กรมการค้าภายใน
กรมการค้าภายใน จัดทัพผู้ค้า “ดูแลผลไม้ใต้” รัวกลอง 22 มาตรการดันราคา ปูพรม “ฟรุตเฟสติวัล” ปฏิทินผลไม้ไทย เข้าเดือนมิถุนายนของปี ผู้บริโภคก็จะได้ชิมผลไม้จากแหล่งปลูกในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งตามคาดการณ์ของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุตบอร์ด) สำหรับ 4 ผลไม้หลักของภาคใต้ ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ในปี 2566 จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยคาดการณ์ผลผลิตทุเรียนใต้ ที่จะออกสู่ตลาด 716,902 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 59.77% มังคุดมีผลผลิต 127,551 ตัน เพิ่มขึ้น 356.70% เงาะมีผลผลิต 51,382 ตัน เพิ่มขึ้น 90.60% ลองกองมีผลผลิต 35,755 ตัน เพิ่มขึ้น 1,635.68% ผลผลิตรวมกันแล้วผลไม้ใต้จะมีสัดส่วนประมาณ 13% ของผลผลิตทั้งประเทศประมาณ 6.75 ล้านตัน นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ว่า ผลไม้จากภาคใต้เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตและทยอยออกสู่ตลาดแล้ว 20-30% ของผลผลิตที่คาดการณ์ไว้ ทั้งในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ อย่างชุมพร พังงา นครศรีธรรมราช ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมจะออกถึงกว่า 50% และออกเรื่อยไปถึงปลายฤดูเดือนสิงหาคม ด้านผลผลิต ปี 2566 แตกต่างจากปี
แม็คโคร – โลตัส ขานรับนโยบาย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รวมพลังสนับสนุนผลผลิตจากเกษตรกรช่วงฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาด โดยปี 2566 นี้ ตั้งเป้าหมายการรับซื้อรวมกันกว่า 54 ล้านกิโลกรัม หรือ 54,000 ตัน กระจายผ่านสาขาของแม็คโครและโลตัส กว่า 2,800 แห่งทั่วไทย รวมถึงช่องทางออนไลน์ คาดสร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 2,200 ล้านบาท พร้อมจับมือกันกระตุ้นการบริโภคอย่างต่อเนื่อง รับการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยมี นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้เกียรติเปิดงาน นายสมนึก ยอดดำเนิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารสินค้าอาหารสด แม็คโคร กล่าวว่า แม็คโครและโลตัส ได้ผนึกกำลังครั้งสำคัญ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย และสนับสนุนนโยบายการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี 2566 ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่คาดการณ์ว่า จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น มะม่วง เงาะ ลำไย มังคุด ลิ้นจี่ ทุเรียน ลองกอง สละ ฯลฯ โดยทั้งแม็คโคร และโลตัส เป็นช่องทางกระจายสินค้าให้กับเกษตรกรได้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี สำหรับปีนี้แม็คโคร ได้วางแผนการรับซื้อผลไม้ฤดูกาลกว่า 36 ล้านกิโลกรัม หรือ 36,000 ตัน เพิ่มขึ้น 20 % จากปีก
“ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหนดี..? ”เชื่อว่าเป็นคำถามที่หลายคนคิดอยู่ในใจว่าช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ปีนี้ (2566) จะวางแผนไปท่องเที่ยวไหนกัน หลายคนอาจกลับบ้านต่างจังหวัด ไปหาพ่อแม่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ขอพรปีใหม่ จากญาติผู้ใหญ่ สังสรรค์รวมญาติตามธรรมเนียม ขณะจำนวนไม่น้อยอยากเดินทางไปท่องเที่ยว พักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว หลังกรากกรำงานมาทั้งปี คำถามนี้มีคำตอบ เมื่อ “วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม” อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ชวนเที่ยวปีใหม่ ชวนไทยเที่ยวไทย ช็อปผลิตภัณฑ์ สินค้าฝีมือคนไทย เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านโครงการ“ตลาดต้องชม” เป็นตลาดที่มีทั้ง“เอกลักษณ์พาณิชย์” และ “อัตลักษณ์ชุมชน” เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์ชุมชนเด่น สินค้าพื้นเมืองเด่น มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย จำหนายในราคาที่เป็นธรรม เป็นแหล่งรวม ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีพื้นบ้าน ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นอายท้องถิ่นที่ชัดเจนบ่งบอกถึงที่มาของชุมชนนั้นๆ เป็นอย่างดี “ตลาดไหนที่พอมีศักยภาพก็อยากให้ช่วยเจียระไนให้เป็นที่ขายสินค้าพื้นเมือง โอท็อป เป็นตลาดท่องเที่ยวให้กับชาวไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนไทยทั้งประเทศในเรื่อง
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ล่าสุดจากการประชุมติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาจำหน่ายหมู ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รวมทั้งผู้เลี้ยงสุกร พบว่า สาเหตุที่ราคาเนื้อหมูมีการปรับสูงขึ้น เป็นเพราะว่าปัจจุบันปริมาณหมูขุนในประเทศลดลงไปกว่าปีละ 3 ล้านตัว โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงหมูเพราะทนต่อภาวะขาดทุนไม่ไหว มี 3 ประการ สาเหตุแรกคือราคาไม่จูงใจ เพราะถูกรัฐควบคุมราคาขาย ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด สาเหตุที่สองคือ ต้นทุนค่าบริหารจัดการฟาร์มในการควบคุมโรคและต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น สาเหตุสุดท้ายคือ ปัญหาโรคระบาดหมู ที่หากฟาร์มใดติดเชื้อ เท่ากับเจ้าของฟาร์มหมูต้องขาดทุนยกฟาร์ม ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เกษตรกรถอดใจ ในการนี้แหล่งข่าวจากวงการปศุสัตว์เปิดเผยว่าภาครัฐควรให้ความสำคัญและร่วมกับทุกภาคส่วนหาทางออกเพื่อให้ผู้มีเกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบสามารถอยู่รอดได้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ซึ่งปัจจุบันล้มหายตายจากไปจากตลาดจำนวนมาก ทางออกที่ 1 ด้านการป้องกันโรค ภาครัฐต้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกร ยกระดับความปลอดภัย การป้องกันโรค ซึ่งจะนำมา
แม็คโคร จับมือ กรมการค้าภายใน เดินหน้าสนับสนุนชาวสวนผลไม้ ช่วยระบายผลผลิต ถึงสิ้นเดือนตุลาคม ฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมมือ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายและบริโภคผลไม้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั่วประเทศ ดันผลผลิต “มังคุด ลองกอง ลำไย เงาะ” กระจายสู่ผู้บริโภคผ่านแม็คโครทุกสาขาถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ นางธารทิพย์ บัวสวัสดิ์ ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาไม้ผลเพิ่มพูนทรัพย์ (เงาะแปลงใหญ่) จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า “โควิดระลอกนี้หนักมาก ปีนี้เกษตรกรทุกคนต้องปรับตัว เราพบปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว แถมผลผลิตในภาคตะวันออกและภาคใต้ยังออกมาไล่ๆ กัน ปกติจะเว้นช่วง เราโชคดีที่ปีนี้ได้ส่งเงาะให้กับแม็คโคร ทำให้ได้ระบายผลผลิตเงาะคุณภาพมีมาตรฐาน GAP ให้เกษตรกรเครือข่ายที่มีกว่า 114 ราย พื้นที่เพาะปลูกราว 606 ไร่ จำนวนรวมแล้วกว่า 70 ตันทำให้ชาวสวนมีรายได้ที่มั่นคง ไม่ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา” ด้าน นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริ
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร (ที่ 3 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ที่ 4 จากซ้าย) และ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (ที่ 5 จากซ้าย) ตรวจเยี่ยมการจำหน่ายมังคุดภายในสาขาของแม็คโคร เพื่อรณรงค์ช่วยเหลือชาวสวนมังคุดภาคใต้ที่กำลังประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาด เพิ่มช่องทางระบายผลผลิตกระจายขายทุกสาขาทั่วประเทศ โดยรับซื้อไปแล้ว 350 ตัน คาดว่าตลอดฤดูกาลจะรับซื้อได้ประมาณ 550 ตัน ณ แม็คโคร สาขาสามเสน
จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญได้รับผลกระทบอย่างหนัก ผลผลิตล้นตลาด ไม่มีช่องทางขายสินค้า ทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ ซีพี ออลล์ จึงร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลผลิตมังคุดจากเกษตรกรใน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส กว่า 60 ตัน จำหน่ายผ่านร้านเซเว่นฯ 1,100 สาขา ตั้งแต่วันนี้ ถึง 20 สิงหาคมนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ มีนโยบายส่งเสริมเอสเอ็มอีและเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ได้รับอยู่ในขณะนี้ พร้อมขานรับนโยบายภาครัฐโดยเข้าไปช่วยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนไม้ผลคุณภาพสายแร่ทองคำ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส จำนวนกว่า 60 ตัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ช่วยจำหน่ายมังคุดที่กำลังล้นตลาดให้ถึงมือผู้บริโภคผ่านช่องทางร้านเซเว่นฯ อีกทั้งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตและกระจายรายได้ให้กลุ่มเกษตกรและชุมชน ให้สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ในสถานการณ์โควิด-19 สำหรับมังคุดจากวิสาหกิจชุมชนไม้ผลคุณภาพสายแร่ทองคำ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เป็
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนาม MOU กับกระทรวงพาณิชย์ โดย กรมการค้าภายใน และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในการเดินหน้ารับซื้อผลไม้ฤดูกาลจากเกษตรกรทั่วประเทศเพิ่ม ตั้งเป้าช่วยชาวสวนกว่า 7,500 ราย กระจายผลผลิตไม่น้อยกว่า 7,750 ตัน ผ่านทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ พร้อมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยตลอดปี นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ผลไม้ฤดูกาลมีแนวโน้มออกสู่ตลาดจำนวนมาก เกษตรกรชาวไร่ชาวสวนต่างเป็นกังวลกับการขายผลผลิต เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร แม็คโคร จึงได้เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้กับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 แม็คโคร ได้เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมืออีกครั้ง เพื่อเชื่อมโยงตลาดการกระจายผลผลิตของเกษตรกรไปยังสาขาต่างๆ พร้อมเชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ของแม็คโคร “ในปีนี้แม็คโคร คาดว่าจะช่วยรับซื้อผลไม้ตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ลองกอง มะม่วง และอื่นๆ เพิ่มขึ้นรวมแล้วประมาณ 7,750 ตัน ซ
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร ได้รับเกียรติจาก นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ติดตามความคืบหน้าการจำหน่ายกุ้ง ภายใต้โครงการช่วยเหลือเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งปี 2563/64 ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563 จนถึงมกราคม 2564 แม็คโคร มียอดการรับซื้อกุ้งจากเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ได้มากกว่า 1,200 ตัน ตอกย้ำการเป็นผู้นำอาหารสดปลอดภัย ณ แม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำนโยบายเคียงข้างเกษตรกรไทย ผนึก กรมการค้าภายใน รับซื้อ “อินทผลัม” จากศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่ กว่า 15 ตัน อย่างทันท่วงที หลังโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรง พร้อมส่งทีมวางแนวทางสร้างมาตรฐานปลอดภัยตลอดกระบวนการผลิต บรรจุ เพื่อการจำหน่ายผ่านระบบธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ในระยะยาว นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบัน อินทผลัมสด ได้รับความนิยมบริโภคมากขึ้น และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรนิยมปลูกสร้างรายได้ ด้วยราคาดี และมีความต้องการสูง แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ผลผลิตมีแนวโน้มล้นตลาดสูงเนื่องจากขาดช่องทางการจัดจำหน่าย แม็คโคร จึงได้ร่วมกับ กรมค้าการภายใน รับซื้ออินทผลัมสดจาก ศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่สังเวชนียสถาน ซึ่งในเฟสแรกรับซื้อในปริมาณ 10-15 ตัน และเตรียมวางแผนการพัฒนาร่วมกันในเฟสต่อไป” “แม็คโคร ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมการค้าภายในและทราบว่า ผลผลิตที่ศูนย์วิปัสสนา นิมิตใหม่ฯ มีปริมาณมาก จึงมาช่วยรับซื้อและปัจจุบันได้วางจำหน่ายอินทผลัมจากสวนนี้ที่แม็คโครแล้ว โดยทีมงานได้ลงพ