โครงการหลวง
ลูกไหน ฝรั่งเรียกว่า พลัม (Plum) ชื่ออื่นๆ ลูกพรุน ไม้ผลที่มีผลแบบผลเมล็ดเดียวแข็ง ตรงหน่อมีตายอดและตาข้างเดี่ยว (ไม่เป็นกลุ่ม) ดอกออกเป็นกลุ่ม 1-5 ดอกบนก้านสั้นๆ ผลมีร่องยาวด้านข้าง และเมล็ดเรียบ เมื่อผลโตเต็มที่มีมีนวลสีขาวปกคลุม เมื่อสุกเปลือกสีม่วงอมดำ เนื้อสีเหลือง รสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว ถิ่นกำเนิด พลัม เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในสหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ ลูกไหนที่ปลูกกันอยู่ในปัจจุบัน จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก กลุ่มพันธุ์ยุโรป กลุ่มที่สอง กลุ่มพันธุ์ญี่ปุ่น และกลุ่มที่สาม กลุ่มพันธุ์อเมริกา สำหรับพลัมที่ปลูกในประเทศไทยเป็นพวกพลัมญี่ปุ่น ซึ่งปลูกกันมานานแต่ยังไม่แพร่หลาย ต่อมามูลนิธิโครงการหลวงได้นำเอาพลัมพันธุ์ Gulf Ruby จากรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา มาทดสอบที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางในปี พ.ศ. 2522 และได้วิจัยและพัฒนาจนกระทั่งประสบความสำเร็จ ทำให้พลัมเป็นไม้ผลที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นอาชีพชนิดหนึ่ง แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ แม่ปูนหลวง แกน้อย และอ่างขาง ลักษณะทั่วไป ประเทศไทยปลูกลูกพลัมได้ดีบนดอยสูงภาคเหนือของไทย เช่น โครงการหลวงดอยอ่างขาง ดอ
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แม็คโคร-โลตัส ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง เปิดงาน “โครงการหลวง สินค้าคุณภาพ จากเลอตอ สู่ซีพี แอ็กซ์ตร้า” คัดสรรสินค้าคุณภาพ จากยอดดอยสู่ผู้บริโภคทั่วไทย ผ่านสาขาโลตัสและแม็คโครทั่วประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเขา และสุขภาพที่ดีของชาวเรา ขยายการรับซื้อผลิตผลจาก “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ” จังหวัดตาก ต่อยอดความมุ่งมั่นในการนำผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรมาจัดจำหน่ายใจกลางเมือง เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงผักผลไม้ปลอดภัย คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน ในราคาที่คุ้มค่า พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีและสนับสนุนการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรชาวเขา โดย ซีพี แอ็กซ์ตร้า เปิดมหกรรมสินค้าจากโครงการหลวงที่โลตัส สาขาบางนา และสาขาอื่นๆ อีก 55 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต พร้อมจำหน่ายสินค้าโครงการหลวงในโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต และแม็คโครทั่วประเทศ การจัดงาน โครงการหลวง สินค้าคุณภาพ จากเลอตอ สู่ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในครั้งนี้ พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 – สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. จัดงาน สืบสานการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ปี 2567 “ประชาชนอยู่ดี พื้นที่สูงมั่นคง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ28 กรกฎาคม 2567 โดย นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2567 โดยมีผู้นำเกษตรกรบนพื้นที่สูง และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมงาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบัน สวพส. กล่าวว่า จากผลสำเร็จของโครงการหลวงได้ก่อเกิดองค์ความรู้ ที่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนบนพื้นที่สูงให้อยู่ดีมีสุข ตลอดจนช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธารให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “ต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน” ในการช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา และช่วยชาวโลก ตามพระราชปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 และปัจจ
สตรอเบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89 เป็นผลงานปรับปรุงพันธุ์พืช ภายใต้การสนับสนุนของแหล่งทุนวิจัยคือ 1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภายใต้ทุนพัฒนาวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม สนับสนุนการวิจัยและ ทุนการศูนย์นิสิตปริญญาเอก ดร.มงคล ศรีจันทร์ ภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท (มหาวิทยาลัยนเรศวร) และที่ปรึกษารอง ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์ (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) และ 2. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการปลูกทดสอบ 4 สถานี ได้แก่ อ่างขาง อินทนนท์ แม่สาใหม่ และแม่แฮ และการเก็บรักษาโครงการวิจัยเรื่อง “การวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีก่อนและหลังเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89 ในเขตภาคเหนือ” ดำเนินโครงการโดย รองศาสตราจารย์ ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท และคณะนักวิจัย แห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีศักยภาพในการผลิตสารแอนโทไซยานินในสตรอเบอร์รี ณ สถานีเกษตรโครงการหลวงทุ่งหลวง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ รศ.ดร.พีระศักดิ์ กล่าวว่า สตรอเบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 89 เป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่างสตรอเบอร์รีพันธุ์ 329 เป็นสายพันธุ์พ่อและสตรอเบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 80 เป็นสายพันธุ์แม่
จากเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาพื้นที่สูงของ สวพส. คือ “ชุมชนบนพื้นที่สูงมีความอยู่ดีมีสุข ด้วยการวิจัยและพัฒนา สืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเน้นการพัฒนาบนฐานความรู้ เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพที่ตรงตามปัญหา ความต้องการ และภูมิสังคมของชุมชนภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาชนและการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ สวพส. ได้เตรียมจัดทำหลักสูตร “นักพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนแบบโครงการหลวง” โดย นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า รูปแบบการพัฒนาพื้นที่สูงได้ยึดตามแนวทางโครงการหลวง เน้นการบรรลุผลสัมฤทธิ์ร่วมกันของหน่วยงานในรูปแบบบูรณาการตามบทบาทและภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาเชิงพื้นที่ และความต้องการของคนในชุมชนเป็นศูนย์กลาง ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) มีกลไกการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมของหน
ภาพรวมจุดความร้อนในพื้นที่ดำเนินการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน, ตาก, น่าน, เพชรบูรณ์, กำแพงเพชร, กาญจนบุรี, รวมจำนวนพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงฯทั้งหมด 44 โครงการ พบจุดความร้อนปี 2565 ช่วงเดือนมกราคา-พฤษภาคม ใน 8 จังหวัด พบเพียง 951 จุด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่พบ 2,187 จุด ซึ่งตามสถิติถือว่าลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจากผลการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงสบโขง ตำบลสบโขง อำเภอออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อเกษตรกรและพื้นที่อย่างชัดเจน ที่สามารถเป็นตัวอย่างในการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ด้วยหลักการโครงการหลวง นับตั้งแต่ปี 2547 ทำให้เกษตรกรในโครงการฯ จำนวน 113 ครัวเรือน ใช้พื้นที่ทำการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนลดลง 1,574.99 ไร่ ไม่พบจุดความร้อน (hotspot) ติดต่อกัน ทั้งนี้ จะเห็นว่าในพื้นที่เกษตร อำเภอออมก๋อย พบจุดความร้อน 819 จุด และบ้านบูแหมะ ในพื้นที่โครงการฯสบโขง ไม่มีจุดความร้อนตั้งแต่ 15 มกราคม-30 มิถุนายน 2564 ในพื้นที่บ้านบูแหมะทั้งหมด 2,800 ไร่
นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง และ พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบโล่พร้อมใบรับรองและเกียรติบัตร โครงการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงคาร์บอนต่ำและยั่งยืนตามแนวทางโครงการหลวง ให้กับผู้นำชุมชนในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง 9 แห่ง และผู้นำชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 8 แห่ง รวมทั้งสิ้น 17 แห่ง โดยได้รับการรับรองมาตรฐานจาก ศูนย์วิจัยตรวจประเมินและให้การรับรองมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ ห้องประชุมอาคารปฏิบัติการ 1 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า โครงการศึกษาการพัฒนาชุมชนโครงการหลวงเพื่อเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำและยั่งยืน โดยมูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ริเริ่มโครงการขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในระดับชุมชน
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบของหมอกควันและไฟป่าที่เกิดขึ้น โดยสวพส.มีภารกิจในการนำองค์ความรู้จากโครงการหลวงมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชนบนพื้นที่สูง ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดการเผาเพื่อการเกษตร เน้นการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นผลให้จุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่สูงลดลง และมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยว่า หากเอ่ยถึงปัญหาหมอกควันและไฟป่าในประเทศไทยคงจะทราบกันดีว่าปัญหานี้มีมานานหลายปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือนั้นนับว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษาภาคม 2563 เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่การดูแลของ สวพส. 8 จังหวัด จำนวน 7,322 จุด ทำให้ป่าต้นน้ำลำธารเสียหาย และค่า PM 2.5 สูงมาก ก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตของประชาชน ซึ่งในส่วนของการแก้ไขปัญหานั้นทุกส่วนของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ และที่เห็นเป็นประจำทุกปีคือการพ่นน้ำ การดับไฟป่า การจัดทำแนว
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหลวง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2536 กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง จัดตั้งสหกรณ์และกลุ่มเตรียมสหกรณ์ขึ้นในพื้นที่โครงการหลวง ระยะแรกเริ่มจัดตั้งสหกรณ์ 3 แห่ง กลุ่มเกษตรกร 2 แห่ง กลุ่มเตรียมการสหกรณ์ 10 แห่ง กลุ่มอาชีพ 1 แห่ง สมาชิก 659 คน มีทุนดำเนินงานแรกเริ่ม 6.7 ล้านบาท ปัจจุบันสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหลวงได้ขยายผลไปในหลายพื้นที่ เพื่อใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ให้กับราษฎรบนพื้นที่สูงใน 11 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน ลำพูน พะเยา ตาก กำแพงเพชร กาญจนบุรี ลำปาง และเพชรบูรณ์ มีสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหลวงจำนวน 57 แห่ง กลุ่มเกษตรกร 2 แห่ง กลุ่มเตรียมการสหกรณ์ 4 แห่ง จำนวนสมาชิกรวม 10,926 ครอบครัว ปริมาณธุรกิจรวมกว่า 307.751 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแนวทางในการพัฒนาสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหลวง ให้เป็นองค์กรของชุมชนและเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง รวม
หลายคนอาจจะเคยได้ยิน บ้านห้วยห้อม ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะเกือบ 30 ปีมาแล้ว บ้านห้วยห้อมแห่งนี้เป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อ ส่งให้กับร้านกาแฟแบรนด์ระดับบน ทั้งยังเป็นต้นตำรับกาแฟอาราบิก้าส่งให้กับโครงการหลวง นับตั้งแต่ยังไม่มีเครื่องกะเทาะเปลือกเมล็ดกาแฟ รวมถึงเครื่องคั่วบดเมล็ดกาแฟ เพื่อให้ได้กาแฟผงอย่างในปัจจุบัน การเดินทางค่อนข้างลำบาก แม้กระทั่งปัจจุบันจากตัวอำเภอแม่ลาน้อยเข้าไปยังหมู่บ้านห้วยห้อม ก็ต้องใช้เวลานานชั่วโมงเศษ ผ่านเส้นทางที่นักท่องเที่ยวมุ่งมั่นไปในช่วงฤดูหนาว คือ ทุ่งดอกบัวตอง เลยเข้าไปอีกระยะหนึ่ง ตลอดเส้นทางไม่มี คำว่า พื้นราบ มีแต่ทางลาดชันและเขา คุณมะลิวัลย์ นักรบไพร หญิงแกร่งที่ริเริ่มกิจกรรมทางการเกษตรหลายอย่างของหมู่บ้าน ให้การต้อนรับด้วยกาแฟอาราบิก้ารสชาติดี ชักชวนนั่งคุยบนชั้น 2 ของบ้าน ที่เทียบได้กับความสูงของตึก 5-6 ชั้น เพราะตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาลูกเล็กๆ ใกล้ๆ หุบเขาใหญ่บริเวณนั้น คุณมะลิวัลย์ เล่าย้อนให้ฟังถึงอดีตที่มาของการทำไร่กาแฟ ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ปักหลักฐานที่ทำกินอยู่บริเวณนี้มากว่า 200 ปี คุณพ่อของคุณมะลิวัลย์ เป็นคนริเริ่มการท