เกษตรกรรม
“ผมมีอาชีพทำนามานาน วันหนึ่งมีความสนใจที่อยากทำสวนผลไม้ จึงตัดสินใจปลูกชมพู่ทับทิมจันท์ โดยการแบ่งผืนนา จำนวน 7 ไร่ มาทำสวนชมพู่ทับทิมจันท์ 3 ไร่ จนถึงทุกวันนี้ผมมีรายได้ต่อปีราว 3 แสนบาท จากการทำสวนชมพู่ 3 ไร่ และปลูกต้นชมพู่ เพียง 150 ต้น เท่านั้น ทำกันเพียง 2 คน กับภรรยาเป็นหลัก งานก็ไม่ตากแดดมากเหมือนทำนา รายได้ก็ดีกว่าการทำนา ส่งลูกเรียนสบาย” “แม้ราคาชมพู่ทับทิมจันท์จะไม่สูงมากเหมือนแต่ก่อน ถึงแม้ราคาจากสวนจะเหลือแค่เพียงกิโลกรัมละ 10 บาท เกษตรกรก็พออยู่ได้ เนื่องจากชมพู่มีศักยภาพในการให้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก สามารถบังคับให้ออกดอก ติดผลได้ทั้งในและนอกฤดูตลอดทั้งปี แต่คนทำสวนชมพู่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องไม่ขี้เกียจ ต้องมีความขยัน ช่างสังเกต ทำผลผลิตให้มีคุณภาพและเรียนรู้อยู่ตลอด” สองข้อความข้างต้น เป็นคำพูดของ คุณสำเริง เจริญวงษ์ บ้านเลขที่ 2/4 หมู่ 5 ต.ถอนสมอ อ.ถอนสมอ ต.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี โทร. 089-981-8543 ที่ปลูกชมพู่ทับทิมจันท์ มานานกว่า 9 ปี มีเรื่องราวดีๆ จากประสบการณ์ในการทำสวนชมพู่แนะนำให้กับหลายๆ ท่านที่กำลังสนใจในการทำสวนชมพู่ว่าทำน้อยแต่ได้มาก ว่าต้องมีการจัดการสวนอย่างไร
จากข้อมูลของกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ในพื้นที่สีเขียวจำนวน 3,064 ไร่ ของเขตทุ่งครุ นั้น เป็น “พื้นที่เกษตรกรรม” เพียง 400 กว่าไร่ ขณะที่อีกกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เป็น “พื้นที่ว่างเปล่า” ซึ่งในอดีตส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่ถูกทิ้งร้างหลังเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ เมื่อปี 2554 เพราะสภาพดินมีความเค็มจนไม่สามารถทำสวนผลไม้ได้เหมือนเดิม ดังนั้น การทำให้เกษตรกรทุ่งครุที่เหลืออยู่ สามารถมีรายได้จากการเพาะปลูก รวมถึงรายได้จากกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดจากฐานทุนทรัพยากรของตนเองอย่างเพียงพอและพอเพียง จึงเป็นแนวทางที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยรักษาพื้นที่สีเขียวของเขตทุ่งครุให้คงอยู่ต่อไป ดร. กัญจนีย์ พุทธิเมธี อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และทีมวิจัย ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรีด้วยเครือข่ายคลังสมองของพื้นที่และแผนผังภูมินิเวศเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน (โครงการ Green Thonburi) โดยการสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ต้องการที่จะสร้างต้นแบบของ “โมเดล
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ร่วมกับ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ (สกช.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการเกษตร โดยมี นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ นายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วย นายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ นายศรีสะเกษ สมาน รองเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงนาม นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวต้อนรับ คณะผู้บริหารจากสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมเปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ทั้งสองหน่วยงานมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการให้ความร่วมมือด้านวิชาการ การบูรณาการฐานข้อมูลด้านการเกษตร เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทั้งด้านการวิเคราะห์ วิจัยและการพยากรณ์ทางด้านการเกษตร ตลอดจนบูรณาการฐานข้อมูลในการแลกเปลี่ยน เชื่อมโยง และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของทั้งสองหน่วยงานร่วมกัน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จะให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านสารสนเทศการเกษตร ระบบฐานข้อมูล Big Data งาน
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 25 จังหวัดแพร่ เป็นสถานศึกษาที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ในเขตพื้นที่บริการจังหวัดแพร่และจังหวัดอุตรดิตถ์มีพื้นที่ทั้งหมด 289 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวาได้เปิดทำการสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 โดยเปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปัจจุบันจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษาประเภทอยู่ประจำ โรงเรียนจัดการเรียนการสอนโดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้เกิดทักษะการเรียนรู้ทั้ง ทักษะวิชาการ ทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิต ตลอดจนกิจกรรมการเรียนรู้ตามความสนใจและความถนัดของนักเรียน เช่น กิจกรรมด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา เพื่อให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลาย ปี 2547 เด็กนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 25 ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 4 ตำบลแม่ยางตาล อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ รวมกลุ่มก่อตั้งกลุ่มยุวเกษตรกร เริ่มต้นด้วยสมาชิก 150 คน และครูที่ปรึกษา 3 คน โดยวางเป้าหมายหลักของกลุ่มยุวเกษตรกรในการทำกิจกรรมเกษตร บูรณาการกับ
สศก. เผย ผลสำรวจนำร่อง จ.ฉะเชิงเทรา ตามโครงการ SAS – PSA พื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน ระบุ เกษตรกรมีความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ 85% สามารถทำกำไรได้จากผลผลิตในพื้นที่เกษตรกรรม นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากที่ สศก. ได้ดำเนินโครงการ Supporting Agricultural Survey on Promoting Sustainable Agriculture in ASEAN Region หรือ โครงการ SAS – PSA เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมการสำรวจการเกษตรแบบยั่งยืนตามตัวชี้วัดขององค์การสหประชาชาติ (UN) SDGs 2.4.1 Proportion of Agricultural Area under Productive and Sustainable Agriculture ซึ่งหมายถึงสัดส่วนของเนื้อที่เกษตรที่ทำการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อเนื้อที่เกษตรทั้งหมด รวมถึงใช้เป็นฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐ และผู้วางนโยบายด้านการเกษตร โดยดำเนินการสำรวจนำร่องจังหวัดฉะเชิงเทรา จากแบบสอบถามและเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณตัวชี้วัดต้นแบบจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประกอบด้วย มิติด้านเศรษฐกิจ อาทิ มูลค่าผลผลิตต่อไร่ กำไรจากการขายผลผลิต การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและแหล่งประกันภัยพ
เห็ด น่าจะเป็นพืชอันดับต้นๆ หากมีการจัดอันดับพืชเศรษฐกิจ เพราะเมื่อไรเมื่อนั้น ความนิยมในการทำการเกษตรอย่างง่าย ทำเงิน ไม่ยุ่งยาก การเรียนรู้ก็ไม่ซับซ้อน แต่อาจจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลดี ก็ยังคงนึกถึง “เห็ด” อยู่เสมอ และเชื่อหรือไม่ว่า เห็ด ทำให้คนที่เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ในปี 2536 กลายเป็นเจ้าของฟาร์มเห็ด ทั้งยังมีธุรกิจเล็กๆ ต่อยอดจากเห็ดที่ปลูกไว้อีกหลายชนิดในวันนี้ คุณสมสิน จุลจินดา หนุ่มวัยกลางคน จบการศึกษาเพียงประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ต้องย้ำบ่อย เพราะตัวคุณสมสินเอง ก็ย้ำกับผู้เขียนตั้งแต่แรกว่า เขาจบการศึกษาเพียงเท่านี้ เพื่อเน้นให้รู้ว่า สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในวันนี้คือ ความตั้งใจและความอดทน ใฝ่รู้ อยู่ตลอดเวลา คุณสมสิน ออกจากบ้านไปรับจ้างหางานทำ ตั้งแต่อายุ 13 ปี ทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง ตั้งแต่ ขับรถแบ๊กโฮ ขับรถสิบล้อ เมื่อเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งรู้ว่า ควรกลับบ้าน เริ่มต้นทำงานอิสระที่บ้าน เพราะบ้านเกิดหรือภูมิลำเนา เป็นที่ที่อยู่แล้วมีความสุขที่สุด ก็หันหน้ากลับบ้าน และนำทุนเท่าที่พอมีเปิดร้านขายของชำเล็กๆ และขี่รถจักรยานยนต์เร่ขายของชำ “ผมเห็นคนแถวบ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักและคิดถึงทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างหนอในช่วงนี้ เท่าที่ติดตามข่าวได้เห็นความหลากหลายที่เกิดขึ้นจากทุกมุมโลก แต่กับบ้านเมืองเรา นอกจากปัญหาไข่ขาดตลาดในช่วงแรกก็ไม่เจอปัญหาในเรื่องอาหารการกินมากนัก ได้เห็นการแจกข้าวสารอาหารแห้งจากผู้ใจบุญอยู่มากมาย นั่นเป็นคำตอบหนึ่งว่าบ้านเมืองเรายังอุดมสมบูรณ์ดี เรายังสู้กับวิกฤติร้ายนี้ไปได้ด้วยดี นอกจากปัญหาเงินช่วยเหลือจากภาครัฐที่ยังมีคนได้-ไม่ได้แล้ว แทบจะไม่เห็นข่าวชาวบ้านแย่งซื้ออาหารกันสักนิด ไม่เหมือนภาคพื้นอื่นๆ ในโลกใบนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองเห็น กลับเป็นการมีผลผลิตในปริมาณที่ล้นเกินในบางพื้นที่ และการบริหารจัดการในเรื่องขนส่งที่ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก ผลไม้หลายชนิดที่เคยส่งออกได้ก็เจอปัญหา ต้องหาทางระบายภายในประเทศในแบบขายขาดทุนก็ต้องยอม เพื่อให้เจ็บตัวน้อยที่สุด นี่อาจเป็นปีแรกที่ผมได้กินลำไยกิโลละ 20-25 บาท มะม่วงอกร่องกิโลละ 10 บาท หรือแตงโมกิโลละ 3 บาท หรือบางพื้นที่ประกาศให้ไปเก็บกินฟรีๆ ก็ยังมีให้เห็น แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่แปรรูปผลผลิตออกมาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงกวน กล้วยตาก กล้วยอบบดผง หรือกระทั่งอาหารปรุงสำ
จากสภาวะเศรษฐกิจไม่กี่ปีมานี้ ส่งผลให้สินค้าเกษตรหลายชนิดราคาตกต่ำ จึงทำให้เกษตรกรมีการปรับตัวมากขึ้น โดยทำเกษตรแบบผสมผสานที่ไม่เน้นทำเป็นเกษตรเชิงเดี่ยวมากเกินไป เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของราคาที่ผันผวนแล้ว ยังสามารถมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดทดแทน จึงช่วยเสริมรายได้สลับไปมาในแต่ละช่วงการผลิต จึงเกิดรายได้หลากหลายส่งผลให้ไม่มีหนี้สิน คุณขาว เสมอหัต อยู่บ้านเลขที่ 58/3 หมู่ที่ 8 ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีอาชีพหลักทำนาด้วยราคาข้าวที่ผลิตได้ไม่แน่นอน จึงได้หาอาชีพเสริมเข้ามาช่วย คือการเลี้ยงปลาดุก โดยใช้บ่อน้ำที่มีอยู่เดิมจากการขุดไว้ใช้ภายในสวน มาเลี้ยงปลาให้เกิดประโยชน์มากขึ้น พร้อมทั้งใช้เหยื่อสดต้นทุนต่ำมาเป็นอาหารให้ปลากิน ทำให้ปลาเติบโตดีตลาดต้องการ จำหน่ายได้ราคา อาชีพหลักทำนา เลี้ยงปลาดุกเสริมรายได้ คุณขาว เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ประกอบสัมมาอาชีพมาถึงปัจจุบัน รายได้หลักของครอบครัวคือเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว โดยยึดการทำนามานานหลายสิบปี แต่ด้วยบางปีราคาข้าวที่ได้ไม่แน่นอน จึงเกิดความคิดที่อยากจะเสริมรายได้ เห็นบ่อน้ำที่อยู่บริเวณบ
สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน หรือ บจธ. เผยการให้ความช่วยเหลือจัดหาที่ดินทำกินกับเกษตรกรผู้ยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และต้องการหาที่ดินประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพื่อกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเชียงรายอุ่นไอรักษ์ 65 ครัวเรือน เกินเป้าหมาย ภายใต้โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร นายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อำนวยการ ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่พบกลุ่มสมาชิกเกษตรกรในจังหวัดเชียงราย ของคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินและผู้บริหาร บจธ. นำโดย ผศ.ดร. จิตติ มงคลชัยอรัญญา ประธานกรรมการบริหาร บจธ. ในพื้นที่เป้าหมายชองชุมชนเชียงรายอุ่นไอรักษ์ ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 7 บ้านใหม่กือนา ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ห่างจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง ประมาณ 7 กม. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ภายใต้โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร ของ บจธ. ในรูปแบบของโฉนดชุมชนหรือโฉนดรวม โดยจะมีการจัดสรรแบ่งแปลงตาม
จากสภาวะเศรษฐกิจไม่กี่ปีมานี้ ส่งผลให้สินค้าเกษตรหลายชนิดราคาตกต่ำ จึงทำให้เกษตรกรมีการปรับตัวมากขึ้น โดยทำเกษตรแบบผสมผสานที่ไม่เน้นทำเป็นเกษตรเชิงเดี่ยวมากเกินไป เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของราคาที่ผันผวนแล้ว ยังสามารถมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดทดแทน จึงช่วยเสริมรายได้สลับไปมาในแต่ละช่วงการผลิต จึงเกิดรายได้หลากหลายส่งผลให้ไม่มีหนี้สิน คุณขาว เสมอหัต อยู่บ้านเลขที่ 58/3 หมู่ที่ 8 ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีอาชีพหลักทำนาด้วยราคาข้าวที่ผลิตได้ไม่แน่นอน จึงได้หาอาชีพเสริมเข้ามาช่วย คือการเลี้ยงปลาดุก โดยใช้บ่อน้ำที่มีอยู่เดิมจากการขุดไว้ใช้ภายในสวน มาเลี้ยงปลาให้เกิดประโยชน์มากขึ้น พร้อมทั้งใช้เหยื่อสดต้นทุนต่ำมาเป็นอาหารให้ปลากิน ทำให้ปลาเติบโตดีตลาดต้องการ จำหน่ายได้ราคา อาชีพหลักทำนา เลี้ยงปลาดุกเสริมรายได้ คุณขาว เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ประกอบสัมมาอาชีพมาถึงปัจจุบัน รายได้หลักของครอบครัวคือเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว โดยยึดการทำนามานานหลายสิบปี แต่ด้วยบางปีราคาข้าวที่ได้ไม่แน่นอน จึงเกิดความคิดที่อยากจะเสริมรายได้ เห็นบ่อน้ำที่อยู่บริเวณบ้านว่าง