News
“กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรสู่เป้าหมาย ด้วย 4 ธุรกิจหลักมุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการ เติบโตเคียงข้างสังคมไทย “กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรสู่เป้าหมาย พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้าด้วย 4 ธุรกิจหลัก ชู “ธุรกิจการเกษตรและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” เป็นเรือธง ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ ชูกลยุทธ์หลัก มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย นายดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นของ “กลุ่มพูลผล” ดำเนินธุรกิจเคียงคู่สังคมไทย โดยร่วมพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยตลอดระยะเวลากว่า 83 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจที่ขยายตัวรองรับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและคู่ค้า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่กลุ่มพูลผลประสบความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยรายได้กว่า 60,000 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด พร้อมต่อเนื่องความสำเร็จในปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย มุ่งพัฒนาสินค้าบริการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มผู้บริโภค แ
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ เดินหน้าจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ครั้งที่ 10 ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ คาดมีผู้นำเข้าข้าวระดับโลกเข้าร่วมหลายร้อยราย และสร้างมูลค่าคำสั่งซื้อไม่น้อยกว่าแสนตัน หรือกว่า 2,000 ล้านบาท ภายใต้ธีม “GLOBAL RICE FROM THAI LEGACY” ที่เผยให้เห็นถึงการสอดประสานระหว่างรากฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของข้าวไทย กับวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ด้านข้าวสมัยใหม่ของประเทศ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมข้าวไทยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) มุ่งเน้นนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของข้าวไทย พร้อมทั้งยกระดับภาพลักษณ์ในตลาดโลก โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุม TRC 2025 เพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงระหว่างผู้ส่งออก ผู้นำเข้า
มีข่าวดีมาบอก กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ขอเชิญผู้ประกอบการเกษตรนวัตกรรมและผู้ที่สนใจเข้าร่วมส่งผลงานประกวดเกษตรนวัตกรรม Agri Plus Award 2025 🏆 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 💰เงินรางวัลรวมกว่า 150,000 บาท 🎯 ฟรี.. ไม่มีค่าใช้จ่าย รับสมัครถึง 6 พฤษภาคม 2568 กดอ่านรายละเอียดได้เลยนะคะ ⬇️ https://qr.me-qr.com/th/data/image-pack/NmCiefPA
หมอนทองเลิฟเวอร์ห้ามพลาด! “ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท” พร้อมเสิร์ฟ “Durian Decadent Afternoon Tea” ชวนจิบอาฟเตอร์นูนทีระดับไฮเอนด์และลิ้มรสเมนูพิเศษที่รังสรรค์จาก “ราชาผลไม้” สัมผัสอาฟเตอร์นูนทีสุดพิเศษในธีมทุเรียนเฉพาะซัมเมอร์นี้เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2568 เมื่อซัมเมอร์มาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง หลายคนคงตั้งตารอคอย “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้เมืองร้อนกับรสชาติหอมหวานมันเป็นเอกลักษณ์ที่ถูกอกถูกใจทั้งคนไทยและคนทั่วโลก และในปีนี้ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กลับมาอีกครั้งกับแคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea หลังได้รับเสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมเมื่อปีก่อน โดยจับมือกับ Toby’s Farm สวนทุเรียนคุณภาพระดับพรีเมียมจากจังหวัดจันทบุรี ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นำเสนอประสบการณ์การจิบน้ำชายามบ่ายที่ผสานความหรูหราเข้ากับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนหมอนทอง พร้อมยกระดับ “ความโลคอล” ด้วยการนำเสนอแบบ “โกลบอล” ระดับห้าดาว โดยเซตอาฟเตอร์นูนทีในธีมทุเรียนหมอนทองสุดพิเศษนี้ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยเฉพาะฤดูกาลทุเรียนตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน – 31 พฤษภา
ในการตกแต่งสวน สิ่งที่ละเลยไม่นำมาเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างพื้นสนามหญ้าก็อาจทำให้สวนแห่งนั้นขาดความสมบูรณ์แลดูไม่สวยงาม หากผ่านตามร้านขายต้นไม้หลายแห่งจะพบว่ามีหญ้าเป็นแผ่นตั้งกองไว้หน้าร้านเพื่อจำหน่ายควบคู่ไปกับพันธุ์ไม้หลายชนิด อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้หญ้าแต่ละชนิดต้องพิจารณาให้เหมาะสมตรงกับเจตนาของการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้งหรือแดดรำไร แต่ทราบหรือไม่ว่าเส้นทางของการผลิตหญ้ากว่าจะมาสร้างความสวยงามให้แก่สวนของคุณมีความเป็นมาอย่างไร ในอดีตหากต้องการใช้หญ้าเพื่อจัดสวนมักรู้กันดีว่าแหล่งสำคัญคือที่มีนบุรี เพราะปลูกหญ้าได้คุณภาพจนเรียกติดปากว่า “หญ้ามีน” ถึงแม้ในปัจจุบันแหล่งปลูกหญ้าจะเพิ่มหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดปทุมธานี กำแพงเพชรหรือแม้แต่นครนายก แต่ชาวบ้านที่มีนบุรียังคงรักษาวิถีอาชีพปลูกหญ้าดั้งเดิมสร้างรายได้เพื่อคงเอกลักษณ์ไว้ คุณสมชาย เจ๊มะหะหมัด กรรมการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรมีนบุรีและประธานกลุ่มผู้ปลูกหญ้าแปลงใหญ่ เป็นผู้ที่คร่ำหวอดกับวงการปลูกหญ้าสนามมาตั้งแต่เด็กให้ข้อมูลว่า ที่มีนบุรีถือเป็นพื้นที่ปลูกหญ้าแห่งแรก โดยเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา คุณสุดใจ วงศ์อารี อดีตรอ
“กั้ง” สัตว์น้ำทะเลมีเปลือก มีปล้องตระกูล ครัสเตเซียน (Crustaceans) เช่นเดียวกับกุ้ง ปู พบบริเวณหน้าดินเลน หรือชายฝั่งดินทรายแถบจังหวัดชายทะเลทั่วๆ ไป ทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้ มีลักษณะเปลือกหนา คม เป็นปล้องๆ คล้ายๆ กุ้ง เดิมไม่นิยมรับประทานและแทบไม่มีคนรู้จัก แถมราคาถูกชนิดให้ฟรีที่ท่าเรือได้ แต่ด้วยรสชาติของความอร่อยของเนื้อกั้งคล้ายเนื้อกุ้งผสมปู ทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่นักนิยมอาหารทะเลซีฟู้ดทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศอย่างจีน ไต้หวัน กั้งจึงเป็นอาหารทะเลมูลค่าสูง ราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 500-2,000 บาท ที่จังหวัดตราดเมืองท่องเที่ยว อบต.หนองคันทรง ได้จัดงาน ”เทศกาลเหยียบกั้ง ครั้งที่ 2“ ขึ้นเมื่อวันที่ 4-6 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีกิจกรรมครบวงจร ตั้งแต่แข่งขันเหยียบกั้ง ตัดสินกันด้วยน้ำหนักและราคากั้ง การประกวดแกะกั้ง เมนูต้มยำกั้ง เพื่อสร้างกระแสให้เห็นความสำคัญของ ”กั้ง” ที่เป็นอาหารทะเล เอกลักษณ์ของจังหวัดตราด ที่หายากและมีมูลค่าสูง เป็นที่นิยมบริโภคทั้งในและต่างประเทศ กั้งที่จังหวัดตราด…เนื้อแน่น เด้ง หวาน หอม “ตราด” เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีกั้งจำนวนมาก และว่ากันว่ากั้ง
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยความคืบหน้าการเปิดทางสะดวกส่งออกทุเรียนไทยไปจีน หลัง “นภินทร” นำทีมสำรวจเส้นทางโลจิสติกส์และอำนวยความสะดวกทางการค้าผลไม้ไทย ล่าสุดทูตพาณิชย์คุนหมิงได้เข้าพบบริษัท Yunnan Nongfa Agriculture ศูนย์กระจายและค้าส่งแห่งใหม่ จีนนำเข้าทุเรียนไทยเพิ่ม เบื้องต้นคาด 20-30 ตู้ต่อวัน พร้อมขอให้ช่วยกระจายไปยังมณฑลใกล้เคียงด้วย นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบาย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก นายณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงผลการดำเนินการต่อเนื่อง ภายหลัง นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เดินทางไปสำรวจเส้นทางโลจิสติกส์และอำนวยความสะดวกทางการค้าสำหรับการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนในช่วงฤดูกาลผลไม้ที่กำลัง
ในเรื่องของการส่งออกข้าวจำหน่ายตลาดต่างประเทศ ไทยยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 2 ของโลก เท่ากับปริมาณการส่งออกของเวียดนามที่ 7.5 ล้านตันเช่นกัน และอินเดียยังคงเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกที่ปริมาณ 16.5 ล้านตัน จึงเป็นความเสี่ยงของไทยที่จะต้องรักษาอันดับ การเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ เวียดนามยังมีโอกาสที่จะส่งออกข้าวแซงไทยที่เป็นไปได้สูง เพราะเริ่มเห็นตัวเลขการส่งออกข้าวเวียดนามเพิ่มขึ้น จากปกติการส่งออกเฉลี่ยเพียง 6 ล้านตันต่อปีเท่านั้น แต่เห็นชัดเจนขึ้นจากปี 2566 เวียดนามสามารถส่งออกได้ถึง 8.1 ล้านตัน และประมาณต้นปี 2567 เวียดนามสามารถประมูลข้าวจากอินโดนีเซียได้ถึง 4 แสนตัน จากการประมูลทั้งสิ้น 5 แสนตัน ส่วนที่เหลือเป็นของปากีสถานและเมียนมา ส่วนประเทศไทยไม่ได้เพราะราคาข้าวแพงกว่า ข้าวคาร์บอนต่ำ ทางรอดของเกษตรไทย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันการผลิตและการค้าขายทางภาคการเกษตรข
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีการเพาะปลูกข้าวเป็นหลัก ในแต่ละปีมีการผลิตและส่งออกข้าวจำหน่ายในปริมาณสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การอนุรักษ์สายพันธุ์ดั้งเดิมของข้าวพื้นเมืองเอาไว้ โดยนำมาผลิตเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวกสาโทนั่นเอง จากเครื่องดื่มพื้นบ้าน มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะประกอบร่างสร้างให้กลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่มีดีทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์ ยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นสู่ของดีประจำชาติ และยังสร้างรายได้มหาศาลกลับคืนสู่ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน การส่งเสริมแบรนดิ้งให้แข็งแรง ให้คุณค่ากับความเฉพาะตัวของวัตถุดิบพื้นถิ่น ใส่ใจในการออกแบบหน้าตาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการดื่มชิม คือตัวอย่างองค์ประกอบที่จะพาให้เครื่องดื่มพื้นบ้านไปไกลได้ทั้งในไทยและต่างแดน ความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยส่งผลให้แต่ละภูมิภาคมีการเพาะปลูกพืชพันธุ์ที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีจุดร่วมคือภูมิปัญญาหมักดองถนอมอาหารแต่การแปรรูปข้าว พืชผลไม้พื้นถิ่น สมุนไพรเหล่านี้ก็ยังต้องอาศัยภูมิปัญญาของชุมชนปราชญ์ ชาวบ้านที่ศึกษาและลงลึกในการหยิบจับส่วนผสมต่างๆ มาทดลองหมักบ่มผ่
ผักกรอบไม่ง้อเคมี! ด้วย “สูตรน้ำหมักถั่วเหลือง” ฮอร์โมนถั่วเหลือง จะช่วยเร่งต้น เร่งใบ ทำให้ผักอ่อนกรอบ ลำต้นไม่แคระแกร็น ผักสมบูรณ์แข็งแรง และช่วยบำรุงดิน ทำให้ดินดี มีธาตุอาหารมากขึ้น 🔴วัตถุดิบ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม (ที่ใช้ทำน้ำเต้าหู้) ผงกลูโคส 1 กระป๋อง (ปริมาณ 400 กรัม) น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม โยเกิร์ต (รสธรรมชาติ) 2 ถ้วย หรือ ยาคูลท์ 2 ขวด น้ำส้มสายชู 1/2 ขวด (ขนาดขวดน้ำปลา) มะพร้าว 4 ลูก กลูโคส 400 กรัม น้ำเปล่า 8 ลิตร 🪴ขั้นตอนการทำ ล้างถั่วเหลืองด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด นำไปแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นเทน้ำทิ้งแล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง นำถั่วเหลืองที่ล้างแล้วผสมกับน้ำสะอาด 8 ลิตรปั่นให้ละเอียด กรองกากถั่วเหลืองครั้งแรกด้วยกระชอน แล้วกรองซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นเทใส่ถังที่เตรียมไว้ ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดตามลงไปในถัง คนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วปิดฝา หมักทิ้งไว้ 1 เดือน 🍀วิธีใช้ ผสมน้ำหมักถั่วเหลือง 2-3 ช้อนลงในน้ำเปล่าประมาณ 5 ลิตร ใช้รดผักสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยให้ผักเติบโตได้ดี ลำต้นแข็งแรง และทำให้ผักกรอบอร่อย ✨เคล็ดลับ หากใช้ยาคูลท์หมักทิ้งไว้ 1 เดือน หากใ