ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยสิ้นสภาพ
วันที่ 17 ก.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศนายทะเบียนที่ 1/2563 เรื่อง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยสิ้นสภาพ ตามที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เลขทะเบียนที่ สรร.35 โดยมีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 89 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร นั้น
เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำให้มีทุนลดลงไม่เกินร้อยละ 50 จึงมีผลให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 และเปลี่ยนสภาพเป็นบริษัทเอกชน ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยสิ้นสภาพความเป็นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจในวันเดียวกันด้วย
นายทะเบียน จึงขอประกาศว่าสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้สิ้นสภาพตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 นายอนันต์ บวรเนาวรักษ์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายทะเบียน
Latest Posts
จากปัญหาของเล่นล้นบ้าน สู่ Keimen Kids ธุรกิจเช่าของเล่นที่อยากช่วยเซฟโลก เซฟเงินในกระเป๋าพ่อแม่ ไปพร้อมๆ กับเสริมพัฒนาการเด็ก เพราะการซื้อของเล่นให้ลูกในแต่ละครั้ง นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และของเล่นเหล่านั้นอาจรกเต็มบ้านในไม่ช้า อีกทั้งในไทยยังไม่ค่อยมีแพลตฟอร์มให้เช่าของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กสักเท่าไหร่ จึงนำมาสู่ไอเดียธุรกิจให้เช่าของเล่นและหนังสือเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก ‘Keimen Kids’ ของหุ้นส่วนทั้ง 3 คนคือ คุณอุ้ม-พิมพ์จุฑา จิระวัฒน์พงศา คุณเกา หลี่ขุยหลิน (Gao Likuilin) และ คุณฝ้าย-พฤดา ตั้งพุทธสิริ ที่ร่วมกันก่อตั้งธุรกิจนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยความตั้งใจอยากสร้าง Circular Economy ให้กับของเล่น คุณอุ้ม เล่าว่า ไอเดียธุรกิจนี้มาจากเพนพอยต์ (Pain Point) ของคุณเกา หุ้นส่วนชาวสิงคโปร์ที่มีลูกเล็กวัยเกือบ 1 ขวบ เขารู้สึกว่าในไทยยังไม่ค่อยมีแพลตฟอร์มให้บริการเช่าของเล่นเสริมพัฒนาการ อีกทั้งการซื้อของเล่นมาจำนวนมาก ทั้งซื้อเพราะคิดว่าลูกจะชอบ ซื้อแล้วลูกเล่นครั้งเดียว จนของเหล่านั้นรกเต็มบ้านไปหมด จึงออกมาในคอนเซ็ปต์ให้เช่าของเล่นแบบรายเดือน โดยคิดค่าบริการเช่า เริ่มต้นที่ 700 บาท
ยำจนปัง! จากทำน้ำยำขายเป็นงานเสริม สู่ร้านยำสุดไวรัล “เอ๊ะอะยำ” ยอดขายพีกสุด 50,000 บาทต่อวัน จุดเริ่มต้นจากความชอบทานยำของ คุณดล-วุฒิพงษ์ งาเฉลา และ คุณไก่น้อย-นิรัตน์ งาเฉล ที่ต้องการจะหารายได้เสริมในช่วงที่ทำงานประจำ ทั้งคู่เริ่มจากขายน้ำยำออนไลน์จนกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเปิดเป็นร้าน “เอ๊ะอะยำ” ซึ่งมีเมนูไวรัลคือ “ยำหมูสับล้น” ที่ลูกค้าชื่นชอบและต่างพากันแซวว่าขายเอาสังคมใช่ไหม ปัจจุบันสามารถสร้างรายได้พีกสุด 50,000 บาทต่อวัน และมีลูกค้ามาต่อคิวมากกว่า 250 คิวต่อวัน จุดเริ่มต้นจากน้ำยำออนไลน์ “พวกเราชอบกินยำเลยลองทำน้ำยำขายในช่องทางออนไลน์ดูครับ” คุณดล เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้น หลังจากลองผิดลองถูก ทั้งคู่ได้พัฒนาสูตรน้ำยำของตัวเอง โดยมีการเรียนเพิ่มเติมจากยูทูบ และให้กลุ่มเพื่อนในออฟฟิศได้ลองชิม แม้ในช่วงแรกยอดขายยังไม่สูงมาก ประมาณ 40-50 กล่องต่อวัน แต่ความตั้งใจและการสร้างตัวตนผ่านโซเชียลมีเดียช่วยให้คนเริ่มรู้จักเอ๊ะอะยำมากขึ้น คุณดล เล่าต่อว่า “ตอนนั้นก็ได้มีการเปิดเพจหรือว่าทำการสร้างตัวตนให้กับตัวเอง ให้คนรู้จักมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ว่ารายได้ดี แต่เป็นอาชีพที่ส
เมื่อโลกเต็มไปด้วยทางเลือกและข้อมูลมากมาย มาตรฐานใหม่ในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของพ่อแม่ยุคใหม่จึงเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่มองหาสินค้าที่มีคุณภาพสูง แต่ต้องมีนวัตกรรมที่ช่วยให้การเลี้ยงดูสะดวกยิ่งขึ้นและส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบต่อโลก ทำให้สินค้าเด็กมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มาดูกันว่า 5 เทรนด์สินค้าสำหรับเด็กปี 2025 มีอะไรบ้าง 1. สินค้าปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกสินค้าของพ่อแม่ยุคใหม่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อเด็กๆ แต่ยังต้องดีต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สร้างสังคมและโลกที่ดีกว่าสำหรับลูกหลานในอนาคต ทำให้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งในแง่ของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงและกำลังพัฒนา พ่อแม่จึงเลือกสินค้าที่ปลอดภัยจากสารเคมีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องเด็กจากอันตรายทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกอาหารที่ปลอดสารเคมีและมาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิก หรือของเล่นที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งการใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการสอนให้เด็กเติบโตขึ
ถ้าพูดถึงแบรนด์ ‘ชาไทย’ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มชาไทย หนึ่งในนั้น ต้องมีชื่อ Karun Thai Tea ติดอยู่ในลิสต์ร้านโปรด ซึ่งเจ้าของแบรนด์นี้ คือ คุณรัส-ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ เธอเริ่มต้นสร้างแบรนด์นี้มาจากความชอบดื่มชาไทยของคุณแม่ ก่อนนำมาต่อยอด ปรับสูตรโดยใช้ชาหลากหลายชนิด จนได้ชาไทยสูตรลับของร้าน ที่ทำตามได้ยาก หลังจากปั้นแบรนด์ Karun Thai Tea จนติดตลาด เราจึงได้เห็นการแตกแบรนด์น้องใหม่ในเครือ Karun ไม่ว่าจะเป็น เจริญสังขยา Summer Bowl และ Avery Wong ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์และโปรดักต์ที่ชัดเจน อย่าง Avery Wong ที่กำลังเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียล คือแบรนด์ที่เน้นขาย ‘ชานม’ เป็นหลัก โดยเปิดสาขาแรกบริเวณชั้น G ศูนย์การค้า Gaysorn Amarin ใจกลางเมือง ความโดดเด่นของแบรนด์นี้ เริ่มตั้งแต่ ‘แพ็กเกจจิ้ง’ ที่ออกแบบมาในโทนสีเขียว และสีครีม สกรีนชื่อร้าน ให้ความเรียบหรูและพรีเมียม สามารถยกดื่มหรือใส่หลอดได้เช่นกัน พร้อมกับถาดรองแก้ว ที่ออกแบบมาในลวดลายตารางหมากรุก สำหรับราคา เมนู Signature Milk Tea เริ่มต้น 110 บาท และมีรสชาติพิเศษ ทั้ง Barley, Strawberry, Peach &a
เข้าสู่เดือนเมษาหน้าร้อนกันอีกครั้ง หลายคนเริ่มมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม หรือลงทุนเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม และบริการอัตโนมัติ ที่ไม่เพียงทำเงินได้เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น แต่ยังสามารถทำกำไรได้ตลอดทั้งปี วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ มี 6 แฟรนไชส์น่าลงทุนในเดือนเมษายนมาแนะนำ มีทั้งของกิน เครื่องดื่ม ไปจนถึงธุรกิจตู้อัตโนมัติ ที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ แบบนี้ ลงทุนเริ่มต้นหลักพัน-หลักหมื่น ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ทำได้ Super Steak (ซูเปอร์สเต็กส์) แฟรนไชส์สเต๊ก ที่มาในคอนเซ็ปต์ More Steak More Delicious เป็นมากกว่าสเต๊ก มากกว่าความอร่อย เป็นความตั้งใจที่ทำแบรนด์นี้จากประสบการณ์กว่า 30 ปี เพื่อเป็นแบรนด์สเต๊กสตรีตฟู้ด ที่ใครๆ ก็สามารถทานได้ รสชาติมาตรฐานสากล ผสมผสานความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ราคาเริ่มต้น 49 บาท รูปแบบการลงทุน รูปแบบที่ 1 : ราคา 9,000 บาท รูปแบบที่ 2 : ราคา 19,000 บาท รูปแบบที่ 3 : ราคา 29,000 บาท รูปแบบที่ 4 : ราคา 39,000 บาท ช่องทางการติดต่อ Facebook : ซูเปอร์สเต็กส์ Super Steak โทร. : 080-910-8199 ปังไม่สิ้น กลิ่นน้ำนม แฟรนไชส์ท