เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Exclusive Featured SMEs

‘หาเงินแต่งเมีย’ ร้านเค้กตักที่เริ่มต้นจากความรัก สู่ไวรัลคนแห่ต่อคิว ขายหมด 180 ชิ้น ใน 1 ชั่วโมง

“ในตอนแรกเราอยากเก็บเงินเอาไว้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่พอมีคุณกิ๊งเข้ามาก็เหมือนมีเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเริ่มทำอะไรสักอย่าง” 

คำบอกเล่าของ คุณเน-ณัฐติกา รักดี ที่ร่วมเปิดร้านเค้กตัก ‘หาเงินแต่งเมีย’ กับ คุณกุ๊งกิ๊ง-ชนนิกานต์ ศิริมงคลมิตร วัย 30 ปี จนกลายเป็นเค้กตักสุดน่ารัก ขวัญใจชาวต๊อกๆ ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบที่ทำเองกับมือ ไปจนถึงการดูแลลูกค้าที่ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ค้ากับลูกค้า แต่เป็นครอบครัวที่เติบโตไปด้วยกัน 

พร้อมเป้าหมายสูงสุดอย่างการเก็บเงินให้ได้ 4 ล้านบาท เพื่อขอแฟนแต่งงานตามชื่อร้านและการเปิดโรงงานขนมของตัวเอง

จุดเริ่มต้นร้าน ‘หาเงินแต่งเมีย’

เดิมทีคุณเนมีประสบการณ์กว้างขวางในสายอาหาร ไม่ว่าจะเป็น อาหารเกาหลี โรงแรมโซนจัดเลี้ยง ไปจนถึงงานขายเสื้อวินเทจที่เป็นอีกหนึ่งงานอดิเรก แต่ที่สุดแล้วก็ได้ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบทำขนม อีกทั้งยังเคยมีประสบการณ์จากการเรียนเชฟมา 4 ปี ทำให้เริ่มมาทำสายขนมเต็มตัว 

ทั้งคู่เริ่มจากร้าน ‘พรสวรรค์ Bakery’ เป็นร้านแรก ซึ่งเน้นทำ ชีสพาย เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ชีสพายทุเรียนหมอนทอง ชีสพายบลูเบอร์รี ชีสพายมะยงชิด ชีสพายสตรอเบอร์รี และบานอฟฟีพรีเมียม เปิดพรีออร์เดอร์ทุกวันอาทิตย์และวันพุธ 

แต่พอเริ่มอยากออกบูธขาย การจะไปอยู่ในห้างที่มีค่าเช่าที่ ค่าอุปกรณ์ และต้นทุนที่ค่อนข้างสูงเกินตัวสำหรับร้านเล็กๆ ทำให้ได้ข้อสรุปใหม่เป็น ‘เค้กตัก’ ที่ได้ไอเดียมาจากการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ซึ่งกระแสกำลังมาแรงใน TikTok ออกขายตามงานตลาดนัด 

โดยใช้งบลงทุนเริ่มแรกประมาณ 30,000 บาท เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ต้องเริ่มต้นซื้อใหม่ทั้งหมด แต่จากการที่ได้คุณแม่ของคุณกิ๊งช่วยซัพพอร์ตเรื่องอุปกรณ์บางส่วน ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่บานปลายไปไกล

มากกว่า 10 เมนู ไม่มีซ้ำ

เค้กตัก
เค้กตัก

ปัจจุบันเค้กตักในร้านมีทั้งหมดเกือบ 10 เมนู และยังครีเอตเมนูใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อ ไม่ว่าจะเป็น Fluffy Monster เค้กคัสตาร์ดหมูหย็องที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน 

หรือเค้กที่ลูกค้าซื้อซ้ำบ่อยที่สุดอย่าง เค้กทุเรียนหมอนทอง ที่ใช้ทุเรียนแท้จากสวนของครอบครัวที่จันทบุรี ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งรส ที่บางคนถึงกับมาซื้อ 5 วันติด 

และอีกหนึ่งเมนูฮิต บานอฟฟี ที่ทางร้านทำเองทั้งช็อกโกแลตซอสคาราเมล กล้วยแน่นทุกชั้น ไม่หวงเครื่องจนลูกค้าติดใจ

นอกจากนี้ยังมี เค้กมัทฉะ เค้กนูเทลล่า&เฟอร์เรโร เค้กบลูเบอร์รี เค้กสตรอเบอร์รีครีมชีส ซึ่งกว่าแต่ละเมนูจะวางขายได้ ต้องผ่านการชิมจากคุณกิ๊งที่เป็นนักรีวิวอาหาร รวมถึงคนอื่นๆรอบตัว เพื่อให้แน่ใจว่ารสชาติพร้อมขายจริงๆ และได้ตั้งราคาเริ่มต้น 59 บาทขึ้นไป

“เราขายราคา 59 บาท เพราะเป็นเลขที่จำง่ายและอยากให้ลูกค้าได้ชิมหลายๆ รส น่าจะเป็นราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ โดยไม่ต้องรู้สึกว่าสิ่งที่ซื้อมามันคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า เพราะเราพยายามทำให้มันคุ้มค่ากับราคานี้ที่สุดในแบบที่เราทำได้ ทั้งรสชาติและคุณภาพวัตถุดิบ”

สำหรับรายได้เฉลี่ยแบบไม่หักต้นทุนอยู่ที่ประมาณวันละ 6,000-10,000 บาท และถ้าวันไหนมีเชฟผู้ช่วยมาช่วยอีกแรงจะขายได้วันละหมื่นกว่าๆ (ไม่รวมกำไร)

ซึ่งจากที่เคยขายมาทั้งหมด ถ้าเป็นแบบที่ตักใส่กล่องเรียบร้อยแล้ว เคยขายหมดเร็วสุดภายใน 20-30 นาที ส่วนเค้กที่ต้องตักใหม่ตามคอนเซ็ปต์ของร้านเคยขายได้เร็วที่สุดทั้งหมด 15 ถาด (180 ชิ้น) ภายใน 1 ชั่วโมง เพราะมีจำนวนถาดและลูกค้าค่อนข้างเยอะ

ร้านหาเงินแต่งเมีย
ร้านหาเงินแต่งเมีย

ใส่ใจทุกรายละเอียด ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าจริงๆ

ในการทำเค้กแต่ละครั้ง คุณเนจะลงมือทำวัตถุดิบด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด โดยพยายามไม่พึ่งของสำเร็จรูป ไม่ใส่วัตถุกันเสีย อีกทั้งยังใส่ให้แบบจุกๆ เหมือนไม่กลัวขาดทุน เพื่อให้เค้กมีรสชาติที่ไม่ซ้ำใคร และยังตั้งใจเลือกวัตถุดิบเกรดดีที่สุดจากเรตราคาของต้นทุนที่มี 

ซึ่งนอกจากทุเรียนหมอนทองที่รับมาจากสวนของทางบ้านแล้ว วัตถุดิบอื่นๆ จะเลือกซื้อมาจากแม็คโครใกล้บ้าน เพราะความสะดวกในการขนของ วัตถุดิบมีความสดใหม่ และยังได้ราคาส่งอีกด้วย

แม้เค้กจะขายดีจนบางวันหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และบางวันต้องจำกัดจำนวนซื้อเพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อกันทุกคน แต่คุณเนก็ไม่เคยลดคุณภาพลงแม้แต่นิดเดียว ยังตักเค้กเองทุกกล่อง 

และหากชิ้นไหนเลอะจนหน้าตาไม่สวย ทางร้านจะลดราคาให้ลูกค้าโดยไม่ลังเล เพราะอยากให้ลูกค้าได้ของ ‘ดีที่สุด’ เสมอ

ในส่วนเรื่องของพิกัดร้าน น่าเสียดายที่ในตอนนี้ร้านหาเงินแต่งเมียยังไม่มีหน้าร้านเป็นกิจจะลักษณะ เพราะต้องการออกไปเจอกับลูกค้าด้วยตัวเองในหลายๆ พื้นที่ ให้ลูกค้าได้รู้สึกคิดถึงและอยากทานขนมของทางร้านอีก ดังนั้นในตอนนี้ ช่องทางการขายจะยังมีแค่การออกบูธและเปิดพรีออร์เดอร์ 

ซึ่งในตอนนี้ร้านหาเงินแต่งเมียกำลังทำการเซอร์เวย์พื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ถ้าเกิดผลตอบรับออกมาดี เร็วๆ นี้อาจจะมีไปเปิดบูธอีก และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่หมดแล้วก็จะขยับสเต็ปมาเปิดโรงงานขนม ซึ่งในอนาคตเมื่อมีกำลังผลิตมากขึ้นอาจมีการทำแบบขายส่งให้ผู้ที่สนใจมารับไปขายสร้างรายได้ต่อไป

เค้กตัก
เค้กตัก

ความฝันเริ่มชัดเจน

หลังจากทำมาสักพักร้านหาเงินแต่งเมียได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้อีกหนึ่งความฝัน ‘อยากจะมีโรงงานทำขนมเป็นของตัวเอง’ เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ 

จากในตอนแรกที่ไม่ได้ทันตั้งตัว ว่าร้านจะได้รับความนิยมภายในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีติดขัดบ้างในเรื่องของการเคลื่อนย้ายเค้กและกำลังการผลิต ที่พอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ความต้องการของลูกค้าก็มากขึ้นตาม ทำให้คุณเนที่เป็นกำลังผลิตเพียงคนเดียวต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตอยู่บ้าง

ซึ่งแม้จะรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณเนยอมแพ้ คุณกิ๊งยังคงเป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังซัพพอร์ตที่น่ารักให้เสมอ ทำให้การทำกิจการในครั้งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของชีวิตที่อยากจะทำให้สำเร็จ เพราะอยากแต่งแล้ว 

เค้กตัก
เค้กตัก

อีกหนึ่งกำลังใจที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ ‘ลูกค้าของร้าน’ ที่คอยเอ็นดูและซัพพอร์ตทั้งคู่ คุณเนและคุณกิ๊งต่างให้ความสำคัญกับการสร้างความผูกพันเหมือนเป็นครอบครัว มากกว่าการเป็นแค่แม่ค้ากับลูกค้า  

“จริงๆ ตอนแรกก็คิดในมุมธุรกิจ มันไม่มีธุรกิจอะไรที่จะแมสได้ตลอดเวลา ต้องสร้างสีสันนู่นนี่อยู่ตลอด แต่เรามองกลับกัน เรามองลูกค้าเป็นครอบครัว เราเล่าเรื่องของเรา ให้ทุกคนฟัง และเขาเอ็นดูในความเป็นเรา

รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สร้างความผูกพันกับลูกค้า ทั้งเราและธุรกิจด้วย ครอบครัวจะไม่ได้หายไป ต่อให้วันนั้นเราจะไปอยู่จุดไหน ยังไงเขาก็จะยังอยู่กับเรา” คุณกิ๊ง เล่าให้ฟัง

สุดท้ายนี้ เรื่องราวของร้าน ‘หาเงินแต่งเมีย’ คืออีกหนึ่งตัวอย่างของความฝันที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ที่ค่อยๆ เติบโตจากความรัก ความตั้งใจ และความหวังของคนสองคน ที่เลือกจะลงมือทำในสิ่งที่ชอบ 

จากในตอนแรกที่มีความคิดอยากเก็บเงินเพื่อทำอะไรบางอย่าง กลายเป็นร้านขนมที่สามารถส่งต่อแพชชันให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ไม่ใช่แค่การขายของอย่างเดียว

สำหรับใครที่กำลังคิดจะเริ่มต้นอะไรบางอย่าง อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือกำลังลังเลอยู่กับทางเลือกในชีวิต บางทีการเริ่มจาก ‘สิ่งที่เราชอบ’ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเรารักในสิ่งที่ทำ เราจะอยู่กับมันได้นาน แม้จะเหนื่อย แม้จะต้องเจออุปสรรคบ้างระหว่างทาง แต่ถ้าเราตั้งใจทำมันให้ดีจริงๆ วันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เราภูมิใจ

เขียนโดย พิชญธิดา ศรีศกุน

Related Posts

จาก ‘โลคอล’ สู่ ‘โกลบอล’ ZENFRY เฟรนช์ฟรายด์ถั่วเขียวเจ้าแรกของโลก เริ่มต้นจาก SMEs บ้านๆ ขายออนไลน์ สู่แบรนด์ส่งออก