ความจริงแล้ว การมีอายุ 60 ปี ถือว่ายังคงทำประโยชน์ได้ต่อไปอีกนาน เพียงแต่มีบางรายเท่านั้นที่รู้สึกว่าตัวเองหมดความสำคัญ เพราะต้องหยุดทำงานประจำ
ขณะเดียวกัน ถ้ามีการคิดวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน ด้วยการหากิจกรรมที่ถนัด รัก ชอบ มีขนาดเล็ก ไม่ยุ่งยาก หรือพิจารณาดูว่าเหมาะกับวัยแล้วทำไปพร้อมๆ กัน การก้าวผ่านวัยเพียงแค่ 60 ปี ดูจะไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองแก่หมดคุณค่า
อย่าง คุณเสนอ นราพล (พ่อ) ได้ชักชวน คุณรัฐพงษ์ นราพล (ลูก) มาทำสวนเกษตรผสมผสานกันที่บ้านเลขที่ 155 บ้านบัว หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านบัว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ
คุณเสนอ มีอาชีพทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แล้วมีแผนว่าจะวางมือในเวลาอีกไม่นาน ดังนั้น จึงตั้งใจว่าจะส่งมอบอาชีพนี้ต่อให้กับคุณรัฐพงษ์ ที่ร่ำเรียนด้านก่อสร้างมารับช่วงจากเขา

ก่อนที่จะถึงช่วงเวลานั้น คุณเสนอ มองหากิจกรรมบางอย่างทำเพื่อลดช่องว่างของเวลาให้หมดไป สิ่งที่เขาตั้งใจคือ สวนเกษตรผสมผสาน ด้วยเหตุผล เพราะมีกิจกรรมหลายชนิดสร้างความเพลิดเพลินคลายเหงา แถมยังช่วยในเรื่องออกกำลังกายด้วย อีกทั้งยังมองว่าเกษตรผสมผสานมีความยั่งยืนกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่ต้องรอผลผลิตเพียงปีละครั้ง แล้วยังเสี่ยงต่อความเสียหายจากความไม่แน่นอนของธรรมชาติทุกปี
คุณเสนอ ได้หาซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง มีลักษณะเป็นโคกป่าทึบ แล้วได้เข้าไปปรับปรุงถากหญ้าถางพงออก ค่อยๆ วางแบบแผนการปลูกพืชแต่ละชนิด
โดยเริ่มจากจัดทำเป็นแปลงนาปลูกข้าวเหนียว กข 6 เป็นนาปรัง จำนวน 4 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละตันกว่า ขณะที่การทำนาของคุณเสนอได้ใช้วิธีปลูกข้าวแบบดำนากล้ากลีบเดียว หมายถึง การใช้ต้นกล้าปลูกเพียงต้นเดียว เพื่อต้นกล้าต้นเดียวจะแตกกอไปอีกหลายต้น การทำนาด้วยแนวทางนี้จะช่วยให้ประหยัดต้นกล้า ลดต้นทุนได้มาก

พื้นที่ส่วนที่เหลือ คุณเสนอได้ปลูกพืชไม้ผลชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไผ่ ฝรั่ง หรือผักสวนครัวชนิดต่างๆ ที่ปลูกแบบหมุนเวียน พร้อมกับได้นำกล้วยน้ำว้ามาปลูก พอมีผลผลิตก็ให้ภรรยาตัดไปแปรรูปเป็นกล้วยเบรกแตกขาย
นอกจากนั้น ยังแบ่งพื้นที่อีกส่วนหนึ่งเพื่อขุดสระน้ำ ทั้งขนาดเล็ก-ใหญ่ จำนวน 3 บ่อ เพื่อนำน้ำมาใช้ หากเกิดภาวะแห้งแล้ง โดยในบ่อน้ำได้เลี้ยงปลาหลายชนิดเพื่อใช้บริโภคและขาย พอนานวันได้นำไก่มาเลี้ยง แล้วใช้มูลไก่เป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ เพื่อเน้นความเป็นเกษตรอินทรีย์ภายใต้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
คุณเสนอ บอกว่า เริ่มทำเกษตรผสมผสานมาตั้งแต่ ปี 2535 จากการหาข้อมูลด้วยตัวเองบ้าง ถามจากผู้รู้บ้าง แล้วลงมือทำกับลูกชายด้วยการปลูกต้นไผ่เป็นแนวกันชน ปลูกพืชไม้ผลสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน การดูแลบำรุงพืชจะเน้นเป็นอินทรีย์เท่านั้น

ได้นำมูลสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ รวมทั้งพืชผักที่เป็นเศษอาหารประจำวันมาหมักเป็นปุ๋ยพืชสด อีกทั้งยังได้นำมูลวัว ควาย มาเข้ากระบวนการหมัก เพื่อทำให้เป็นแก๊สสำหรับใช้หุงต้มในบ้าน ถือเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการหุงต้มได้
“ปุ๋ยอินทรีย์ ได้มาจากมูลเป็ด ไก่ วัว ควาย ที่เลี้ยงไว้ นอกจากนั้น ยังใช้พืชผักต่างๆ หลังจากที่บริโภคแล้ว ทั้งนี้ ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกจะใช้เวลาทำหลังจากเสร็จสิ้นจากฤดูปลูกข้าวแล้ว โดยจะทำเก็บไว้จำนวนมาก เพื่อเตรียมสำหรับไว้ใช้ในหน้าฝน”

การทำเกษตรผสมผสานของครอบครัวนราพล ยึดมั่นในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ การปลูกพืชไม้ผล หรือการเลี้ยงสัตว์ของครอบครัวนี้ก็ไม่ได้หวังเงินทอง จึงไม่จำเป็นต้องเร่งหรือสร้างผลผลิตให้มีจำนวนมาก เพียงแต่ผลิตเป็นอาหารไว้ใช้บริโภคในครัวเรือนเท่านั้น ซึ่งหากเหลือหรือบริโภคไม่ทันจึงนำไปขายแล้วนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ทำให้เกิดความประหยัด
คุณเสนอ ชี้ว่า การทำเกษตรผสมผสานควรเริ่มต้นจากขนาดเล็กก่อน หลังจากที่เกิดความชำนาญและเข้าใจถึงธรรมชาติของพืชและสัตว์เป็นอย่างดีแล้ว จึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น ทั้งนี้ การเลือกทำอะไรต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ว่ามีความพร้อมในด้านอะไร เนื่องจากพื้นที่แต่ละแห่งมีสภาพทางธรรมชาติที่ต่างกัน


คุณรัฐพงษ์ บอกว่า พ่อตั้งใจจะทำเป็นสวนเกษตรผสมผสาน เพราะมองว่าควรมีรายได้หมุนเวียนจากพืชหลายชนิดที่ปลูกไว้ แทนที่จะรอรายได้จากผลผลิตเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนผลผลิตที่ได้หากเหลือจะนำไปขายที่ตลาดอินทรีย์ในชุมชน หรือส่งขายให้ร้านอาหาร
สำหรับไก่ที่เลี้ยงมีหลายชนิด ทั้งไก่เนื้อ ไก่ไข่ หรือไก่สวยงาม อาทิ ไก่ดำภูพาน ไก่ญี่ปุ่น ไก่มองโกเลีย และไก่บ้าน สำหรับลูกไก่ที่ขยายพันธุ์ทุกครั้งจะแบ่งส่วนหนึ่งเก็บไว้ ส่วนที่เหลือนำไปขายในราคาที่พอใจให้แก่ผู้สนใจโดยไม่หวังกำไร
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้ไก่สายพันธุ์ใหม่จากทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีชื่อว่า สร้อยนิล มีเลี้ยงไว้จำนวน 4 ตัว ไก่พันธุ์นี้มีขนสีขาวล้วน เป็นพันธุ์ที่ยังไม่ได้เผยแพร่ คุณสมบัติของสร้อยนิลคือ โตเร็ว เนื้อนุ่ม สวย มีไข่มาก มีความสมบูรณ์ แข็งแรง ทั้งนี้ ในแง่การตลาดสามารถขายเป็นไก่ไข่และไก่เนื้อ ดังนั้น จึงได้นำไก่ชนมาทับเพื่อต้องการขยายพันธุ์ที่แข็งแรง แล้วนำไข่ไปให้ไก่พันธุ์อื่นฟัก


สวนเกษตรของคุณเสนอได้รับการยอมรับจากภาคราชการว่า เป็นสวนผสมผสานที่สมบูรณ์แบบตามแนวทางหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ กระทั่งได้รับการจัดให้เป็นศูนย์เรียนรู้การทำเกษตรผสมผสานต้นแบบที่ได้มาตรฐาน หรือ “ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านบัว” พร้อมกับมีหน่วยงานและสถาบันต่างๆ เข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาหาความรู้มากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณเสนอ นราพล (พ่อ) โทรศัพท์ (089) 947-4548 หรือ คุณรัฐพงษ์ นราพล (ลูก) โทรศัพท์ (086) 255-5962