เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
ฟาร์มล้ำ เกษตรอัจฉริยะ

ฝีมือคนไทย! นวัตกรรมช่วยยืดอายุผักผลไม้ ได้นานถึง 5 เท่า พลิกวงการผักผลไม้ ส่งออกง่าย ไม่เน่าเร็ว

หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการส่งออกผลไม้สดคือ “การเน่าเสียระหว่างเดินทาง” โดยเฉพาะตลาดที่อยู่ไกล เช่น ยุโรป หรืออเมริกา แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Naturen ปัญหานี้กำลังจะหมดไป เพราะเมื่อผักผลไม้สามารถคงความสดได้ยาวนาน โอกาสทางการตลาดก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว วงการเกษตรไทยต้องจับตามอง กับนวัตกรรมใหม่จากฝีมือคนไทย อย่าง “Naturen” ผลิตภัณฑ์เพื่อการยืดอายุผักผลไม้ โดยทีมสตาร์ทอัพชื่อ Eden Agritech ที่สามารถช่วยยืดอายุผักผลไม้ได้นานกว่าปกติ ถึง 5 เท่า แถมยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Naturen ของ Eden
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Naturen ของ Eden

Eden Agritech คือ การรวมตัวของทีมงานนักวิจัยและทีมการตลาดรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือการยกระดับภาคเกษตรไทยให้ไปไกลกว่าเดิม
ทีมผู้ก่อตั้งประกอบด้วย ได้แก่ นายนรภัทร เผ่านิ่มมงคล Chief Executive Officer (CEO) ดร.ศิวัตม์ สายบัว Chief Operation Officer (COO) นายชารีฟ อนิทพันธ์ Chief Technology Officer (CTO) และ ว่าที่ร้อยตรี ดาวิด เพชโรทัย BusinessDevelopment 

Eden Agritech เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผักและผลไม้สด โดยใช้สารที่ได้รับการรับรองจาก FDA ซึ่งปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง เป้าหมายหลักของบริษัทคือการลดการสูญเสียอาหารในระดับโลก และช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประทานผักและผลไม้ที่สดใหม่ยาวนานยิ่งขึ้น


จุดเริ่มต้นของ Eden Agritech
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน เราเริ่มต้นจากบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่ม Onnovator และ Inventor ซึ่งมีความตั้งใจเหมือนกัน ต้องการต่อยอดงานวิจัยให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย เรามองเห็นปัญหาสำคัญของภาคเกษตรไทย คือ “ผักผลไม้เน่าเสียง่ายและอายุสั้น” ทีมวิจัยจาก Eden Agritech จึงเห็นว่าถ้าเราหาทางยืดอายุผักผลไม้ได้ โดยไม่ใช้สารเคมี และยังปลอดภัยต่อผู้บริโภค จะช่วยลดความสูญเสียได้มหาศาล จึงเริ่มพัฒนา สารเคลือบจากธรรมชาติ ที่ได้จาก “ของเหลือใช้ทางการเกษตร” มาต่อยอดเป็น Naturen ทั้งช่วยยืดอายุผักผลไม้ เพิ่มมูลค่า และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากไอเดียเล็กๆ เราเริ่มต่อยอดสู่แผนธุรกิจ และนำไปประกวดในหลายเวที จนกลายเป็นก้าวแรกของ Eden Agritech ในวันนี้

เราเริ่มพัฒนาสูตรมาตั้งแต่ปี 2015 โดยปรับปรุงและทดลองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งช่วงก่อนโควิด เราได้จดทะเบียน อย. อย่างถูกต้อง และเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกของเราอย่างเป็นทางการ นั่นคือ Naturen สารเคลือบจากธรรมชาติที่ปลอดภัยและสามารถบริโภคได้ ผลิตจากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เปลือกผลไม้ และ Plant-based Cellulose หรือเซลลูโลสจากพืช ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยยืดอายุผักผลไม้ได้นานขึ้นถึง 5 เท่า โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือคุณค่าทางโภชนาการ

เมื่อผู้ประกอบการนำ Naturen ไปฉีดพ่นบนเปลือก หรือผักผลไม้ที่ผ่านการตัดแต่งแล้ว สารนี้จะกลายเป็นฟิล์มบางๆ ใสเหมือนล่องหน เคลือบอยู่บนผิวผลผลิต ฟิล์มนี้ช่วยควบคุมการแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการหายใจของพืช ทำให้ผักผลไม้คงความสดได้นานขึ้น เสื่อมสลายช้าลง จึงสามารถขนส่งไปไกลขึ้น และยังคงคุณภาพไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การมีนวัตกรรม Naturen เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียผลผลิตระหว่างกระบวนการใน Supply Chain ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการลังเลที่จะขยายตลาดไปยังพื้นที่ห่างไกล หรือเพิ่มปริมาณการจำหน่ายก่อนหน้านี้ ค่าเสียหายจากการเน่าเสียระหว่างทางมักเป็นต้นทุนแฝงที่สูง แต่ Naturen เข้ามาช่วยลดต้นทุนเหล่านี้ลงได้อย่างมาก จนแทบจะใกล้เคียงกับศูนย์ ผลลัพธ์คือ ผู้ประกอบการกล้าขยับขยายมากขึ้น และผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงผักผลไม้คุณภาพดี สดใหม่ ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ในผลการทดลองกับมะม่วง รวมถึงผักใบเขียวหลายชนิด พบว่า เมื่อใช้ Naturen สามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้นถึง 5 เท่า โดยไม่ต้องใช้ตู้แช่เย็นหรือสารกันเสียอื่นๆ นี่จึงเป็นทางออกสำคัญสำหรับเกษตรกรรายย่อย และผู้ประกอบการที่ต้องการลดของเสียจากการเน่าเสียระหว่างทาง

รู้ไหม? เก็บผลไม้ให้สดได้นาน ด้วย 2 วิธีง่ายๆ กับ Eden

วิธีที่ 1 : จุ่ม นำผลไม้หรือผักมาจุ่มเคลือบด้วยผลิตภัณฑ์ Eden
วิธีที่ 2 : พ่น นำผลิตภัณฑ์ Eden ฉีดพ่นเคลือบที่ผลไม้หรือผักให้ทั่ว

จุดเด่นอีกอย่างของ Naturen คือความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถใช้เคลือบผักและผลไม้ ได้มากกว่า 30 ชนิด ทั้งในรูปแบบผลทั้งลูก หรือแม้แต่แบบที่ ผ่านการตัดแต่งแล้ว ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ สารเคลือบของ Naturen ไม่เปลี่ยนรสชาติ สี กลิ่น หรือเนื้อสัมผัส ของผักและผลไม้เลยแม้แต่น้อย ยังคงความสดใหม่และคุณภาพไว้อย่างครบถ้วน เหมือนเพิ่งเก็บสดจากสวน

แนะนำวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


กลยุทธ์การตลาดของ Eden Agritech
ปัจจุบัน Eden Agritech มีโอกาสในการทำตลาดได้หลากหลาย ทั้งในรูปแบบ B2B (ขายให้กับบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่) และ B2C (ขายตรงให้ผู้บริโภคทั่วไป) แต่ด้วยขนาดทีมที่เล็กและทรัพยากรที่จำกัด เราจึงต้องเลือกโฟกัสไปที่ตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดก่อน ซึ่งเราตัดสินใจเริ่มต้นจาก ตลาด B2B เป็นหลักเพราะกลุ่มลูกค้าองค์กร มักใช้ผักผลไม้ในปริมาณมาก และมีระบบการจัดการที่พร้อมขยายธุรกิจต่อยอดไปสู่ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น เราเชื่อว่านี่คือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เราสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

Eden Agritech วางกลยุทธ์การตลาดโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่

1. ผู้ส่งออกผักและผลไม้ไปต่างประเทศ

หนึ่งในความท้าทายสำคัญของผู้ส่งออกคือ “เวลา” – เพราะผักผลไม้สดเน่าเสียง่าย หลายรายจึงเลือกใช้การขนส่งทางอากาศ แม้จะรวดเร็ว แต่ก็มาพร้อมต้นทุนสูงลิ่ว

Naturen เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ตรงจุด ด้วยคุณสมบัติที่ช่วย ยืดอายุและรักษาความสดของผลผลิตได้นานขึ้น ผู้ส่งออกจึงมีทางเลือกใหม่ในการลดต้นทุน ด้วยการขนส่งทางเรือที่ถูกกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าผลิตผลจะเสียหายระหว่างทาง

2. ผู้ประกอบการค้าปลีกและธุรกิจผัก-ผลไม้ในประเทศ

ในธุรกิจค้าปลีก หลายเจ้าจำเป็นต้องใช้สารเคมีเพื่อป้องกันรอยสีน้ำตาลหรือรักษาเนื้อสัมผัสของผักผลไม้ให้ดูดี แต่สารเหล่านี้มักมีข้อจำกัด ไม่สามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้จริง

Naturen จึงกลายเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เพราะนอกจากช่วยให้ผักผลไม้ สดนานขึ้น ยังคง สีสัน เนื้อสัมผัส และรสชาติ ไว้ได้ใกล้เคียงของสดจากสวน

การนำเทคโนโลยีของ Eden Agritech มาใช้ ไม่เพียงช่วยลดการสูญเสียอาหาร แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดปริมาณขยะอาหารและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดต้นทุนสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค


อนาคตสดใสของวงการเกษตรไทย

Eden Agritech ไม่เพียงแต่สร้างนวัตกรรมที่ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ยังแสดงให้เห็นว่า คนไทยก็สร้างเทคโนโลยีระดับโลกได้ จากรากฐานของการเข้าใจธรรมชาติและความต้องการของตลาดจริงๆ หากในอนาคต Naturen ถูกนำไปใช้แพร่หลายมากขึ้น นี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ “ผักผลไม้ไทย” ก้าวไกลระดับโลก ลดของเสีย เพิ่มรายได้ และช่วยเหลือเกษตรกรในทุกระดับได้อย่างยั่งยืน

 

Related Posts