เบาหวาน
โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะถึงแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เราสามารถอยู่ร่วมโรคบนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข ตราบใดที่เรายังสามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ตามเกณฑ์ ย้ำว่า…สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเลย ถ้าสามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ตามเกณฑ์ นี่คือเป้าหมายที่สำคัญค่ะ ผู้ป่วยบางคนขาดความเข้าใจถึงความร้ายแรง หรือผลเสียของโรค ทำให้ละเลยการปฏิบัติดูแลตนเอง สำหรับใครที่สนใจจะรับประทานสมุนไพรเพื่อรักษาเบาหวาน ก็ขอแนะนำว่าสมุนไพรเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเสริม โดยเฉพาะในคนที่รับประทานยาแผนปัจจุบันแล้วยังไม่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ลงมาอยู่ในค่าเป้าหมายได้ การติดตามผลน้ำตาลและโรคแทรกซ้อน โดยการไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น รวมถึงการแจ้งแพทย์เกี่ยวกับสมุนไพรที่เราเลือกใช้เสริมเข้ามา เพราะแพทย์จะได้พิจารณาปรับยาให้ผู้ป่วยให้ได้อย่างเหมาะสม 4 อภินิหาร ผักฆ่าน้ำตาล เป็นผักที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าช่วยในการลดน้ำตาลได้ จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเ
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง ซึ่งมีสาเหตุจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลที่กินเข้าไปได้หมด จึงทำให้น้ำตาลคั่งอยู่ในเลือด ถ้ามีน้ำตาลในเลือดมากจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ จึงเรียกอาการดังกล่าวว่า “เบาหวาน” โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคนี้ มักจะต้องไปพบแพทย์ประจำ กินยาและตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะเสียเวลาที่จะต้องไปรอรับการรักษาที่โรงพยาบาลและค่าใช้จ่าย ค่ายาหรือค่าตรวจต่างๆ เมื่อรวมแล้วแต่ละปีก็มีราคาสูงมาก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือการทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างคนทั่วไป ไม่แสดงโรคแทรกซ้อนตามมา และไม่เกิดอันตรายจากภาวะที่เกิดจากโรคเบาหวาน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น เกิดภาวะช็อก หรือมีอาการที่ควรจะระมัดระวัง คือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเย็น เหงื่อออก ใจสั่น และอาจหมดสติได้ ดังนั้น แพทย์หรือผู้ให้คำแนะนำผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงให้ผู้ป่วยมีบัตรประจำตัวผู้ป่วยพกไว้ติดตัว และมีน้ำตาลก้อนหรือลูกอมรสหวานติดไว้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน อาการที่สำคัญของผู้ป่วยโรคเบาหวาน &
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีประเทศด้านอุตสาหกรรมแปรรูป ประสบผลสำเร็จวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนัล (Functional food products) ชนิดใหม่ในรูปของผงชาฟรีซดรายสำหรับชงน้ำเย็นดื่มและผลิตภัณฑ์ชนิดผงพร้อมบริโภค ภายใต้ชื่อ “โพรเฮิร์บ (ProHerb)” ที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสู่เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้องค์ประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์คือ สารออกฤทธิ์เชิงหน้าที่จากธรรมชาติ 2 ชนิด ได้แก่ จุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotic) และ สารสกัดพืชสมุนไพร (herbal extract) มีประสิทธิภาพช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases, NCDs) โดยเฉพาะควบคุมภาวะโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงจากภาวะไขมันในเลือด ซึ่งทั้งสองโรคมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน ปัจจุบัน อัตราการเป็นโรคเบาหวานของคนไทยและโดยเฉพาะผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ระบุว่า มีประชากรไทยเป็นโรคเบาหวานมากกว่า 5.5 ล้านคน โดยมีผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนคน ต่อปี และเสียชีวิต 200 ราย ต
แพทย์หญิงชญานิศ ชินานุวัติวงศ์ อาจารย์แพทย์สาขาวิชาสูตินรีเวชกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมที่พบบ่อยที่สุดในหญิงตั้งครรภ์ถึงร้อยละ 22.98 เนื่องจากฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ต่อต้านการทำงานของอินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ โดยภาวะนี้เพิ่มความเสี่ยงของคุณแม่ในการเกิดความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ การผ่าตัดคลอด และการเป็นเบาหวานหลังการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์คือ ทำให้ทารกตัวใหญ่ เพิ่มความเสี่ยงภาวะคลอดยาก ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังคลอด ภาวะหายใจลำบาก ภาวะตายคลอด เป็นต้น จะเห็นได้ว่าโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นภาวะที่ควรให้ความสำคัญ และควรได้รับการดูแลรักษาเพื่อลดโอกาสเกิดผลกระทบต่างๆ ดังกล่าว การรักษาโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์หลักๆ แบ่งออกเป็น การควบคุมอาหาร (Diet modification) และการรักษาโดยการใช้ยา โดยส่วนใหญ่หมอจะให้คุณแม่ทุกคนเริ่มจากการควบคุมอาหารก่อน หากควบคุมอาหารให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ไม่ได้จึงรักษาด้วยยา ซึ่งหมอเชื่อว่าคุณแม
“โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่มีความผิดปกติในการควบคุมน้ำตาลของร่างกาย ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ อายุ น้ำหนัก และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ทางตา หัวใจ ไต เป็นต้น โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของโรคไต จนมีชื่อโรคไตชนิดนี้โดยเฉพาะว่า โรคไตจากเบาหวาน (Diabetic kidney disease หรือ DKA) ระดับน้ำตาลที่สูงกว่าปกติในผู้ป่วยเบาหวาน จะไปทำอันตรายต่อเซลล์ทั้งระบบ เพื่อให้เห็นภาพ ลองนึกถึงการทำเป็ดย่าง ที่จะใช้น้ำตาลทาหนังเป็ด เพื่อให้ไหม้เป็นสีน้ำตาลกรอบน่ากิน การมีกลูโคสสูงในเลือด ก็มีผลในทำนองเดียวกัน คือเป็นการทำลายผนังเซลล์ของหลอดเลือด รวมไปถึงตัวเซลล์เนื้อไต โรคเบาหวาน ยังทำให้เซลล์สามารถใช้น้ำตาลได้น้อยลง เนื่องจากไตทำหน้าที่กรองของเสียและดูดสารที่มีประโยชน์กลับคืน การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จึงทำให้ไตต้องทำงานหนัก จนค่อยๆ เสื่อมสภาพ นอกจากนี้ โรคเบาหวานกับความดันมักจะมาพร้อมๆ กัน จึงมาช่วยกันทำให้ไตเสียหายหนักขึ้นไปอีก เบาหวาน ยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่าย อันเป็นปัจจัยลบต่อสุขภาพไตด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันหรือชะลอกา
ตำลึง เป็นพืชเถาที่คนนิยมนำมาปรุงอาหาร ลวก ต้ม นึ่ง จิ้มน้ำพริก ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุคุณค่าทางโภชนาการของใบตำลึงและยอดอ่อนตำลึงปริมาณ 100 กรัม ไว้ว่าให้พลังงาน 39 กิโลแคลอรี, น้ำ 90.7 กรัม, โปรตีน 3.3 กรัม, ไขมัน 0.4 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 5.5 กรัม, ใยอาหาร 1.0 กรัม, แคลเซียม 126 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม, เบต้าแคโรทีน 5,190 ไมโครกรัม, วิตามินเอ 865 ไมโครกรัม, ไทอามีน 0.17 มิลลิกรัม, ไรโบฟลาวิน 0.13 มิลลิกรัม, ไนอะซิน 1.2 มิลลิกรัม, วิตามินซี 34 มิลลิกรัม ลักษณะต้นตำลึง เป็นไม้ล้มลุกเช่นเดียวกับแตง น้ำเต้า ฟักข้าว ฟักแฟง ลำต้นเป็นเถาทอดเลื้อยไปตามดินและมีมือจับ (Tendril) คล้ายลวดสปริง เกาะปีนป่ายสิ่งที่อยู่ใกล้ เวลาถูกลมพัดจะแกว่งไกวไปมา ลำต้นอ่อนมีขนาดเล็กต้องอาศัยยึดเกาะไปอย่างนั้น แต่ถ้าปล่อยไว้หลายปี จะมีเถาที่โตขนาดข้อมือคนเราก็มี ใบตำลึงรูปร่างคล้ายห้าเหลี่ยม มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีแฉกเว้าลึกมากเรียกว่า “ตำลึงตัวผู้” ส่วนใบที่ขอบใบไม่เว้าลึกเรียก “ตำลึงตัวเมีย” ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามบริเวณซอกใบ ดอกแยกเพศกันอยู่คนละต้น มี
เวลานี้คนไทยป่วยด้วยเบาหวานจำนวนมาก ไม่ใช่คนเมืองเท่านั้น แต่คนในหมู่บ้านก็เป็นเบาหวานกันมากขึ้น ขอแนะนำให้ได้รู้จักสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเบาหวาน ดังนี้ เริ่มจากต้นอินทนิลน้ำ {Lagerstroemia speciose (L) Pers.} เป็นไม้ใหญ่ในป่าเบญจพรรณที่ออกดอกสวยงาม จนมีพ่อค้าต้นไม้นำมาขาย หรือแนะนำให้ปลูกเป็นไม้ประดับ อินทนิลน้ำมีชื่อเสียงมาแต่โบราณ ทั้งประสบการณ์การใช้ของหมอพื้นบ้านและที่บันทึกในตำรับตำราโบราณ ต่างกล่าวตรงกันว่า ใช้รักษาเบาหวาน ซึ่งอาจถือว่าเป็นสมุนไพรยอดนิยมชนิดหนึ่งที่มีคนใช้กันมาก วิธีใช้ทำได้หลายวิธี แต่ส่วนใหญ่จะใช้ใบอินทนิลน้ำที่เป็นใบแก่ ล้างน้ำสะอาด นำมาสัก 1 หยิบมือ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร บางที่ก่อนต้มจะหั่นใบเป็นชิ้นเล็กๆ และใช้หม้อดินต้ม แต่ในปัจจุบันใช้หม้อสแตนเลสก็ได้ ควรต้มด้วยไฟอ่อนๆ นาน 15 นาที กินครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น สามารถดื่มได้ทุกวัน กินต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์ จะเห็นผล มีบางรายใช้วิธีการคั่ว โดยนำใบอินทนิลน้ำล้างสะอาด นำไปตากแดดให้แห้ง ใช้ 8-9 ใบ แล้วคั่วให้กรอบ เวลาใช้ ให้นำใบแห้งมาชงกับน้ำร้อนแบบชงชา ให้กินต่างน้ำ ได้ผลเช่นกัน แต่ใ
“เบาหวาน” โรคยอดฮิตของคนไทยที่มีอัตราการเกิดสูงขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเสียชีวิตของคนไทย ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะอาการเรื้อรังของการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ที่เกิดจากความบกพร่องของการสร้างอินซูลิน หรือการทำงานของอินซูลิน ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวามมักจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายโรคตามมา ที่อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันผู้คนจะตระหนักถึงปัญหาในเรื่องนี้กันแล้วก็ตาม แต่ผลจากสถิติที่ออกมามันกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง จากการสำรวจในประเทศไทย พบว่า ในปี 2557 คนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นเบาหวาน ร้อยละ 8.9 หรือประมาณ 4.8 ล้านคน ส่วนในปี 2558 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานกว่า 5 ล้านคน และในปัจจุบันยังพบว่ากลุ่มคนที่มีอายุน้อยมีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงานที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 45-60 ปี มีอัตราเสี่ยงเป็นเบาหวาน อยู่ร้อยละ 12 หรือประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งจำนวนคนกว่า 40% ไม่รู้ว่าตนเองเป็นเบาหวาน นอกจากนี้ ยังมีจำนวนคนไทยที่มีน้ำตาลในเลือดสูงที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานในอนาคต อีกกว่า 7.7 ล้านคน ซึ่งในแต่ละปีพบว่า มี
แก่นตะวัน เมื่อเอ่ยชื่อนี้หลายๆ คนที่สนใจเรื่องของพืชสมุนไพรคงอาจจะทราบมาบ้างว่า “แก่นตะวัน” เป็นอย่างไร มีสรรพคุณอย่างไร แต่กับอีกหลายๆ คนที่มักจะบอกว่าพอจะได้ยินชื่อของ แก่นตะวัน มาบ้างแต่ในรายละเอียดลึกๆ แล้วยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แก่นตะวัน เป็นพืชต่างถิ่น ต้นกำเนิดอยู่แถวตอนใต้ของประเทศแคนาดา และตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาพื้นถิ่นที่อยู่จะมีภูมิอากาศค่อนข้างเย็น แต่แก่นตะวันก็สามารถเจริญเติบโตในเขตร้อนได้ เป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศมาก แม้แต่ในเขตกึ่งหนาวอย่างทวีปยุโรปก็สามารถปลูกแก่นตะวันได้ ฉะนั้น แก่นตะวัน ฝรั่งต่างชาติทั่วยุโรปและอเมริการู้จักกันมานาน แก่นตะวัน มีชื่อเรียกขานหลายชื่อคนไทยเรียก ทานตะวันหัว หรือ แห้วบัวตอง หรือ แก่นตะวัน ฝรั่งเรียก ซันโช้ก (Sunchoke) หรือ อาร์ติโช้ก (artichoke) ชื่อภาษาอังกฤษว่า เยรูซาเล็ม อาร์ติโช้ก (Jerusalem artichoke) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Helianthus tuberosus L. เป็นพืชดอกในตระกูลทานตะวัน แต่มีดอกขนาดเล็กกว่า มีหัวใต้ดินคล้ายๆ ขิง ข่า ใช้เป็นที่เก็บสะสมอาหาร ลักษณะต้นของแก่นตะวันจะสูงประมาณ 1.5-2 เมตร มีขนตามกิ่งและใบ ดอกแก่นตะวันมีสีเหล
คนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุจากพันธุกรรม ความอ้วน พฤติกรรมจากการกินอาหารรสชาติหวานจัด อาหารที่มีไขมันสูง มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน และขาดการออกกำลังกาย นพ. ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีอาการปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน กระหายน้ำบ่อยและมักดื่มน้ำครั้งละมากๆ เหนื่อยและอ่อนเพลียง่าย บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย เมื่อเกิดแผลจะหายช้ากว่าปกติ อาจลุกลามและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้โดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้คงที่ กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน และอาหารหรือขนมหวานที่มีรสชาติหวานจัด หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีข้อแนะนำว่า ผู้ที่มีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ และได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์อย่างละเอียด โดยควบคุมระดับน้ำตาลไม่ให้สูงเกินไป เรียนรู้อาการและวิธีป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจดูเท้าว่ามีแผลหรือการอักเสบหรือไม่ ควรใส่รองเท้าอย่างเหมาะสมสำหรับการออกกำลังกาย และต้องสวมถุงเท้าทุกครั้ง ส่วนข้อแนะนำเบื้องต้นในการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วย