้ดำเนินการจัดทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ในปี 2565 จำนวน 1,709,592 ราย ทั่วประเทศ โดยให้ความคุ้มครองแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 ถึง 14 กันยายน 2566 แบ่งออกเป็น คุ้มครองกรณีสูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพถาวรอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ถูกฆาตกรรม และถูกทำร้ายร่างกาย (โดยผู้เสียหายมิได้มีเจตนาให้เกิดขึ้น เพื่อหวังรับเงินเอาประกันภัย) รวมถึงอุบัติเหตุจากการขับขี่/โดยสารรถยนต์ สูงสุดรายละ 500,000 บาท นอกจากนี้ ยังได้ขยายการคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่/โดยสารรถจักรยานยนต์ สูงสุดรายละ 250,000 บาท นอกจากนี้ กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินค่าปลงศพ รายละ 30,000 บาท ซึ่ง บริษัท ทิพยป
ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลก ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข่าวดี เมื่อ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ไทยยังครองตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก ด้วยการส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยาง ปริมาณรวม 2,190,065 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 2.4 แสนล้านบาท หนึ่งในกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้ยืนหนึ่งในระดับโลกก็คือ เกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่ง กยท. ได้ดูแล ส่งเสริม และสนับสนุนมาตลอด ด้วยการออกมาตรการต่างๆ ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีคุณภาพชีวิตและมีความมั่นคงมากขึ้น นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยถึงบทบาทขององค์กรว่า โดยทั่วไปประชาชนจะให้ความสำคัญกับ กยท. 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ การรักษาเสถียรภาพราคายาง และเรื่องที่สอง คือ การสงเคราะห์ปลูกแทน ซึ่งเป็นพันธกิจที่ กยท. ทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำและให้ความรู้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งเรื่องการปรับยางหรือปลูกยาง ปรับยางและปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่น หรืออาจปรับแล้วทำเกษตร