ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหาร โดยเฉพาะเนื้อโคที่ต้องมีทั้งรสชาติ ความปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทำให้แนวคิด “ตลาดนำการผลิต” กลายเป็นหัวใจสำคัญของเกษตรยุคใหม่ เฮียสูง-อรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ เจ้าของ เอ็น.วี.เค. ฟาร์ม คือหนึ่งในเกษตรกรที่หยิบแนวคิดนี้มาขับเคลื่อนธุรกิจโคเนื้ออย่างจริงจัง ด้วยการเลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ลูกผสมแองกัสเพื่อสร้างเป็น “โคขุนคุณภาพสูง” ป้อนสู่ตลาดที่ต้องการเฉพาะกลุ่ม ทั้งร้านสเต๊ก ร้านชาบู โรงแรม รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่นิยมเนื้อเกรดพรีเมียม

จากการจัดการที่เข้มงวดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยง การคัดแยก การแปรรูป ไปจนถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ฟาร์มของเฮียสูงจึงสามารถเพิ่มมูลค่าของโคขุนแต่ละตัวได้สูงถึงหลักแสนบาท พร้อมทั้งตอบโจทย์ตลาดเนื้อคุณภาพที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
ปรับการเลี้ยงโคเนื้อ จากสิ่งที่ชอบ
ให้ตรงตามความต้องการของตลาด
เฮียสูง เล่าให้ฟังว่า เป็นคนที่ชื่นชอบในเรื่องของการเลี้ยงโคเนื้อ พอมีโอกาสจึงเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมรายได้ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ เมื่อการเลี้ยงเริ่มประสบผลสำเร็จมากขึ้น จึงได้หันมาทำเป็นธุรกิจอย่างเต็มตัว และจากการที่ได้ศึกษาตลาดมาตลอด จึงได้เริ่มมองเห็นทิศทางและความต้องการของตลาด ว่าสินค้าเนื้อในรูปแบบไหนที่ผู้บริโภคต้องการ ทำให้จากเดิมที่เลี้ยงโคเนื้ออเมริกันบราห์มัน หันมาปรับปรุงพันธุ์ให้เป็นลูกผสมแองกัสทั้งหมด

“ช่วงแรกทำการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ จะได้โคเนื้อที่เป็นลูกผสมเลือดแองกัสและอเมริกันบราห์มันอยู่ที่อย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาพอต้องการให้เป็นลูกผสมแองกัสมากขึ้น จึงทำการผสมพันธุ์ให้ได้โคเนื้อลูกผสมแองกัสสายเลือดอยู่ที่ 62.5 เปอร์เซ็นต์”
เฮียสูงให้เหตุผลที่ไม่ให้การผสมพันธุ์มีสายเลือดของโคแองกัสมีสายเลือดที่สูงเกินไป เพราะอาจจะส่งผลต่อการทนต่อสภาพแวดล้อมได้ เพราะฉะนั้นสายเลือดโคเนื้อลูกผสมแองกัสอยู่ที่ค่าประมาณ 62.5 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นค่าที่เหมาะสม ช่วยให้การเลี้ยงทำได้ง่ายและช่วยให้คุณภาพเนื้อดีตามไปด้วย

เคล็ดลับเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมแองกัสให้เนื้อคุณภาพ!
การขุนโคมีความสำคัญ ต้องได้น้ำหนักเฉลี่ย 750 กิโลกรัม
ในขั้นตอนของการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมแองกัสเพื่อสร้างเป็นโคขุนที่ให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพนั้น เฮียสูง บอกว่า การเลี้ยงแม่พันธุ์จะมีการจัดโซนการเลี้ยงอย่างชัดเจน แม่พันธุ์โคที่ตั้งท้องจะไม่ให้มาอยู่รวมกับแม่พันธุ์ที่ยังไม่ตั้งท้อง หลังลูกโคเนื้อที่คลอดออกมารู้แล้วว่าเป็นตัวผู้ ทางฟาร์มจะจัดเตรียมดำเนินการตามแผนเพื่อสร้างให้เป็นโคขุนพร้อมทั้งมีการให้อาหารตามสูตรที่กำหนด

โดยในช่วงแรกจะให้ลูกโคอยู่กับแม่โคจนอายุได้ 4 เดือน จากนั้นจับลูกโคแยกออกจากแม่และฝึกให้กินอาหารทีเอ็มอาร์ที่เป็นสูตรผสมนมผงเป็นสูตรเฉพาะที่ฟาร์มเตรียมไว้ พร้อมทั้งให้อาหารที่มีปริมาณโปรตีนอยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์ จะช่วยให้ลูกโคกินอาหารได้เร็วและกินได้ในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย
จากนั้นเลี้ยงไปเรื่อยๆ จนลูกโคมีน้ำหนักอยู่ที่ 250 กิโลกรัม จะมีการจัดแผนการขุนอีกรอบ โดยลูกโคบางส่วนจะเลี้ยงสร้างเป็นโคขุนเองภายในฟาร์ม และอีกส่วนจะแบ่งจำหน่ายให้กับเพื่อนเกษตรกรหรือเพื่อนๆ สมาชิกรายอื่นนำไปเลี้ยงเป็นโคขุนสร้างรายต่อไป ซึ่งโคเนื้อลูกผสมแองกัสที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 250 กิโลกรัม ลูกโคจะมีอายุอยู่ที่ 7-8 เดือน ระยะนี้ลูกโคจะมีการเติบโตที่ดีมาก คุณอรรคจะนำมาขุนต่อให้มีน้ำหนักขึ้นไปถึงที่ 400 กิโลกรัม ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน ในระยะนี้จะให้กินอาหารที่มีทีเอ็มอาร์ต่อตัวต่อวันอยู่ที่ 18-20 กิโลกรัม

“เมื่อน้ำหนักได้ครบตามที่กำหนดแล้ว ประมาณ 400 กิโลกรัม ต่อมานำมาขุนในระยะสุดท้ายหรือที่เรียกกันว่าปลายน้ำ ในระยะนี้จะให้กินอาหารที่เป็นสูตรพิเศษ เพื่อให้ในเนื้อโคมีไขมันแทรกในเนื้อ ต้องได้รับอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ และมีไขมันอยู่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ขุนไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช้เวลาอีกประมาณ 8-12 เดือน โคที่ขุนก็จะได้น้ำหนักเฉลี่ยต่อตัวอยู่ที่ 600-750 กิโลกรัม พร้อมเข้าสู่โรงเชือดได้”
สำหรับการทำวัคซีนเพื่อป้องกันโรคให้กับโคเนื้อลูกผสมแองกัสภายในฟาร์มนั้น เฮียสูง บอกว่า จะมีการจัดทำแผนการฉีดวัคซีนที่แน่นอนชัดเจน การป้องกันหลักๆ จะเป็นโรคปากเท้าเปื่อยปีละ 2 ครั้ง โรคคอบวมปีละ 1 ครั้ง และส่วนอื่นๆ เป็นในเรื่องของการทำความสะอาดโรงเรือนที่โคอยู่ หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอก็จะช่วยให้โคไม่เกิดโรคและมีสุขภาพที่ดี

“โคดำลำตะคอง”
เนื้อคุณภาพสูง ซอฟต์พาวเวอร์ไทย
เฮียสูง เล่าที่มาของ “โคดำลำตะคอง” ที่ได้พัฒนาขึ้นมาเกิดจากแนวคิดที่จะพัฒนาคุณภาพเนื้อวัวที่มีคุณภาพสูงโดยเริ่มต้นจากการหยิบเอางานวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และการศึกษาเนื้อโคคุณภาพสูงทั่วโลก พบว่าสายพันธุ์แองกัสและวากิวเป็นเนื้อโคที่มีคุณภาพสูง และมีรสชาติที่ดีที่สุดในโลก จึงได้นำมาพัฒนาต่อยอดผสมกับสายพันธุ์วัวพื้นเมืองโคราชของไทย จนได้โคลูกผสม 3 สายเลือด และให้เนื้อที่มีคุณภาพสูง โดยพัฒนาสายพันธุ์อยู่ในฟาร์มของคุณอรรค ซึ่งอยู่ใกล้กับเขื่อนลำตะคอง จึงตั้งชื่อว่า “โคดำลำตะคอง” ตามแหล่งที่มา

ขณะนี้โคดำลำตะคองพัฒนามาถึงเจเนอเรชันที่ 4 จุดเด่นคือเนื้อมีคุณภาพ ลายมันสวย กลิ่นหอม รสชาติดี คนที่เคยกินแล้วรู้เลยว่าแตกต่างจากเนื้อโคทั่วไปที่เคยกินมา หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อยกว่าที่เคยกินมาทั่วโลก” เมื่อคุณภาพเนื้อสูงขึ้น ความต้องการในตลาดก็เพิ่มตาม แต่ปริมาณผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการ เฮียสูงจึงร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ให้เกษตรกร เพื่อขยายการผลิตโคดำลำตะคองให้มากขึ้น
ปัจจุบันมีเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดถึง 8 กลุ่ม มีสมาชิกเกษตรกรกว่า 300 ครัวเรือน ร่วมเลี้ยงโคดำลำตะคอง ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น จากเดิมที่โคเนื้อขายได้กิโลกรัมละ 82-85 บาท พอเป็นโคดำลำตะคองราคาขั้นต่ำเริ่มที่ 105 บาท บางตัวไปถึง 165 บาท เฉลี่ยแล้วเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 28%

“สำหรับแนวคิดที่จะผลักดันโคดำลำตะคองเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ผมมองว่าเป็นไปได้แน่นอน ตลาดโลกต้องการเนื้อคุณภาพสูงอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังติดเรื่องปริมาณผลิตที่ยังไม่มากพอ หากสามารถขยายเครือข่ายและสร้างการรับรู้ในกลุ่มเกษตรกรได้กว้างกว่านี้ ก็พร้อมส่งออกสู่ตลาดโลกแน่นอนครับ”
จากฟาร์มสู่จานอาหาร เนื้อโคคุณภาพ
ส่งตรงร้านสเต๊ก-ชาบู พร้อมตีตลาดออนไลน์
เมื่อโคเนื้อภายในฟาร์มที่ขุนโตเต็มที่และมีน้ำหนักตรงตามเกณฑ์ที่ต้องการแล้ว เฮียสูง เล่าว่า จะส่งโคเนื้อเข้าสู่โรงเชือดที่ได้มาตรฐาน และแบ่งเนื้อของโคออกเป็นส่วนต่างๆ ตามที่ตลาดกำหนดไว้ โดยชิ้นเนื้อจะมีการส่งจำหน่ายไปยังร้านอาหารที่สั่งซื้อกันอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งทำเป็นชิ้นเนื้อเพื่อนำไปปรุงเป็นสเต๊กและอาหารร้านชาบูต่างๆ และที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเนื้ออีกหนึ่งช่องทางคือการนำเนื้อมาแปรรูปเสียบไม้ผลิตเป็นเนื้อย่าง

โดยเนื้อโคแองกัสสามารถทำได้หลากหลายเมนูมาก การชำแหละจึงขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าต้องการนำไปทำอะไร สามารถสั่งซื้อหรือกำหนดมาทางฟาร์มของเฮียสูงได้ ซึ่งเนื้อที่นำบริโภคของโค 1 ตัว ราคาเนื้อก็จะแบ่งกันไปตามเกรด ตามคุณภาพ ตามการมีไขมันแทรกที่ตลาดกำหนด ราคาสามารถจำหน่ายได้ตามเกรดนั้นๆ
“โดยเฉลี่ยแล้วนะครับ โคขุน 1 ตัว ขายแบบยกซากจะทำเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000-90,000 บาทต่อตัว ต้องไปดูอีกว่าโคมีขนาดเล็กหรือใหญ่ และถ้าขายเป็นชิ้นเนื้อ ชิ้นส่วนต่างๆ และมีการแปรรูปที่หลากหลายต่อตัว สามารถทำเงินได้ 100,000-150,000 บาทต่อตัว ส่วนราคาขายต่อชิ้นที่ฟาร์มผมขายได้อย่างเกรดซุปเปอร์พรีเมียม ราคาต่อกิโลกรัมสูงสุดจะอยู่ที่ 4,500 บาท และต่ำสุดราคาจะอยู่ที่ 500 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเนื้อแต่ละส่วนแต่ละเกรดราคาก็จะไม่เหมือนกัน การทำตลาดผมจะเน้นขายออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้นส่งเนื้อสดๆ ถึงมือลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ”

เนื้อโคของ N.V.K. ฟาร์ม พัฒนาต่อยอดสูงขึ้น
ทำให้เเนื้อโคมี โอเมก้า (Omega) 3, 6 และ 9
จากการเป็นเกษตรกรนักพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง เฮียสูง บอกว่า เนื้อโคขุนของฟาร์มได้ผ่านการตรวจแล็บที่ได้มาตรฐานสากล และพบว่าภายในเนื้อโคคุณภาพสูงของฟาร์มแห่งนี้ มีโอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งโอเมก้า 3 ได้จากการที่โคกินหญ้า ส่วนโอเมก้า 6 ได้จากโคกินเมล็ดธัญพืช และโอเมก้า 9 เกิดจากการที่โคกินธัญพืชตระกูลถั่วเข้าไปและสังเคราะห์ออกมา

“การทำให้ฟาร์มหรือธุรกิจเราต่อยอดไปได้นั้น ทุกคนที่อยากมาสายอาชีพนี้ คุณต้องเป็นคนที่อยากรู้อยากเรียน พร้อมกับมีความตั้งใจจริง พอมาทำด้วยความขยันบวกกับความอดทนเข้ามาแล้ว จากนั้นหาช่องทางในการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ โดยเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐที่เปิดกว้างให้กับเกษตรกรที่ต้องการหาความรู้ เมื่อคุณเปิดรับการเรียนรู้ การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ฟาร์มและสินค้าที่เราทำก็จะไปได้ไกลและเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้ครับ”

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมแองกัส หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ เฮียสูง-อรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ ฟาร์มตั้งอยู่บ้านเลขที่ 355 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองหญ้าขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา หมายเลขโทรศัพท์ 089-061-7420, 081-294-0873