หนุ่มวัย 20 ทำอาชีพเสริมระหว่างเรียน “ล้างเตาปิ้งย่าง” สร้างรายได้หลักล้านบาท
Jacob Shaidle (เจคอบ ชายเดิล) เล่าว่า ตอนอายุ 14 เขาทำงานในช่วงฤดูร้อนที่ฟาร์มต้นไม้ แต่แล้วพ่อแม่ก็บอกกับเขาว่า “ต้องหาเงินเรียนมหาวิทยาลัยเอง” เขาจึงต้องการหาเงินให้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อใช้จ่ายค่าเล่าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้
เขาเล่าต่อว่า “ฉันตกใจมาก เมื่อรู้ว่าค่าเล่าเรียนแพงแค่ไหน” ซึ่งเขาวางแผนที่จะทำธุรกิจ Shaidle Cleaning เต็มเวลาหลังจากจบการศึกษา
จุดเริ่มต้น
เจคอบ เล่าว่า แม่ของเขาขอให้ทำความสะอาดเตาบาร์บีคิวที่บ้าน และแนะนำให้เขาลองไปเคาะประตูตามบ้านข้างเคียง หลังจากที่เขาทำความสะอาดได้ดีมาก
“พ่อแม่ของผม แนะนำให้ทำความสะอาดเตาบาร์บีคิวของเพื่อนบ้าน เพื่อหาเงินได้มากกว่าที่ทำฟาร์มต้นไม้ ผมคงไม่เคยคิดที่จะเริ่มธุรกิจทำความสะอาดเตาบาร์บีคิว ถ้าพ่อแม่ของผมไม่แนะนำ”
เมื่อถามว่าต้องใช้อะไรบ้างในการทำธุรกิจเสริมนี้?
เขาตอบว่า ต้องใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ Shaidle Cleaning ซึ่งความโชคดีของเจคอบคือเขานั้นมีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงอยู่จากที่บ้านพ่อ และใช้เงินจำนวน 400 ดอลลาร์ (ประมาณ 13,400 บาท) โดยเขาใช้เงินเก็บของเขาทั้งหมดมาลงทุน
ในช่วงฤดูร้อนปีแรกที่ทำธุรกิจ เขาใส่ทุกอย่างลงในถุงช้อปปิ้ง 2 ใบแล้วเดินไปรอบๆ บ้านประมาณครึ่งไมล์ เพื่อทำความสะอาดเตาปิ้งย่าง เพราะว่าเขาไม่มีใบขับขี่ ดังนั้น การเดินจึงเป็นทางเลือกเดียว
ต่อมา เมื่อถึงฤดูร้อนปีที่ 2 เขามีเงินเพียงพอที่จะซื้อรถยนต์ของตัวเอง ทำให้สามารถขยายพื้นที่ให้บริการและเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า
ความท้าทายครั้งใหญ่
เขาบอกว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของธุรกิจเขามี 3 อย่างคือ การรักษาระดับคุณภาพที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าจะจ้างคนเพิ่มแล้ว, การรักษาความน่าเชื่อถือทางออนไลน์ และการจัดการลูกค้าจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่าบริการมีคุณภาพ
“ฉันพบว่าการฝึกอบรมที่ดีและมีการวางแผนมาอย่างรอบคอบนั้นมีความสำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ การจ้างพนักงานที่มีความมุ่งมั่นและกระตือรือร้น มีเป้าหมายและแนวคิดคล้ายๆ กับเรา และสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้”
การสร้างความมีอยู่บนโลกออนไลน์นั้น เป็นเรื่องท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องแข่งขันกับ “ฉลาม” ทั้งหลาย ที่มีลูกค้าและเงินมากกว่า เพื่อจ่ายเงินโฆษณาได้มากกว่าเรา แต่ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนเขา ที่ชื่อว่า Aran Giffen ทำให้สามารถสร้างความมีอยู่ที่ดีบนโลกออนไลน์ได้
โดยการขายเรื่องราว ความเยาว์วัย ความหลงใหล และความมุ่งมั่นของเขาให้กับผู้คน มากกว่าการที่จะขายบริการ
ซึ่งการเพิ่มจำนวนลูกค้าจาก 100 ราย เป็นลูกค้าที่มากกว่า 700 รายนั้น เป็นการก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่มาก เขาเล่าว่า ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของธุรกิจ เขาต้องการมีบทสนทนาส่วนตัวกับลูกค้าแต่ละราย ทำให้ลูกค้าตื่นเต้นกับบริการ และมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวันนั้นเขามีเวลาไม่เพียงพอที่จะทำเช่นนั้น เขาจึงให้พนักงานส่งข้อความ เพื่อติดตาม และสามารถมั่นใจได้ว่าลูกค้ามีความสุข
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการลูกค้าให้ง่ายขึ้นด้วย Jobber ที่จะเก็บข้อมูลลูกค้าทั้งหมดโดยอัตโนมัติ มีการส่งข้อความและจัดระเบียบทุกอย่างให้เขา
ในส่วนของรายได้
เนื่องจากเป็นธุรกิจตามฤดูกาล เขาต้องทำงานหนักทุกฤดูร้อน เพื่อเพิ่มรายได้จากฤดูกาลที่ผ่านมา ในปี 2021 ภายใน 2 เดือนแรกเขาสามารถทำเงินได้ 5,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 166,000 บาท) และในฤดูร้อนถัดมา เมื่อเขามีรถยนต์ สามารถทำรายได้เป็น 20,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 667,000 บาท)
ฤดูร้อนนี้ ซึ่งเป็นฤดูร้อนที่ 4 ในการดำเนินธุรกิจ เขาทำรายได้ 100,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 3,334,000 บาท) ภายใน 75 วัน และสามารถจบฤดูร้อนด้วยรายได้ประมาณ 150,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 5 ล้านบาท)
ในปีที่ผ่านมา เขามีช่างเทคนิคและพนักงานทั้งหมด 20 คน ดังนั้น การรักษารายได้ให้สม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายกว่ามาก เขาต้องเรียนรู้วิธีฝึกอบรมพนักงาน จัดการทีมขาย และรับมือกับลูกค้าหลายร้อยคน
การใช้ระบบอัตโนมัติ เป็นส่วนสำคัญในการขยายธุรกิจได้ โดยร่วมมือกับ Jobber ซึ่งสามารถช่วยเขาได้อย่างมาก สามารถขยายฐานลูกค้าได้ถึง 1,000 ครั้ง ในการทำความสะอาดเตา และสร้างรายได้ 6 หลักในปีนี้
ซึ่งก่อนที่จะใช้ Jobber เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการจัดตารางการทำความสะอาดและส่งข้อความเตือนลูกค้าเกี่ยวกับนัดหมายด้วยตนเอง ซึ่งกินเวลาส่วนใหญ่ของวันไป แต่พอมี Jobber เข้ามา ก็ช่วยให้ลูกค้าสามารถนัดหมายออนไลน์ได้อัตโนมัติ ส่งข้อความเตือน และส่งใบแจ้งหนี้หลังจากบริการเสร็จสิ้น ซึ่งทำให้เขามีเวลาว่างมากขึ้นในการมุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจ
ฝากข้อคิดสำหรับคนที่จะเริ่มต้นธุรกิจเสริม
“หาคนเก่งๆ สักคนมาอยู่รอบตัวคุณ ฉันเคยคิดว่าการไปถึงเป้าหมายใหญ่ๆ ด้วยตัวเองจะน่าทึ่งมาก มีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และน่าประทับใจกว่า แต่ฉันคิดผิด หนึ่งในส่วนที่ฉันชอบที่สุดของงานของฉันคือการได้พบคนใหม่ๆ ที่สามารถช่วยเหลือและสนับสนุนฉันได้ในหลายๆ ด้าน มันมีความคุ้มค่ามากกว่าที่จะทำคนเดียว”
ที่มา : Entrepreneur.