เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured Exclusive

“พั้ฟย่าง” ไส้แน่นทะลัก! สูตรแป้งข้าวกล้องอินทรีย์ผสมธัญพืช เจาะกลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ

​ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา เพราะฉะนั้น อาหารการกินจึงเป็นสิ่งสำคัญ จึงไม่แปลกที่จะเห็นกลุ่มผู้ค้าขายอาหารหันมาประยุกต์และปรับปรุงสูตรให้เข้ากับเทรนด์ วันก่อนได้ไปพบกับร้าน สวนดินคานาอัน มีเมนูที่ลูกค้าพากันต่อคิวซื้อ เมนูที่ว่าคือ “พั้ฟย่าง” ต่อยอดมาจากกะหรี่ปั๊บปรับสูตรทั้งแป้งและไส้ เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ปลอดภัยต่อคนรักสุขภาพ และรสชาติที่ลงตัว

คุณมะลิ เหลืองอร่าม วัย 43 ปี เจ้าของเมนูเด็ด “พั้ฟย่าง” เล่าที่มาว่า เดิมทีเป็นพนักงานออฟฟิศ ทำมาหลากหลายอาชีพเป็นทั้งลูกจ้างและเปิดธุรกิจของตัวเอง แต่ยังไม่ลงตัว ทำงานหาเงินมาเพื่อให้คนอื่นหรือนำไปซื้อของกินซึ่งล้วนแล้วไม่ปลอดภัย ทำให้เธอ เริ่มหันมาปลูกผักทานเอง ซึ่งสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้และปลอดภัย หลังจากนั้นจึงตัดสินใจ ลองไปทำสวนที่บ้านเกิด อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก เพราะเชื่อว่า การมีอาหารที่ปลอดภัย คือ ความมั่นคงที่สุดในชีวิต

ด้วยความที่ยังต้องขึ้นลงไปกลับชัยภูมิ-กรุงเทพฯ เป็นระยะๆ เพื่อให้การเดินทางขึ้นลงไม่เสียเปล่า จึงได้นำสินค้าจากชุมชนบ้านเกิด นำขึ้นมาขายด้วย โดยร่วมอยู่ในกลุ่ม “Trust Food Good Truck คาราวานอาหารปลอดสารเคมี” และด้วยความที่เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่อยู่เสมอ จึงปิ๊งไอเดีย เปลี่ยนกะหรี่ปั๊บที่เธอเห็นตั้งแต่เด็กเวลาขับผ่านแถวสระบุรี ด้วยการเปลี่ยนจากการทอด เป็นการย่างแทน

ซึ่งจุดเด่นของ “พั้ฟย่าง” อยู่ที่ตัวแป้ง คุณมะลิ บอกว่า ได้สูตรการทำแป้งมาจากพี่ที่รู้จัก จึงนำสูตรที่ได้มาเปลี่ยนเป็นสูตรของตัวเอง เริ่มแรกใช้แป้งข้าวเจ้าธรรมดาแล้วนำไปย่างปรากฏว่าสำเร็จ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นแป้งข้าวกล้องอินทรีย์ ปั่นผสมกับข้าวธัญพืชกว่า 10 ชนิด ซึ่งแป้งข้าวเจ้ากล้องที่ใช้เธอจะเลือกรับจากเพื่อนเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ที่รู้จักและเชื่อใจกัน

​จุดเด่นอีกอย่างที่ต้องยกให้คือไส้ของ “พั้ฟย่าง” ที่มีความล้นทะลัก อัดแน่นเต็มคำ โดยวัตถุดิบที่นำมาทำไส้นั้นเป็นวัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์ ซึ่งผลผลิตหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นจะหมุนเวียนตามฤดูกาล เช่น ช่วงนี้มีมะม่วง ช่วงนี้มีกระเจี๊ยบแดง เมื่อเป็นอย่างนั้นทำให้เธอต้องคิดเมนูไส้ตามวัตถุดิบที่มีตามฤดูกาล ต่างจากเกษตรเคมีที่มีตลอดทั้งปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไส้ “พั้ฟย่าง” หมุนเวียนตามฤดูกาล โดยจะมีไส้หลักๆ คือหมู และเห็ดนั่นเอง

“วัตถุดิบที่เลือกใช้ต้องรู้ที่มาที่ไป ปลูกยังไง ดูแลยังไง ใส่ปุ๋ยอะไร ถ้ามีวัตถุดิบอินทรีย์เราเลือกใช้ แต่วัตถุดิบบางอย่าง ยังหาที่เป็นอินทรีย์ไม่ได้ ก็จะเลือกที่ปลอดภัยที่สุด การปรุงแต่ง ไม่ใช้สารปรุงแต่งสังเคราะห์ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ใช้การปรุงรสจากดอกเกลือ และน้ำตาลอ้อย เท่านั้น เพราะเชื่อว่าวัตถุดิบที่ดี ที่ปลูกอย่างธรรมชาติ ให้ความอร่อย และปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค ไม่ต้องปรุงรสมากมาย”

ซึ่งในวันที่นำมาขายนั้น มีทั้งหมด 5 ไส้ คือ ไส้กล้วยมะพร้าวอ่อน ไส้เผือกมะพร้าวอ่อน ไส้มันม่วงมะพร้าวอ่อน ไส้หมูเพสโต้กะเพรา และไส้เห็ดอบชีส รสชาติอร่อย หวานน้อย และแคลอรีต่ำ

สำหรับขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เริ่มแรกนำแป้งมารีดให้บาง จากนั้นใส่ไส้ลงไป นำแป้งมาประกบปิดให้มิดจับจีบแบบเดียวกับกะหรี่ปั๊บ แล้วนำไปย่างบนเตาให้เหลืองน่าทานจนกลิ่นหอมโชย

“กะหรี่ปั๊บทั่วไปตัวแป้งจะหนาหรือใช้แป้ง 2 ชั้น มะลิรู้สึกว่าไม่ชอบ และเชื่อว่าหลายๆ คนก็ไม่ชอบเหมือนกัน มะลิเลยเลือกทำแป้งให้บาง จะเห็นว่าพอย่างแล้วรูปร่างไม่ค่อยสวยมากนัก แต่ลูกค้าบอกว่ายังน่าทานอยู่” คุณมะลิ ว่าอย่างนั้น

“พั้ฟย่าง” ขายราคาชิ้นละ 30 บาท ในส่วนของราคาคุณมะลิเน้นว่า หากลูกค้าสอบถามถึงเรื่องราคาเธอจะคุยให้ลูกค้าฟังซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจดี ด้านรายได้บางงานขายดี บางงานก็ไม่ดีแล้วแต่กลุ่มลูกค้า ขายได้ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ออกงานสุขภาพ เดือนละ 5-6 วัน มากสุดคือ 10 วัน หากเว้นว่างจากการขายของก็จะกลับไปทำไร่ที่บ้านเกิดตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นทันที

“มะลิทำงานและใช้ชีวิตแบบพอเพียง กิน ใช้แบบพออยู่ ลด ละ จากสิ่งฟุ้งเฟ้อที่เกินตัว มีชีวิตแบบมีความสุขที่สุด และความมั่นคงที่สุดคือ การมีอาหารที่ปลอดภัยกิน ในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ที่ผ่านมา เงินไม่สามารถใช้ซื้ออาหารได้ แต่ถ้าคุณปลูกผักไว้ในบ้าน คุณมีชีวิตรอดได้ ทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตขายของไม่กี่วันต่อเดือน หลังจากนั้นคืออิสรภาพ ที่เราจะไป จะทำอะไรก็ได้ เพราะเราไม่มีภาระหนี้สินใดๆ” คุณมะลิ ทิ้งท้าย

Related Posts

เปิดจักรวาล Karun! ปั้นแบรนด์น้องใหม่ เจริญสังขยา, Summer Bowl และ Avery Wong ปี 66 รายได้รวม 100 ล้านบาท  
เปิดเทรนด์ผู้บริโภคยุคนี้ ไม่เน้นถูกสุด แต่ต้อง ‘คุ้มสุด’