Zero Waste
ถั่วลายเสือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความสนใจ มีจุดเด่นด้านรสชาติ เมล็ดใหญ่ และคุณค่าทางโภชนาการมากมายที่เอื้อประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากปลูกในพื้นที่หุบเขา มีดินอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้น “White Tiger” แบรนด์ที่นำถั่วลายเสือมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปนมสดพร้อมดื่ม นมอัดเม็ดและโยเกิร์ตพาวเดอร์ (yogurt powder) สร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ต้องการเสริมสร้างโปรตีน ตอบโจทย์อาหาร Plant-Based พร้อมกับแตกไลน์ผลิตของใช้ อาทิ น้ำมันถั่วลายเสือ หรือแม้กระทั่งผลิตภาชนะจาน ชามจากเปลือกถั่ว สร้างมูลค่าเพิ่มแทนการทำลาย คุณฐานันต์ แก้วดิษฐ์ หรือ คุณหยอง เจ้าของผลิตภัณฑ์ บอกเล่าเรื่องราวที่มาของธุรกิจว่า เป็นคนพิษณุโลก ส่วนแฟนเป็นคนแม่ฮ่องสอน ไปเจอกันที่เชียงใหม่ ชวนกันลาออกจากงานประจำแล้วเดินทางเข้าสู่อาชีพเกษตรกรรมด้วยการปลูกผักเมืองหนาวขายที่แม่ฮ่องสอน เสริมรายได้ด้วยการทำเสื้อยืด ช่วงเวลานั้นเข้าร่วมโครงการ Young Smart Farmer ทำให้รู้จักเพื่อนสายเกษตรมากมายหลายสาขา มีอยู่คนหนึ่งปลูกถั่
ด้วยรสชาติที่หอมหวาน ความกรอบที่ลงตัว ทำให้ “สับปะรดภูแล” เป็นสินค้า GI ของจังหวัดเชียงรายที่มียอดสั่งซื้อจากประเทศจีนทั้งในรูปของผลสด ผลปอกเปลือกหรือตัดแต่งก่อนส่งออกติดต่อกันทุกปี จนทำให้ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกสับปะรดชนิดนี้ในจังหวัดเชียงรายมากกว่า 5 หมื่นไร่ มีผลผลิตมากกว่าหนึ่งแสนตันต่อปี อย่างไรก็ตาม การผลิตสับปะรดภูแลมีวัสดุเศษเหลือเป็นจำนวนมากซึ่งมีศักยภาพในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ซึ่งกระบวนการผลิตสับปะรดในขั้นตอนต่างๆ ต้องคำนึงถึงการปลดปล่อยคาร์บอนเนื่องมาจากข้อกำหนดการนำเข้าสินค้าของต่างประเทศ รวมถึงผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ “ฉลากคาร์บอน” (Carbon Label) มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากของวัสดุเศษเหลือในกระบวนการผลิตและเพื่อให้ได้ตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์สับปะรดภูแลโดยวิธีการเก็บข้อมูลและโดยวิธีการใช้ภาพถ่ายทางอากาศ คือสิ่งสำคัญที่จะให้ทำให้สับปะรดภูแลของจังหวัดเชียงราย คงศักยภาพในการแข่งขันในตลาดประเทศจีนรวมถึงในประเทศอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของโครงการการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าวัสดุเศษเหลือและการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์
“Cello-gum” (เซลโลกัม) นวัตกรรมจากเศษวุ้นมะพร้าวเหลือทิ้ง สู่วัตถุดิบอาหารพันล้าน ผลงานของ ศ.ดร.หทัยกานต์ มนัสปิยะ นักวิจัยจากวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาฯ Cello-gum (เซลโลกัม) ผลิตภัณฑ์ที่มาจากความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจุฬาฯ กับบริษัทอุตสาหกรรมอาหาร อย่าง อำพลฟู้ดส์ ที่แปรเศษวุ้นมะพร้าวเหลือทิ้งนับเป็นตันๆ ต่อวัน ให้กลายเป็นสารเติมแต่ง ประสิทธิภาพสูง ที่นำกลับมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง ลดการนำเข้าสารเติมแต่งที่ประเทศไทยต้องจ่ายปีละกว่าหมื่นล้านบาท! ทีมนักวิจัยมั่นใจ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะเป็นโมเดลให้กับการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ที่จะเพิ่มมูลค่าเศษเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร เพื่อสังคม Zero Waste – ที่จะไม่มีอะไรเหลือทิ้งให้ถูกกำจัดด้วยการเผาอีกต่อไป “Cello-gum” คืออะไร เซลโลกัม คือผลิตภัณฑ์นาโนเซลลูโลสจากวุ้นมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศ เศษวุ้นมะพร้าวที่เหลือทิ้งเป็นขยะจากกระบวนการผลิตวุ้นมะพร้าว ถูกดัดแปลงให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้เป็นสารเติมแต่งในอาหาร ยา และเครื่องสำอาง ศ.ดร.หทัยกานต์ มนัสปิยะ ผู้อ
Zero Waste เป็นแนวคิดในการที่จะทำให้ไม่เกิดของเหลือหรือทำให้เกิดของเหลือน้อยที่สุดในกระบวนการผลิต แล้วจึงนำส่วนที่เหลือ ไม่สามารถใช้ประโยชน์แล้วไปกำจัด เริ่มมีการนำมาใช้ในช่วง ค.ศ. 1970 ในภาคอุตสาหกรรม ด้วยการแลกเปลี่ยนหรือขายของเหลือดังกล่าวให้กับโรงงานหรือสถานประกอบการอื่นเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ทำให้ของเหลือเหล่านั้นมีจำนวนน้อยลงไปอีกด้วย ประชากรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความต้องการในเรื่องต่างๆ ที่มากขึ้น ภาคอุตสาหกรรมจึงมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันภาคการเกษตรที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมนุษย์ ภาคอุตสาหกรรมและชุมชนเมืองเข้ามาใช้พื้นที่แทนเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะมีการรุกคืบหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ในการทำการเกษตรมีน้อยลง อีกทั้งทรัพยากรที่จะนำมาใช้สำหรับการทำเกษตรกรรมก็ยังถูกแบ่งไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและชุมชนเมือง เช่น ทรัพยากรน้ำ เป็นต้น การจัดการทรัพยากรทางด้านการเกษตรจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการรุกเข้ามาของภาคอุตสาหกรรมและชุมชนเมือง รวมถึงการที่จะต้องปรับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด การปรับลดการใช้ทร
วันที่ 18 กันยายน 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม นำคณะผู้ทรงคุณวุฒิ วช.ประกอบด้วย รศ.ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ นายธานินทร์ ผะเอม และ นายสมบูรณ์ วงศ์กาด พร้อมด้วยสื่อมวลชน ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมผลสำเร็จของการดำเนินงานของโครงการวิจัย เรื่อง โครงการ การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (เปลือกโกโก้) ของเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ในพื้นที่จังหวัดตาก ภายใต้โครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่น (Community Based Research : CBR) สร้างกลไกการใช้คนในท้องถิ่นในการพัฒนาศักยภาพท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายวิจัย และยกระดับผลิตภัณฑ์ ที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัย โดย นางสวาท ไพศาลศิริทรัพย์ หัวหน้าโครงการวิจัย จาก วิทยาลัยชุมชนตาก คณะทีมนักวิจัย พร้อมด้วย นางสาวพรรณทิพย์ ชัยชนะ กรรมการสภาวิทยาลัยตาก ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์การเรียนรู้ทางภาษาด้วยตนเอง จังหวัดตาก นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจั
วช. หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจบีซีจี ด้วยกลไก Zero Waste แปรรูปขยะเป็นสินทรัพย์กับต้นแบบผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงแปรรูปจากเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้ง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและเพิ่มมูลค่าให้กับเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้งยากแก่การกำจัดมาเป็นวัตถุดิบราคาสูงในอุตสาหกรรมเวชสำอาง ดร. วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกหอยแมลงภู่รายใหญ่ของโลก ทำให้มีปริมาณเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลหลายหมื่นตันต่อปี และด้วยเปลือกหอยแมลงภู่ต้องกำจัดด้วยวิธีการฝังกลบไม่สามารถเผาทำลายได้ ทำให้ปัจจุบันมีเปลือกหอยแมลงภู่จำนวนมากถูกทิ้งในพื้นที่สาธารณะ สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาสุขภาพ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจึงสนับสนุนทุนวิจัย ปีงบประมาณ 2565 ให้กับโครงการ “ต้นแบบผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงแปรรูปจากเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้ง” เพื่อพัฒนาวิธีการแปรูปเปลือกหอยแมลงภู่ ให้เป็นสินค้านวัตกรรม ที่นำเอกลักษณ์และสมบัติเฉพาะของแคลเซียมคาร์บอเนตเปลือกหอยแมลงภู่ มาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร ประดับ ตกแต่ง และเครื่อง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG วิจัยและพัฒนาแมลงเป็นแหล่งโปรตีนเสริมอาหารให้สัตว์ โดยใช้กากมันสำปะหลัง by product จากโรงงานไบโอ เอทานอลเป็นวัตถุดิบร่วมในกระบวนการผลิตตามหลักการ Zero Waste ลดการใช้สารปฏิชีวนะในการผลิตสัตว์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านแมลงร่วมวิจัยระดับนานาชาติกับประเทศสเปน ไนจีเรีย และแอฟริกาใต้ ในโครงการแหล่งอาหารจากแมลงเพื่อเสริมการขาดสารอาหารในพื้นที่เปราะปาง โดยสามารถคว้ารางวัล WAITRO Innovation Award 2021 ซึ่งเป็นเวทีประกวดไอเดียนวัตกรรมภายใต้ธีม Food Security and Sustainable Agriculture ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ในอนาคตพื้นที่การผลิตอาหารของโลกมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ความต้องการอาหารมากขึ้น เนื่องจากประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น นวัตกรรมด้านอาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งมีหลายหน่วยงานคาดการณ์ถึงเทรนด์อาหารแห่งอนาคตของโลก โดยเฉพาะโปรตีนจากแมลง (Insect-based Protein) และพืช (Pla
คุณธนวณิช ชัยชนะ หรือ คุณอ๊อด วัย 52 ปี ต่อสู้และฝ่าฟันมรสุมชีวิตมาเสมือนแมวเก้าชีวิต กว่าจะขึ้นมาสู่เส้นทางเถ้าแก่ หรือเจ้าของธุรกิจยางพาราติดอันดับ 1 ใน 5 ของจังหวัดบึงกาฬ แต่กว่าคุณอ๊อดจะมาอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมยางพาราเมืองไทยนั้น คุณอ๊อดเริ่มชีวิตจากการ “รับจ้าง” กรีดยางพาราในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งแน่นอนว่า ในการกรีดยางนั้นเป็นอาชีพที่ทำในช่วงที่คนอื่นกำลังนอนอย่างมีความสุข แต่ผู้รับจ้างกรีดยางจะต้องใช้เวลา 21.00 น. ถึงตี 4 ของวันรุ่งขึ้น กรีดยางแต่ละต้น เรียกว่า ถ้าไม่สู้จริง ไม่อาจยืนด้วยลำแข้งกับอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา โดยคุณอ๊อดอยู่ในวิถีรับจ้างกรีดยางพารา 2 ปีครึ่ง “ผมกรีดยางตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงตี 4 ทำอยู่ 2 ปีครึ่ง ด้วยความสุข ซึ่งปีนั้นคือ ปี 2554 ราคายางสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 170 บาท ทำให้มีรายได้เดือนละ 200,000-300,000 บาท” คุณอ๊อดเล่าให้ฟังถึงเส้นทางชีวิตก่อนเป็นเถ้าแก่เจ้าของโรงงานผลิตสินค้าแปรรูปจากยางพารากว่า 20 รายการ เส้นทางการต่อสู้ของคุณอ๊อดยังมีเรื่องสนุกและท้าทายอีก เมื่อคุณอ๊อดไปโลดแล่นและเผชิญชีวิตอยู่ในต่างแดน อย่างประเทศนิวซีแลนด์ โดยใช้วุฒิเพียงมัธยมศึกษาตอนปลาย หร