ในยุคที่เกษตรกรไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของตลาดและรายได้จากพืชผลเกษตร การแสวงหาพืชทางเลือกที่สามารถปลูกง่าย ดูแลง่าย และมีศักยภาพในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจึงกลายเป็นแนวทางที่น่าสนใจ “หม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” คือหนึ่งในพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ และสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปได้หลากหลาย ตั้งแต่น้ำผลไม้ แยม ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สร้างโอกาสใหม่ให้กับเกษตรกรในการพัฒนาธุรกิจจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ

หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจ อย่างเช่น คุณเม-เมจิรา ชูประเสริฐ เจ้าของสวนชนาภัทร จังหวัดปราจีนบุรี ที่เริ่มต้นจากการปลูกหม่อนในพื้นที่เล็กๆ ด้วยแนวคิดเกษตรอินทรีย์ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ก่อนจะพัฒนาไปสู่การแปรรูปมัลเบอร์รี่เป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งน้ำมัลเบอร์รี่เข้มข้น แยมโฮมเมด และผลอบแห้ง โดยเน้นความเป็นธรรมชาติและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นสำคัญ

คุณเม เล่าว่า การทำสวนเป็นอาชีพที่ทำมานานตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ แต่ในสมัยนั้นเรื่องเหล่านี้ยังไม่ได้มองว่าต้องการทำเป็นอาชีพเพราะเป็นงานที่หนัก และไม่น่าจะมีความสุขในสายงานนี้ จึงหาอาชีพทางด้านอื่นเพื่อเป็นอาชีพแต่ก็ยังไม่เกิดความสุข จึงตัดสินใจกลับมาบ้านเกิดและลองทำสวนอย่างจริงจังในเวลาต่อมา
“ช่วงแรกเราก็ลองมาทดลองทำดูเกี่ยวกับเกษตร เพราะมองว่าของแบบนี้มันก็เหมือนอยู่ในสายเลือด เพราะช่วงที่เรายังเด็กก็เห็นครอบครัวปลูกเงาะ มังคุด ทุเรียน ซึ่งของพวกนี้ปีหนึ่งผลผลิตมันก็จะได้ครั้งเดียว เลยมองว่ามันน่าจะมีอย่างอื่นที่ทำแล้วให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปีมาปลูก ได้นำหม่อนมาปลูกในเวลาต่อมา”

คุณเมได้รู้จักกับต้นหม่อนและได้นำมาทดลองปลูกอย่างจริงจังจนสำเร็จเกิดเป็นรายได้มาถึงปัจจุบันนี้ โดยเรียนรู้วิธีการขยายพันธุ์ ซึ่งระยะห่างการปลูกหม่อนไม่มีระยะห่างที่ตายตัว สำหรับสวนของคุณเมจะทำไม้ขุดล้อมอยู่ก่อน ดังนั้น เมื่อนำหม่อนมาปลูกก็จะปลูกลงในพื้นที่ว่างให้เต็มบริเวณสวน

“การปลูกก็ควรอยู่ที่ 4×4 เมตร แต่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่ตายตัว ตรงไหนที่ไม้ขุดล้อมเราขุดขายไปแล้ว ก็จะเอาหม่อนลงไปปลูก มันก็จะมีคละกันไป โดยที่นี่ปลูกหม่อน การใส่ปุ๋ยจะไม่มีใช้ปุ๋ยเคมีเลย จะใส่เฉพาะขี้ไก่อย่างเดียว บำรุงหลังช่วงที่เก็บผลผลิตหมดไป โดยที่นี่สามารถบังคับให้มีผลได้ตลอดทั้งปี”
วิธีการทำให้หม่อนออกผลได้ตลอดทั้งปีนั้น คุณเม เผยเคล็ดลับว่า หลังจากเก็บผลผลิตหมดจะตัดยอดเพื่อเป็นการตัดแต่งต้น จากนั้นลิดใบออกจากต้นให้หมด เพื่อให้ไม้แตกกิ่งและแตกยอดใหม่ เมื่อต้นหม่อนมีกิ่งและยอดใหม่ออกมาก็จะทำให้มีผลตามมา ซึ่งหม่อนที่ให้ผลผลิตได้เต็มที่ อายุอยู่ที่ 6 เดือนขึ้นไป จะทำให้ผลผลิตที่ได้เก็บได้แบบจำนวนมากๆ

“ที่สวนปลูกหม่อนประมาณ 2,000 ต้น บางส่วนก็จะเอาไว้เก็บผลมาแปรรูป และบางส่วนก็จะทำเป็นไม้ขุดล้อม ตรงไหนขุดไปก็นำต้นใหม่ที่เราชำไว้มาปลูก มันก็จะหมุนเวียนอยู่แบบนี้ เรียกว่าหม่อนทำรายได้ให้กับเราได้หลากหลาย ขายต้นก็ได้ ผลนำมาแปรรูปก็สร้างมูลค่า”

การทำตลาดสำหรับจำหน่ายหม่อนในระยะแรกนั้น คุณเม บอกว่า เน้นให้ลูกค้ารู้จักแบบผลสดเป็นหลัก โดยจำหน่ายที่ตลาดคลองถมภายในตัวเมืองปราจีนบุรี ต่อมาได้นำผลผลิตมาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป เพราะถ้าจำหน่ายแต่เพียงผลสดอย่างเดียว ไม่สามารถทำราคาได้ การต่อยอดทำแยมและน้ำหม่อนสกัดจะช่วยให้มีราคาที่สูงขึ้น
“เรามองไปถึงอนาคตว่าการทำสวน ต้องไม่เป็นแหล่งผลิตอย่างเดียว แต่ต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนได้มาศึกษา ว่าการปลูกหม่อนทำยังไง เพื่อให้เห็นการปลูกและการแปรรูปแบบครบวงจร ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่เน้นขายผลสดเท่าไร จะเน้นเอามาแปรรูปมากกว่า ทำให้สินค้ามีมูลค่าและทำได้หลากหลาย”

ปัจจุบันผลผลิตที่ออกมาทั้งหมด คุณเมจะนำมาทำเป็นน้ำหม่อน แยม และเป็นหม่อนที่ผสมทานรวมกันกับโยเกิร์ต สินค้าแปรรูปชนิดอื่นๆ มีราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปจนถึงหลักร้อยบาท พร้อมทั้งจำหน่ายกิ่งพันธุ์ที่ปักชำเอง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ คุณเม-เมจิรา สงวนชม หมายเลขโทรศัพท์ 097-196-2963