ทรายแมวเป็นของใช้สำคัญสำหรับแมว ผู้คนในปัจจุบันเลี้ยงแมวเป็นสัตว์เลี้ยงภายในที่พักอาศัยมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะการไม่มีบุตรหรือมีบุตรน้อยลง การเลี้ยงแมวเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านจึงช่วยให้ผู้เลี้ยงมีกิจกรรมผ่อนคลายจากการทำงาน มีเพื่อนไว้คลายเหงา แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีประชากรแออัด มักพักอาศัยอยู่ในอาคารชุด แฟลต คอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด การเลี้ยงแมวในห้องสี่เหลี่ยมบนอาคารชั้นสูงจึงต้องแก้ไขปัญหาพื้นที่ฉี่และอึตามพื้นดินธรรมชาติของแมวมาเป็นทรายแมวในกระบะทรายแมวที่ไม่เปลืองพื้นที่ ไม่มีกลิ่นรบกวน จัดเก็บและกำจัดมูลที่เกิดขึ้นได้ง่ายด้วยการทิ้งลงในชักโครกได้ ส่วนความสิ้นเปลืองทรายแมวที่ผู้เลี้ยงแมวต้องจัดหา คือปริมาณทรายแมวต่อแมว 1 ตัว ต้องใช้ประมาณ 5-10 กิโลกรัมต่อเดือน จึงทำให้ปัจจัยเรื่องคุณสมบัติที่พึงพอใจและปัจจัยด้านความประหยัดทรายเป็นสิ่งที่คนรักแมวใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อทรายแมวแต่ละประเภทมาไว้ใช้ในที่พักอาศัย
ทรายแมวที่มีการขายในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายประเภทและมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น ทรายแมวเบนโทไนท์ เป็นทรายแมวที่ทำจากหินและแร่จากดินหรือหินภูเขาไฟ คุณสมบัติเด่นคือจับตัวเป็นก้อนได้ดีและราคาถูก ข้อเสียคือทิ้งลงชักโครกไม่ได้เพราะอาจส่งผลให้ท่อตัน รวมทั้งการเกิดฝุ่นจากสารอนินทรีย์ที่ลอยขึ้นมาขณะที่เททรายแมวใส่กระบะทราย ส่วนทรายแมวชีวภาพ เช่น เต้าหู้ ไม้สน มันสำปะหลัง ก้านธูปฤาษี ฟางข้าว มีข้อดีในด้านที่สามารถย่อยสลายได้และทิ้งลงชักโครกได้เลย แต่ยังคงมีการผลิตในประเทศไทยน้อยและการใช้วัสดุเหลือใช้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจับตัวเป็นก้อน จำเป็นต้องมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยจับตัวเป็นก้อนได้ดีร่วมด้วยและยังมีราคาที่สูงกว่าทรายแมวเบนโทไนท์ นอกจากนี้ยังมีทรายแมวประเภทคลิสตัลที่ผลิตจากโซเดียมซิลิเกตซึ่งดูดซับน้ำและกลิ่นได้ แต่ไม่จับเป็นก้อน ข้อดีคือเมื่อใช้งานแล้ว สามารถล้างน้ำ ตากแห้งและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่มีข้อควรระวังเรื่องประสิทธิภาพการดูดซับที่ลดลงเรื่อย ๆ หากทรายไม่แห้งสนิทหรือล้างไม่สะอาดอาจมีผลต่อสุขภาพอนามัยของแมวได้


.
“นักเรียนประถม โรงเรียนสาธิต ม.อ.ปัตตานี คิดค้นทรายแมวชีวภาพจากเปลือกกล้วยหิน”
ด.ญ.ปวรกมล หมื่นประเสริฐดี และ ด.ญ.ปภาวรินท์ ทองศรีจันทร์ นักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ฝ่ายประถมศึกษา) พร้อมทั้งนางสาววรรณวิสา มะแซ ครูที่ปรึกษา และ นายพิสิฐ์พงษ์ หมื่นประเสริฐดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้พยายามค้นหาแหล่งวัสดุที่เหลือทิ้งจากการเกษตรและชุมชนที่ตอบโจทย์ทรายแมวทุกด้านเพื่อใช้ผลิตทรายแมวชีวภาพที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตลงและเพิ่มคุณสมบัติหลักคือการจับตัวเป็นก้อนที่ดี ซึ่งการใช้วัสดุเหลือใช้ช่วยลดขยะของเหลือทิ้งทางการเกษตร ชุมชนและอุตสาหกรรมอาหารตามหลักการของ SDGs (Sustainable Development Goals, เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยทรายแมวชีวภาพเป็นทรายแมวที่ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ตอบโจทย์ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทีมนวัตกรได้มีความพยายามค้นหาวัสดุเหลือทิ้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนที่อาศัย ลดต้นทุนการขนส่ง และเป็นการชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นได้ไปในตัว
กล้วยหินเป็นพืชที่จดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication) ของอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และมีการปลูกแพร่หลายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ปัจจุบันมีกล้วยหินที่ผลิตได้มากกว่า 1,000 ตันต่อปี จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าเปลือกกล้วยที่เป็นวัสดุเหลือทิ้งจำนวนมากไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์อื่นนอกจากทำปุ๋ยหรืออาหารสัตว์ ยังไม่มีรายงานการนำมาใช้ผลิตเป็นทรายแมว และที่สำคัญเปลือกกล้วยหินมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่ทำให้ผลิตทรายแมวชีวภาพได้ดี มีแป้งปริมาณสูงพร้อมด้วยเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลสที่สามารถใช้ในการดูดซับน้ำได้ตรงตามความต้องการในการผลิตทรายแมว รวมทั้งยังมีสารแทนนิน ลิกนิน เพกติน สารประกอบฟีนอลิก ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านจุลชีพที่จะมีผลพลอยได้ในการยับยั้งเชื้อบางชนิดได้ด้วย
.


“เปลือกกล้วยหินสู่ทรายแมวชีวภาพ Green Kitty Litter”
การนำเปลือกกล้วยหินดิบมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในส่วนผสมของทรายแมวเป็นการทดลองวิจัยที่ใหม่และท้าทาย โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับวัสดุเหลือใช้ในชุมชนอื่นๆ ได้แก่ ชานอ้อย แป้งมันสำปะหลัง กากกาแฟ กากชาเขียวจากร้านคาเฟ่และขี้เถ้าจากโรงงานไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งทีมนวัตกรได้ใช้เวลาในการพัฒนาอัตราส่วนผสมและกระบวนการขึ้นรูปจนได้นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณสมบัติดีทั้งการจับตัวเหนียวเป็นก้อน การดูดซับกลิ่นดี ปริมาณฝุ่นน้อย และต้านการเกิดเชื้อราได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับทรายแมวที่มีการขายในท้องตลาด สิ่งสำคัญของการจับตัวเป็นก้อนได้ดีเมื่อสัมผัสกับฉี่ของแมวทำให้ประหยัดทรายแมวที่ใช้ในแต่ละครั้ง ช่วยลดปริมาณทรายแมวที่ใช้และลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย โดยผลงานทรายแมวชีวภาพจากเปลือกกล้วยหินได้รับรางวัลเหรียญทองระดับชาติ จากงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2568 ในกลุ่มโครงการสิ่งประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว I – New Gen Junior Award 2025 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 2 – 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา


.
ดังนั้น ทรายแมวชีวภาพจากเปลือกกล้วยหินแบรนด์ Green Kitty Litter จึงเป็นนวัตกรรมที่ใหม่ทั้งวัตถุดิบหลักและกระบวนการผลิตที่ไม่เหมือนกับทรายแมวที่มีการขายในท้องตลาดในปัจจุบัน รวมทั้งมีรางวัลการันตีถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุเหลือทิ้งในชุมชนที่ตอบโจทย์ BCG และ Zero waste ช่วยสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกร และทีมนักประดิษฐ์วางแผนพัฒนาสูตร Premium ต่อเพื่อนำไปสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบข่าว จาก นายพิสิฐ์พงษ์ หมื่นประเสริฐดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี