Big Data
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดเสวนาความสำคัญของระบบข้อมูลสารสนเทศ ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และการเปิดให้บริการข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางด้าน ววน.ของประเทศ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ครบรอบ 62 ปี โดยมี ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ ผศ.ดร.สุภาภรณ์ เกียรติสิน หัวหน้าโครงการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดลให้เกียรติร่วมเสวนา ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วช.ได้มีบทบาทในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการวิจัยของประเทศจนต่อยอดงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ และเมื่อมีการจัดตั้งกระทรวง อว. ขึ้น ทำให้ภารกิจของ วช.ในฐานะหน่วยงานหลักในการให้ทุนวิจัยต้องสร้างระบบข้อมูลสารสนเทศวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติให้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทุนในรูปแบบออนไลน์ ใช้งานง่าย ได
(เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 มีนาคม 2564) ณ วังสระปทุม เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ วังสระปทุม ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2564 (NSTDA Annual Conference: NAC2021) ภายใต้แนวคิด “30 ปี สวทช. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 ระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคม 2564 ในรูปแบบออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ถ่ายทอดสดจากวังสระปทุมไปยังห้องประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงานของ สวทช. ร่วมรับเสด็จฯ ส่วนนักวิชาการ นักวิจัย นักศึกษา และประชาชนทั่วไป สามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.nstda.or.th/nac และเฟซบุ๊ก: NSTDA-สวทช. ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2564 ครั้งที่ 16 ความว่า “ขอแ
วันนี้ (24 มีนาคม 2564) ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังการร่วมแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 42 ปี วันคล้ายสถาปนาสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ว่า รอบปีที่ผ่านมา ภาคการเกษตรไทย ได้ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤตภัยธรรมชาติ รวมไปถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งพวกเราทุกคน ได้ร่วมมือกันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และสามารถก้าวข้ามผ่านมาได้ด้วยดี โดยปี 2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อนำภาคเกษตรสู่ความยั่งยืน ที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายสำคัญ 15 ด้าน โดยขับเคลื่อนการทำงาน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในรูปแบบ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 โดยใช้ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) ร่วมกับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้กับเกษตรกร ยุทธศาสตร์ “3’s” Safety-Security-Sustainability เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการผลิตที่ได้คุณภาพ มาต
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก. ในฐานะนายทะเบียน ได้ดำเนินการรวบรวม และตรวจสอบความซ้ำซ้อนเกษตรกรจากหน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนจำนวน 7 หน่วยงาน เพื่อจัดส่งรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – กรกฎาคม 2563 รวมรายละ 15,000 บาท ซึ่งต่อมา ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม และ 22 กันยายน 2563 ให้ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่เอกสารทางบัญชีไม่สมบูรณ์ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2563 เพื่อให้เกษตรกรได้รับสิทธิครบถ้วน ขณะนี้ ระยะเวลาการดำเนินโครงการได้สิ้นสุดแล้วตั้งแต่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยสรุปผลการช่วยเหลือเกษตรกร ตามโครงการฯ พบว่า ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรรวม 7,565,880 ราย เป็นเงิน 113,304.4 ล้านบาท (ข้อมูล ธ.ก.ส. ณ 7 ต.ค. 63) แต
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า สศก. ในฐานะองค์กรชี้นำการพัฒนาภาคเกษตรและศูนย์กลางสารสนเทศการเกษตรแห่งชาติ ภายในปี 2565 จำเป็นที่จะต้องก้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทุกมิติ และด้วยบทบาทภารกิจสำคัญยิ่ง ที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานจัดทำ Big Data ด้านการเกษตรของประเทศ จึงต้องพร้อมทั้งสมรรถนะ และศักยภาพบุคลากร เพื่อให้องค์กรเติบโตสู่ Digital Transformation ในยุค New Normal “ปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกได้ก้าวไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ทุกองค์กร และพวกเราทุกคนจึงต้องก้าวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะภาคเกษตร ที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านภัยพิบัติธรรมชาติ โรคระบาดคนและสัตว์ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีนวัตกรรม ดังนั้น การดำเนินงานของ สศก. ต้องเน้นนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เหมาะสม มาประยุกต์ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และในฐานะองค์กรชี้นำการพัฒนาภาคเกษตรและศูนย์กลางสารสนเทศการเกษตรแห่งชาติ จึงทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้นำทาง หรือ ‘เนวิเกเตอร์เศรษฐกิจการเกษตร’ เพื่อชี้แนะข้อมูล ทิศทางแนวโน้มภาคเกษตร ให้ภาคส่วน
สศก. จับมือ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลงนาม MOU บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ พัฒนาขีดความสามารถ ด้านข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร และฐานข้อมูล Big Data เสริมแกร่งนักวิชาการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองผลกระทบเศรษฐกิจการเกษตรในช่วงวิกฤตโควิด-19 สู่โอกาสที่ท้าทาย เพื่อขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยสู่ความสำเร็จยุค New Normal นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยได้มีพิธีลงนาม MOU บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกันในวันนี้ว่า จากที่ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นนโยบายขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารและการบริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่รัฐบาลให้ทุกกระทรวงเร่งจัดทำฐานข้อมูล Big Data เพื่อให้บริการกับทุกภาคส่วน และได้มอบหมาย สศก. เป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดทำ Big Data ของกระทรวงเกษตรฯ ทาง สศก. ได้มีการบูรณาการร่วมกับ 10 กระทรวง และ MOU เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อ 25 ธันวาคม 2562 พร้อมกับดำเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (Natio
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมด้านอาหารของแต่ละจังหวัด เพราะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม และพฤติกรรมปกติ ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร (New normal) ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงอาหารของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยั่งยืนการเข้าถึงแหล่งอาหาร ทั้งจากสถานการณ์ปิดเมืองและรายได้ที่ลดลงของประชาขน และอาจทวีความ รุนแรงมากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ได้มอบหมาย สศก. พัฒนาระบบสารสนเทศการเกษตรเชิงพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการความ มั่นคงด้านอาหาร นำเทคโนโลยีดิจิทัล ของ Big Data มาใช้ในการพัฒนาระบบการจัดทำปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตรราย เดือนระดับจังหวัด (Provincial Crop Calendar) เพื่อเป็นเครื่อง มือสำคัญในการวางแผนพัฒนาการผลิตให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดที่ปรับเปลี่ยนทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ที่วิกฤต สำหรับข้อมูลปฏ
นายนราพัฒน์ แก้วทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนาการจัดทำระบบฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติ ปี 2563 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่า การสัมมนาครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญที่ทั้ง 10 กระทรวง ได้มาร่วมเพิ่มพูนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายในการจัดทำ Big Data ตามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการเกษตรแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ ได้เน้นนโยบายขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารและการบริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตามข้อสั่งการของรัฐบาลที่ให้ทุกกระทรวงเร่งจัดทำฐานข้อมูล Big Data เพื่อให้บริการกับทุกภาคส่วน โดยดำเนินการผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ที่มีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และได้มีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Big Data และ Gov Tech ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการจัดทำ Big Data ด้านการเกษตรใ
พลิกโฉมภาคเกษตร ปั้น “โรงเรือนมะเขือเทศอัจฉริยะ” เปลี่ยนจากเกษตรแบบดั้งเดิม สู่เกษตร 4.0 แก้ปัญหายากจน มุ่งขับเคลื่อนเป็นแหล่งวิจัยงานด้านเกษตรอัจฉริยะของประเทศ พร้อมส่งเสริมการตลาดและระบบขนส่ง หวังเพิ่มมูลค่าสินค้า สู่การพัฒนา Big Data นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการสาธิตการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะในการผลิตพืชผักในโรงเรือน ภายใต้โครงการแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ศูนย์เครือข่ายเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภออู่ทอง (ศพก.) วิสาหกิจชุมชนสวนกล้วยอู่ทอง ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน) ที่มุ่งเน้นในการยกระดับขับเคลื่อนเทคโนโลยีการเกษตร โดยการเชื่อมโยงเทคโนโลยีจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีเป้าหมายในการสร้าง GovTech/Big data ของกระทรวงเกษตรฯ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเพื่อยกระดับสู่ไทยแลนด์ 4.0 มุ่งเน้นในการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนการผลิต เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60% อย่า