“เราตั้งใจว่าจะเอาทักษะการแสดง กับทักษะภาษาจีนมาสร้างเป็นอาชีพให้ได้”
จากเด็กนิเทศฯ ที่รักในการแสดงและมีทักษะความรู้ด้านภาษาจีนเป็นทุนเดิม ทำให้เขานำมาต่อยอดจนกลายเป็นเหล่าซือที่สอนภาษาจีนผ่านคาแร็กเตอร์สนุกสนานและผ่อนคลาย ใช้ความถนัดมาสร้างตัวตนจนทำให้สามารถสร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน
ปันปัน-ชนินทร พิทักษ์วรรัตน์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ปันปันเหล่าซือ” เจ้าของเพจ Attentionchinese ที่มีผู้ติดตามหลักแสน และเคยเป็นโค้ชฝึกสอนภาษาจีนให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น บิวกิ้น-พีพี, พี่แหม่ม แคทลียา และล่าสุดกับ ‘ไอซ์ซึ’ ในซีรีส์สงครามส่งด่วน ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน
จากนักเรียนแลกเปลี่ยน สู่เหล่าซือชื่อดัง
ปันปันเหล่าซือเป็นลูกหลานคนจีนเลยได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กๆ และตอนมัธยมมีโอกาสไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีน ในโครงการ AFS อยู่กับ Host Family คนจีน เป็นเวลา 1 ปีการศึกษา
“ตอนนั้นปันแทบจะไม่มีเวลาได้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนคนจีนเลย เพราะความที่เป็นเด็ก ม.ปลาย แล้วสถานการณ์บังคับให้ต้องตั้งใจเรียน ทุกคนจะเคร่งกันมากๆ เพราะตารางเรียนเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า จะมีเวลาคุยกับเพื่อนแค่ตอนพักระหว่างคาบ 10 นาทีเท่านั้น เลิกเรียนคาบปกติ 5 โมงเย็น แต่นักเรียนทุกคนยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะจะมีช่วงเวลาที่ให้ทำการบ้าน หรือทบทวนอยู่ที่โรงเรียนจนถึง 1 ทุ่ม”
ด้วยความที่เขาเป็นนักเรียนต่างชาติคนแรกของโรงเรียน ทำให้คุณครูเอ็นดู และจัดคอร์สสอนเพิ่มเติมให้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น การนำครูภาษาอังกฤษมาสอนวิชาภาษาจีนให้ เพราะจะได้สื่อสารเข้าใจมากขึ้น
ก่อนจะเล่าต่อว่า “พื้นฐานภาษาจีนตอนนั้นมีนิดเดียว ทำให้ช่วงแรกจะต้องปรับตัวประมาณหนึ่ง แต่ด้วยความที่เห็นภาพ เห็นประโยคซ้ำๆ จะเริ่มจับทางได้ว่าประโยคนี้หมายถึงอะไร ใช้กับสถานการณ์ไหน พอเราอยู่ท่ามกลางชีวิตที่คนพูดจีนจะเรียนรู้ไปได้อัตโนมัติ”
เมื่อนำ ‘ความฝัน’ มาผนวกกับ ‘ความชอบ’
ด้วยความที่ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ปันปันเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ พอเรียนจบเขาก็เดินหน้าทำตามความฝัน ทั้งเป็นนักแสดงอิสระ, ถ่ายโฆษณา และรับงานพากย์เสียง เป็นต้น
จากนั้นเริ่มหารายได้เสริมด้วยการสอนพิเศษภาษาจีนตามสถานที่ต่างๆ รายได้ขยับจาก 400 บาท เป็น 800 บาท แต่เมื่อเริ่มสอนไปเรื่อยๆ ก็เกิดความรู้สึกว่างานนี้น่าจะต่อยอดได้ จึงเกิดความคิดที่ว่า “จะทำยังไงให้ตัวเองมีมูลค่ามากขึ้น”
“ช่วงนั้นคือยุคเริ่มต้นของ YouTube คนส่วนใหญเริ่มทำช่อง เราเลยทำคลิปสอนภาษาจีนสั้นๆ ผลปรากฏว่า คนชอบคลิปของช่อง Attentionchinese มาก คุณแม่ก็เลยแนะนำว่าให้ไปเรียนต่อ ป.โท ที่จีนดีไหม”
กระทั่งได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลจีน ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เซี่ยงไฮ้ สาขาการสอนภาษาจีนให้กับชาวต่างชาติ เลยตั้งใจว่าจะเอาทักษะการแสดงกับทักษะภาษาจีนมาสร้างเป็นอาชีพให้ได้
ปันปัน เล่าว่า แต่เดิมเคยทำงานประจำได้เงินเดือน 9,000 บาท ในตำแหน่งประสานงาน แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่ถนัดจึงลาออก
อีกทั้ง เขายังเคยไปช่วยงานที่องค์กรไทยในประเทศจีน ก็ได้เห็นความเครียดของบริษัทจีน เห็นบรรยากาศการนั่งทำงานในออฟฟิศจีน
“เวลาทำงานไม่มีใครคุยกันเลย ทุกคนอยู่ในโลกของตัวเอง พักเที่ยงกินข้าวเสร็จกลับมาทำงาน เลิกงานแยกย้าย ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา ก็เลยคิดว่าไม่ว่าจะที่ไทยหรือจีนก็จะไม่ทำงานประจำ”
ความตั้งใจแรก
“โจทย์แรกไม่ได้อยากเป็นเหล่าซือขนาดนั้น แต่สิ่งที่อยู่ในความคิดคือ “อยากดัง” ทำยังไงก็ได้ให้ดัง ตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้มีเอกลักษณ์ในการแสดงที่โดดเด่น แต่เรามีทักษะภาษาจีนเลยนำมาผนวกกัน เกิดเป็นช่อง Attentionchinese ขึ้น”
ช่วงแรกที่ทำผลตอบรับดีมาก มีกำลังใจในการทำต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกิจวัตรที่เป็นงานมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของ TikTok ที่ลงคลิปไปไม่ถึง 12 ชั่วโมงก็มีคนดูกว่าครึ่งแสนแล้ว
“คอนเทนต์ที่ทำ ณ ตอนนั้น คิดแค่ว่าทำยังไงให้ดูแล้วผ่อนคลาย ดูแล้วสนุก เพราะคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าภาษาจีนไม่น่าเรียน เข้าใจยาก เราเลยตั้งโจทย์ว่าทำยังไงให้เขารู้สึกสนุกกับการเรียน เลยนำความตลกเข้ามาใส่ เน้นแอ๊กติ้งสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ เป็นซิกเนเจอร์ของช่อง”

เส้นทางสู่อาชีพในวงการ
“เราได้รับโอกาสจากพี่ๆ ในวงการที่เขาเห็นว่าเราพูดจีนได้ เลยชวนไปทำงานโฆษกในสตูดิโอ ตอนนั้นได้ 6,000 บาท แล้วก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ”
หลังจากนั้นก็มีงานลงเสียงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานโฆษก (Announcer) อาทิ เจ้าของเสียงประกาศภาษาจีนบน MRT, พากย์เสียง Presentation ภาษาจีนขององค์กรต่างๆ ไปจนถึงการเป็นผู้ฝึกสอนภาษาจีนให้กับศิลปิน
โดยจะสอนตั้งแต่พินอิน การฝึกสำเนียง การเทรนให้ศิลปินพูดภาษาจีนได้เหมือนเจ้าของภาษา และเข้าใจบริบทมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนการสอนจะเริ่มตั้งแต่การปูพื้นเรื่องพินอินที่เป็นหัวใจหลักของภาษาจีน
“อย่างแรกเราจะได้รับบทมาเป็นภาษาจีน ซึ่งถ้างานไหนมีเวลา จะสอนพินอินให้กับศิลปินก่อน และจะเริ่มสอนออกเสียงหลายๆ เวอร์ชัน ทั้งแบบช้าและแบบปกติ และจะให้ศิลปินอัดคลิปพูดส่งกลับมาให้เรา”
โดยศิลปินที่ปันปันเคยเป็นผู้ฝึกสอนให้ ได้แก่ บิวกิ้น-พีพี, พี่แหม่ม แคทลียา และไอซ์ซึ ในซีรีส์เรื่อง ‘สงครามส่งด่วน’ ที่มีความยากคือต้องใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือน ให้ไอซ์ซึสามารถพูดภาษาจีนได้เก่งเหมือนเจ้าของภาษา
“ตอนนั้นเราได้รับโจทย์มาว่าให้สอนภาษาจีนให้ไอซ์ซึในเวลา 2 เดือน อย่างแรกเลยเริ่มจากการกำจัดความกังวลก่อน และสอนพินอินที่เป็นหัวใจสำคัญ จากนั้นเอาคำศัพท์จากในเรื่องมาอ่านออกเสียงแบบไม่ใส่แอ๊กติ้ง เพื่อให้ไอซ์ซึไปฝึกท่องจำ”
และเมื่อสามารถอ่านเนื้อหาด้วยสำเนียงจีนได้แล้ว ก็จะเริ่มเจาะเข้าสู่ความหมาย ว่าแต่ละประโยคแปลว่าอะไร โดยทุกครั้งที่มีบทพูดภาษาจีน ปันปันเหล่าซือจะต้องเข้าไปในกองถ่าย เพื่อควบคุมให้นักแสดงพูดตรงตามบท และเป็นผู้ช่วยในการสื่อสารกับผู้กำกับว่าประโยคที่นักแสดงพูดนั้นหมายถึงอะไร
และในเรื่องสงครามส่งด่วนจะมีการเข้าไปถ่ายทำกับทีมจีนที่เซี่ยงไฮ้ เขาเล่าว่า
“ทีมจีนทำทุกอย่างเป๊ะมาก ทำงานกันอย่างรวดเร็ว สามารถสื่อสารกับนักแสดงได้ตรงกับที่ผู้กำกับอยากได้”
ภาษาจีนคือกุญแจ นำทางไปสู่โอกาสใหม่ๆ
“เราเรียกมันว่ากุญแจที่จะพาเราไขประตูไปเจอโอกาสใหม่ๆ”
ภาษาจีนบางคนบอกว่ายาก แต่จริงๆ แล้วการเรียงคำ เรียงประโยค แทบจะไม่ต่างจากภาษาไทย อย่างแรกภาษาจีนเข้าใจแกรมม่าได้ง่ายกว่าหลายๆ ภาษา และเสียงต่างๆ ที่เป็นภาษาจีน ก็สามารถนำภาษาไทยไปดัดแปลงได้ง่าย เพราะฉะนั้น สามารถปรับให้เข้าใจภาษาจีนได้ไม่ยาก
อย่างในเรื่องสงครามส่งด่วน ตัวละคร ‘สันติ’ เขาเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยเถ้าแก่เหมืองที่ต้องใช้สกิลการพูดภาษาจีน ทำให้เขามีแต้มมากกว่าคนงานคนอื่นๆ หลังจากนั้นก็ไปเป็นไกด์ จนกระทั่งสันติสามารถเอาตัวเองไปถึงเซี่ยงไฮ้ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้มีการใช้ภาษาจีนทั้งสิ้น
โดยแต่ละคนสามารถนำภาษาจีนมาประยุกต์ให้เข้ากับความถนัดของตัวเองได้ อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนชอบแสดงออก คุณมีความสามารถในการ hold เวที คุณอาจจะไปเป็นพิธีกร 2-3 ภาษาก็ได้
หรือถ้าเป็นคนที่ถนัดเรื่องการค้าขาย ก็นำเอาภาษาจีนมาผนวก อาจจะไปค้าขายกับคนจีน ไม่ว่าจะเป็น นำเข้าหรือส่งออก ก็สามารถนำมาสู่รายได้ที่มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขายมากกว่าเดิม และถ้าหากค้าขายเก่งก็อาจจะสร้างรายได้เดือนละหลายแสนบาท
และอีกหนึ่งอาชีพที่เงินเดือนสูงไม่แพ้กันคือ “ล่ามแปลพร้อม” ที่รับค่าจ้างเรตชั่วโมงละหลายพันบาท ซึ่งจุดสูงสุดของการเป็นล่ามคือ “ล่ามตู้” หรือ “ล่ามพูดพร้อม” ความหมายคือ เราพูดภาษาไทยไปยังไม่ทันจบประโยค ล่ามคนนี้ก็แปลเป็นจีนแล้ว ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถสูง
อย่างไรก็ตาม แต่ละงานจะมีความท้าทายไม่เหมือนกัน อย่างการเทรนดารา ศิลปินในโปรเจ็กต์ต่างๆ จะมีข้อจำกัดคือเรื่อง ‘ระยะเวลา’ ที่ศิลปินส่วนใหญ่มักจะมีคิวน้อย ผู้ฝึกสอนจะต้องทำยังไงก็ได้ให้ศิลปินทำได้ตามโจทย์ในเวลาที่จำกัด
หัวใจของการเรียนรู้ภาษาจีน
“ต้องเชื่อมั่นในการเรียนรู้ภาษาจีน เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง มีวินัย มีเป้าหมายที่ชัดเจนวัดผลได้ และมองเห็นพัฒนาการของตัวเองตลอด ถึงแม้จะเป็นก้าวเล็กๆ ก็ตาม”