เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ชัยนาท
ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่จำเป็นต้องงดการเพาะปลูกเพราะไม่มีน้ำเพียงพอ โดยมีเกษตรกรกลุ่มหนึ่งใน อ.สรรพยาหันมาปลูกพริกด้วยระบบน้ำหยดเเทน สามารถสร้างรายได้มากกว่าการทำนา
นางสุภาพร โฮงยู อายุ 45 ปี เกษตรกรใน อ.สรรพยาเปิดเผยว่า ได้เปลี่ยนจากการทำนาปรังมาเป็นการยกร่องปลูกพริกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอต บนเนื้อที่ 1 ไร่ หลังพื้นที่ อ.สรรพยาประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก แต่ได้รับการชักชวนจากผู้นำท้องถิ่นให้เข้าร่วมศึกษาดูงานการปลูกพริกด้วยระบบน้ำหยด
นางสุภาพรกล่าวว่า ในครั้งแรกต้องมีการลงทุนทั้งหมด ทั้งค่ายกร่อง ค่าต้นพันธุ์ และค่าอุปกรณ์ระบบน้ำหยด รวมประมาณ 10,000 บาท และทำให้พบข้อดีของการใช้ระบบน้ำหยดคือ ประหยัดน้ำซึ่งรวมถึงประหยัดต้นทุนการสูบน้ำด้วย การให้ปุ๋ยก็ทำได้ง่ายเพียงผสมปุ๋ยลงในถังระบบน้ำแล้วเปิดวาล์วให้ปุ๋ยผสมน้ำหยดลงโคนต้นวันละ 30-40 นาที โดยไม่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากเหมือนการให้ปุ๋ยแบบใช้คนหว่านทั่วไป
นางสุภาพรกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่ออายุครบ 90 วันพริกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอตในแปลงก็สุกแดง สามารถเก็บขายได้ โดยสหกรณ์การเกษตรวิถีพอเพียงเจ้าพระยา ที่นางสุภาพรเป็นสมาชิกอยู่จะรับซื้อในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 40-45 บาท เพื่อรวบรวมส่งต่อให้กับบริษัทแปรรูปต่อไป ซึ่งในแต่ละวันสวนของนางสุภาพรจะสามารถเก็บพริกได้ 40-50 กก. หรือมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,600-2,200 บาท โดยอายุของพริกโดยเฉลี่ยจะมีผลผลิตถึง 3,000 กก.ต่อ 1 ไร่ หรือสามารถสร้างรายได้มากถึง 120,000 บาท และเมื่อหักต้นทุนสุทธิแล้วจะมีกำไรขั้นต่ำ 60,000 บาทต่อ 1 ไร่ ซึ่งนางสุภาพรยอมรับว่าดีกว่าการทำนาหลายเท่าตัว
ที่มา : มติชนออนไลน์