“อย่าปล่อยชีวิตหรือลมหายใจของเราออกไปวันๆ หนึ่ง โดยไร้ประโยชน์”
เชื่อว่าคนทุกคนไม่อยากที่จะเป็นลูกจ้างของใครไปทั้งชีวิต ต่างหาหนทางในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ถึงแม้จะประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นล้วนเป็นประสบการณ์ เป็นเสมือนรากฐานตั้งรับให้ตัวเองมีความเข้มแข็งมากขึ้น
คุณพรเทพ สกลกาญจนพร วัย 78 ปี เจ้าของร้านกินติมโฮมเมด อดีตพนักงานบริษัทเอกชนที่ลาออกทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น มาเปิดบริษัทเป็นของตนเองกับเพื่อน และสุดท้ายล้มเหลว กลายเป็นหนี้ จนสุดท้ายต้องกลับเข้ามาสู่วงโคจรของการเป็นลูกจ้างอีกหน
เรื่องราวชีวิตหลังเกษียณ ต้องเผชิญกับปัญหาที่หลายหลากถาโถมเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะปัญหาทางการเงิน ปัญหาทางครอบครัว จนสุดท้ายจำต้องออกจากบ้านมา พร้อมเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต
เปิดบริษัทแล้วล้มเหลว เกือบหมดตัว ไอศกรีมชุบชีวิต
อย่างที่ได้เล่าไปข้างต้นว่า เปิดบริษัทแล้วล้มเหลว หลังจากเกษียณจากงานมาก็ต้องมาเจอกับปัญหาต่างๆ จึงตัดสินใจออกจากบ้านมาพร้อมเงินที่เหลืออยู่ ในเงินก้อนนั้น เขาเองได้ตัดสินใจซื้อสิ่งที่จำเป็น คือระกระบะคันเก่าๆ ในราคา 50,000 บาท ที่พอจะพาเขาไปหาอาชีพได้
“เราก็ออกบ้านมาไม่รู้จะไปไหน มีเงินในบัญชีแสนหนึ่ง ซื้อรถกระบะเก่าๆ 40,000-50,000 บาท เหลือเงิน 40,000-50,000 บาทก็ต้องกินต้องใช้ ที่พักอะไรมันคงจะไม่พอ ก็อาศัยวัดอยู่ 1-2 เดือน มีรถก็พยายามหาค้าขายไป”
อาชีพค้าขาย ดูเป็นอาชีพที่น่าจะทำได้ ไม่ต้องอะไรมาก เลยหาผลหมากรากไม้มาขายดูเพื่อให้พอมีเงินทุนหมุนเวียนกินเป็นรายวัน ผลที่สุดมันก็ไปต่อไม่ได้ เนื่องจากความรู้ไม่มีและรู้ไม่จริงแต่ในขณะที่ขายผลไม้อยู่ก็เห็นไอศกรีมตามถนน เลยคิดว่าไอศกรีมมันดีนะ กินได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ กินได้ทุกหน้า ทั้งหน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน กินได้หมด เลยคิดไอเดียขึ้นมาว่าทำไอศกรีมขายดีกว่า
จากพื้นฐานที่เคยเป็นนักชิม จึงรู้ว่ารสชาติไหนใช่ รสชาติไหนจะต้องปรับปรุง แต่เขาย้ำกับผู้เขียนว่า “การทำไอศกรีมมันยากสำหรับคนที่ไม่เป็น แต่สำหรับคนเป็นมันง่ายไปหมด” แต่กว่าจะง่ายไปหมดนั้น ลองผิดลองถูกเป็นปี
แหล่งข้อมูลที่เขาได้เรียนรู้ในการทำไอศกรีม คือการเรียนรู้จากยูทูบ และสอบถามคนที่เขาทำอยู่ก่อน จากนั้นเก็บความรู้มาปรับใช้ในแบบฉบับของตนเอง คิดเองทำเองทดลองเอง ใช้เวลาปีกว่าจนกระทั่งได้รสชาติที่แน่นอน
สิ่งที่ได้รับจากการทดลองทำไอศกรีม เขาบอกว่า การทำไอศกรีมมันยากสำหรับคนที่ไม่เป็น แต่สำหรับคนเป็นมันง่ายไปหมด ข้อมูลพื้นฐานที่ได้เรียนรู้ แต่มาปฏิบัติกลับล้มเหลว ต้องปฏิบัติด้วยตัวเองถึงจะสำเร็จ
การเปิดร้านไอศกรีมจริงๆ ทุนไม่สูง กำไรดี และของไม่เสีย แต่ต้องใส่ใจอย่างมากในเรื่องของการเลือกวัตถุดิบ ทุกอย่างต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน ผลไม้ที่นำมาทำ คุณภาพต้องสด ต้องมีความสวยงาม ในทุกๆ ขั้นตองต้องทำให้เป็น เพราะสูตรไอศกรีมนั้นเป็นสูตรที่ตายตัว แต่ผลไม้เป็นตัวแปร
ไอศกรีมของทางร้านจะทำมาจากผลไม้สดแท้ๆ ใช้อะโวคาโดแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มะม่วงก็แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุเรียนก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ สตรอเบอร์รีก็ปั่นสดๆ ทุกอย่างเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์
สำหรับรสชาติของไอศกรีม อย่างทั่วๆ ไปจะมีเปรี้ยวมีหวาน แต่ทางคุณพรเทพได้คิดขึ้นว่า อยากจะทำไอศกรีมที่มีรสเผ็ดสักครั้ง จะเป็นไปได้หรือไม่ เลยมาทดลองขึ้น ตึงเกิดเป็นไอศกรีมหม่าล่าและกลายเป็นเมนูขวัญใจลูกค้า
แต่นอกจากจะาทำไอศกรีมจากผลไม้สดๆ แล้วสิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดอรรถรสในการกินมากขึ้นคือ การใช้ถ้วยผลไม้สด จะได้กินทั้งไอศกรีมและเนื้อผลไม้ไปในตัว ได้ทั้งความสวยงาม ได้ทั้งผลไม้สด ได้ทั้งความอร่อย ได้กินจากธรรมชาติเน้นๆ ซึ่งที่อื่นไม่ทำ แต่ร้านกินติมโฮมเมดเป็นสูตรที่คิดมาโดยเฉพาะทาง
ปัจจุบัน มีรสชาติให้เลือกถึง 7 รสชาติ และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ถ้วยละ 55 บาท หากจะเป็นใส่เนื้อผลไม้สดลงไป ก็เพิ่ม 10 บาท ก็ได้อรรถรสขึ้นมา ที่สำคัญ กลยุทธ์ของทางร้านที่จะทำให้ชาวเน็ตรู้จัก คือจะให้ลูกค้าที่มานั่งทาน ช่วยกดรีวิวให้ โดย 1 รีวิวจะให้ไอศกรีม 1 สกู๊ปเพื่อให้ชิม ลูกค้าได้กำไร ร้านได้ผลประโยชน์
แบรนด์จีนตีตลาดไอศกรีมในไทย เกือบท้อ แต่ไม่ขอถอย
พอเปิดร้านจริงจังก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ร้านก็พัฒนาต่อเนื่อง ไม่หยุดเพิ่มรสชาติ เพิ่มเมนูที่มันแปลกๆ ขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง มีบริษัทใหญ่โตของจีนเปิดร้านไอศกรีม เขาเองก็รู้สึกท้อใจเหมือนกันว่า “เราจะสู้เขาได้อย่างไร” ก็เลยท้อไปพักหนึ่ง แต่ก็ขาย ผลที่สุดเสียงตอบรับก็ยังเหมือนเดิม ลูกค้ายังคงเหนียวแน่น
“เรามีสินค้าคุณภาพ เราทำของจะให้เหมือนคนอื่นเลย คือ Impossible คือเป็นไปไม่ได้ เราต้องมีแนวของตัวเอง เอกลักษณ์ของตัวเอง คำว่าไอศกรีมเข้าใจกันทุกคน มันก็เหมือนกันทั้งหมด จะรสชาติอะไรก็เหมือนกันทั้งหมด แต่ของเรามาจากธรรมชาติ”
78 ปีแล้ว ไม่อยากปล่อยลมหายใจออกไปวันๆ โดยไร้ประโยชน์
มาถึงช่วงนี้แล้ว คุณพรเทพ ในวัน 78 ปี ได้ถ่ายทอดประสบการณื ความรู้ และแนวทางให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็นเป็นตัวอย่าง โดยบอกกับผู้เขียนว่า ความยากง่ายไม่ใช่อุปสรรค ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเรา อย่าไปกั้นกำแพงว่ามันยาก มันง่าย มันไม่ใช่ประเด็น ทุกอย่างทำต้องด้วยความตั้งใจ เส้นชัยเราต้องไปหาเขา อุปสรรคไม่ต้องไปกลัว ปัญหามีไว้แก้
แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้สูงอายุ อย่าท้อแท้ชีวิตตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง ให้ความสุขตัวเอง แล้วก็ความรู้ที่สะสมมาตลอดชีวิตเรา ใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด ให้คนรุ่นหลังเขาได้จดได้จำ คือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าปล่อยชีวิตหรือลมหายใจของเราออกไปวันๆ หนึ่ง โดยไร้ประโยชน์
ในวัยเกษียณ ถามว่ามีความสุขไหม ขอบอกเลยว่า เหมือนลดอายุตัวเอง 20-30 ปี มันเป็นความภูมิใจ ความแข็งแรงมาจากไหนก็ไม่รู้
สำหรับใครที่อยากจะไปลิ้มลองรสชาติของไอศกรีมจากผลไม้สดแท้ๆ หรือไอศกรีมรสหม่าล่า ปีกหมุดกันไปได้ที่ กินติมโฮมเมด ลาดพร้าว 122
หลายคนในแวดวงธุรกิจอาหารเริ่มออกมาพูดถึงเหตุการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยลง ส่งผลกระทบถึงหลายๆ ร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารสตรีตฟู้ด คาเฟ่ หรือแม้กระทั่งร้านอาหารมิชลินต่างก็เจอกับยอดขายที่ลดลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าปีนี้คำว่า “เผาจริง” ไม่ได้เป็นแค่คำเปรียบเปรย แต่กำลังจะกลายเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นจริง ที่จะส่งผลกระทบทุกหย่อมหญ้า ผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายที่ลดลงเท่านั้น แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งคือ ‘พฤติกรรม’ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่พร้อมจ่ายเพื่อรับประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานอาหาร แต่ตอนนี้หลายคนเริ่มหันมาจับจ่ายแบบระมัดระวังมากขึ้น เช่น การเลือกทำกับข้าวกินเองที่บ้าน หรือเลือกใช้บริการสั่งอาหารผ่านดีลิเวอรี แทนการไปนั่งกินที่ร้าน โดยเสียงสะท้อนจากหลายๆ ผู้ประกอบการ ณ ตอนนี้ มักจะแนะนำว่า “ถ้ามีเงินก้อนตอนนี้ อย่าเพิ่งลงทุนอะไรหนักๆ เก็บเงินสดไว้ก่อนจะดีกว่า” นั่นก็เป็นเพราะว่าในช่วงนี้สินค้าหรือวัตถุดิบก็ได้มีการปรับขึ้นราคากันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีในเรื่องของภาษีจากสหรัฐฯ ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ และเมื่อต้นทุนสูงขึ
ในวงการขนมหวานชื่อดังเมืองเพชรบุรี หากพูดชื่อ “โรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์” ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะเรื่องความอร่อย สดใหม่ การชูวัตถุดิบดั้งเดิมในท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดย โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์ ทายาทรุ่นที่ 3 ได้ผันตัวจาก “พ่อค้าขายขนมในออฟฟิศ” ปรับตัว คิดนอกกรอบ สร้างความต่าง มาต่อยอดธุรกิจครอบครัว และเคยได้รับรางวัล Inventor Awards จากเวที 7 Innovation Awards 2024 ล่าสุดพัฒนาสินค้าใหม่ “ขนมหม้อแกงกะทิสดเผือกหอม ลุงอเนก” ส่งขายเฉพาะร้านเซเว่นฯ และสามารถแจ้งเกิดหลังวางจำหน่ายได้ภายใน 2 เดือน กลายเป็นสินค้า SME ขายดี สร้างยอดขายกว่า 400,000 บาทต่อวัน โจ้-ประวิทย์ เครือทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรบุรี ไทยดีเสิร์ท จำกัด ผู้บริหารหนุ่มลูกหลานเมืองเพชร วัย 42 ปี เล่าถึงความเป็นมาว่า ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากขนมไทยรสชาติต้นตำรับรุ่นคุณย่า ที่ได้รับการสืบทอดเรื่อยมาจนมีโรงงานลุงอเนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์ ที่หมู่บ้านลาดโพธิ์ ต.สํามะโรง จ.เพชรบุรี เป็นโรงงานผลิตขนมไทยโบราณ ไม่ว่าจะเป็น หม้อแกง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ถ้วยฟู ฯลฯ ที่คงรสชาติแต่โบราณ และคงวัตถุดิบท้องถิ่น ส่
ใครจะไปคิดว่าเพลงโปรโมตสินค้าธรรมดาๆ จะกลายเป็นไวรัลใน TikTok จนมีคนนำเพลงในแผ่นเสียงไปใช้ทำคอนเทนต์เป็นหมื่นคลิปในเวลาไม่กี่สัปดาห์ “เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์” คือเพลงที่ “คุณยุทธ” เจ้าของช่อง “ยุทธ เมืองสุรินทร์” แต่งขึ้นมาเพื่อหวังจะขายสินค้าในแบบฉบับที่ใช้เพลงในการขาย แต่ทว่าเมื่อปล่อยเพลงไปแล้ว ผลตอบรับดีเกินคาด เนื้อเพลงและทำนองดันติดหู ร้องตามง่าย จนกลายเป็นมีมเสียงใหม่ที่เป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งในคลิปต้นฉบับมีการโพสต์แคปชันสั้นๆ ว่า “เยลลี่ รสผลไม้ #เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ #ยุทธเมืองสุรินทร์” อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ผลลัพธ์คือยอดวิวพุ่งสูงถึง 6.7 ล้านครั้ง และแผ่นเสียงถูกนำไปใช้มากกว่า 2 หมื่นคลิป ส่วน ‘เนื้อหา’ ในคลิปจะถือตัวสินค้าที่เป็นเยลลี่ และออกท่าทางเต้นตามเพลงเบาๆ ต่อมาในส่วนของ ‘เนื้อเพลง’ จะร้องว่า “เยลลี่ยุทธเมืองสุรินทร์ ใครได้เห็นก็ต้องอยากกิน โคตรอร่อยเคี้ยวเพลินนุ่มลิ้น จะไปบอกแม่ ว่าหนูอยากกิน” ความหมายของเนื้อเพลงก็ตรงตัว ไม่ต้องคิดเยอะว่าแต่ละประโยคแปลว่าอะไร เพราะในเนื้อเพลงบอกครบแล้ว ว่าตัวสินค้าที่จะโปรโมตคือเยลลี่ ของร้านคุณยุทธ ที่อยู่จังหวัดสุรินทร์
‘ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ พาร์ค’ ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งศิลปะและความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ล่าสุด ได้สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ให้วงการศิลปะ โดย ‘คุณลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง อย่าง FLYNOW และ ผู้เนรมิต ช่างชุ่ย ครีเอทีฟ พาร์ค สนับสนุนให้มีการจัดนิทรรศการเดี่ยวในรอบ 9 ปี ‘ARCH OF LINECENSOR : PERFECT STORM’ ของ ‘Linecensor’ ศิลปินสตรีตอาร์ตชื่อดังของไทย นำผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมระดับมาสเตอร์พีซมาจัดแสดง พร้อมผลงานสุดอลังการ มีขนาดใหญ่สุดถึง 8 เมตร จัดขึ้นที่อาคาร ChangChui Gallery ซึ่งเต็มไปด้วยความคึกคัก จากเซเลบชื่อดัง และผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะ คุณเกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือที่รู้จักในชื่อ Linecensor กล่าวว่า “ผมไม่ได้จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวที่ประเทศไทยมานานหลายปี เลยอยากนำผลงานจิตรกรรมระดับมาสเตอร์พีซ ทั้งงานใหม่ ประมาณ 7-8 ชิ้น และผลงานจากนักสะสมที่หลายคนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมาจัดแสดง โดยมีผลงานขนาดใหญ่สุดถึง 8 เมตร ควบคู่กับการนำประติมากรรม ที่ผมออกแบบใหม่ทั้งหมดประมาณ 20 ชิ้น เพื่อเสริมการเล่าเรื่องผ่านงานจิตรกรรมให้โดดเด่นมากขึ้น รวมถึงมีของที่ระล
