“ความ ล้มเหลว กลัว คนจริง”
ประโยคที่กล่าวมานั้น คือ มุมมองการต่อสู้กับอุปสรรคทางธุรกิจ ในแบบของ ตัวพ่อแห่งวงการแฟชั่น อย่าง คุณลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้ง ฟลายนาว (FLYNOW) เสื้อผ้าแบรนด์ดังในตำนาน ที่ปัจจุบันดำเนินธุรกิจมาต่อเนื่องได้ราว 40 ปีแล้ว
ว่ากันว่า การโบยบินของกิจการ ฟลายนาว นั้น ขยับปีกออกตัว ได้อย่างสวยสดงดงาม ชนิดประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงและรายได้ตั้งแต่ปีแรกๆ ที่ออกสู่ตลาด เลยทีเดียว
แต่แล้วช่วงปี พ.ศ. 2540 ต้องเผชิญกับ วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งสร้างผลกระทบให้ฟลายนาว ต้องกลายเป็นหนี้ถึง หลักพันล้านบาท
แม้ธุรกิจที่ปั้นมากับมือ จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก ชนิดหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ผู้ก่อตั้ง ก็ไม่ยอมแพ้ และใช้เวลาประมาณ 7 ปี สามารถปลดหนี้พันล้านบาทได้หมด
ทั้งปัจจุบัน ฟลายนาว ยังเป็นแบรนด์แฟชั่น ที่แม้จะไม่ “อลัง” เหมือนยุคก่อน แต่ยังมีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ แห่ออร์เดอร์เสื้อผ้ากันข้ามปี จำนวนไม่น้อย
การทำกิจการให้เล็กลง แต่แข็งแรง สร้างผลประกอบการได้ดี แถมอาจมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม มีหลักคิดและแนวทางอย่างไร เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาไปหาคำตอบ
กล่าวสำหรับ หนี้สินนับพันล้าน ของฟลายนาว หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง นั้น เจ้าของกิจการ ตั้งต้นแก้ไขจากคำว่า ไม่ท้อ ก่อนนำทุกเรื่องมาคลี่ดู จนทราบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากวิกฤตต้มยำกุ้งเพียงอย่างเดียว
แต่มันเกิดจากตัวเขาเองด้วย ที่คิดว่าเงินหาง่าย บริหารธุรกิจหละหลวม หลงระเริงกับความสบายในความสำเร็จมากเกินไป ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นจึงเป็นบทลงโทษข้อใหญ่
อย่างไรก็ตาม ด้วยความใจสู้ ไม่หนีปัญหา ฟลายนาว ใช้เวลา 3-4 ปี สามารถเคลียร์หนี้สินได้เบาบางลง แต่ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจนปรุโปร่ง
สำหรับภาพรวมกิจการ ฟลายนาว หลังประคองตัวให้ผ่านพ้นหลายวิกฤต มาจนถึง พ.ศ. นี้ พบว่า หากมีงานเข้ามาเยอะ จะจ้างคนนอกทำ ทีมงาน จึงมีทั้ง ฟรีแลนซ์ กึ่งชั่วคราว กึ่งถาวร ทำให้ไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายแรงงานมากเกินไป
สำรวจตัวเอง ยอมรับปัญหา สำรวจคู่แข่ง สำรวจเทรนด์โลก ว่าสู้ได้ไหม ถ้าสู้ไม่ได้ อย่าหลอกตัวเอง ถ้าสู้ได้ก็ลุยเลย แต่ถ้าสู้แล้วแพ้ ให้กลับมาตั้งหลักใหม่ คืออีกหนึ่งแนวคิดสำคัญของกิจการแห่งนี้
เรื่องราวของกิจการ ฟลายนาว จะว่าไป ก็มีความคล้ายคลึงกับเสื้อผ้าแบรนด์ระดับโลก อย่าง ดีเซล (DIESEL) ที่ก่อตั้งโดย ‘เรนโซ รอสโซ’ (Renzo Rosso) นักธุรกิจชาวอิตาลีในปี ค.ศ. 1978 และโด่งดังมากในยุค 1990-2000 จากการทำกางเกงยีนส์ และยังเป็นผู้นำแฟชั่นกางเกงยีนส์เอวต่ำและกางเกงยีนส์ขาด ที่ยังฮิตมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับความนิยมของ ดีเซล นั้น เพิ่มขึ้นตามลำดับ ถึงขนาดที่ใครๆ ก็ต้องมีกางเกงยีนส์ของ ดีเซล อยู่ในตู้เสื้อผ้า
แต่แล้ว ในปี 2019 ‘ดีเซล ยูเอสเอ’ ได้ยื่นล้มละลายในสหรัฐฯ หลังขาดทุนต่อเนื่องนานกว่า 6 ปี โดยยอดขายรายปีลดลงกว่า 50% ซึ่งบริษัทฯ ระบุว่า เป็นผลจากภาวะตกต่ำในอุตสาหกรรมค้าปลีก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปซื้อเสื้อผ้าผ่านร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้น รวมถึงการเข้ามาของแพลตฟอร์มเช่าเสื้อผ้าด้วย
แม้จะเผชิญกับการล้มละลาย บวกกับวิกฤตโควิด-19 แต่ ดีเซล ก็กลับมาได้อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 2020 ด้วยกลยุทธ์รีแบรนด์ จากแบรนด์ที่มีภาพจำว่า ขายแต่กางเกงยีนส์แบบจำเจ มาเป็น แบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายและทันสมัยมากขึ้น จนกลายมาเป็นสินค้าแฟชั่นสไตล์ Y2K อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
เรียกว่า เป็น เสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ ที่ “เกือบหลับ แต่กลับมาได้” ด้วยกันทั้งคู่ เลยก็ว่าได้