กระทรวงสาธารณสุข
บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับเขตสุขภาพที่ 5 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) เพื่อยกระดับและส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพจากชุมชนท้องถิ่น พร้อมผลักดันการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และขยายตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยพิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ภญ. สุภัทรา บุญเสริม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 กล่าวว่า”ความร่วมมือกับ บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาและขยายตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานให้เข้าถึงผู้บริโภคในไทย การทำงานร่วมกันนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพสินค้า และเสริมสร้างเศรษฐกิจทั้งในระดับมหภาคและในระดับชุมชนฐานราก เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและอุตสาหกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพของประเทศไทยอย่างยั่งยืน” นาย เทอิจิ โอมุระ ประธานบริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์สุขภาพจากแหล่งผลิตท้องถิ่นที่มีคุณภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนการพัฒนาคุณ
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี โดย นายแพทย์ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลพบุรี และคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย แพทย์หญิงนุชรินทร์ อักษรดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช นำเสนอนิทรรศการผลงานเด่น “การพัฒนากระท้อน GI ของดีเมืองลพบุรีสู่ไอศกรีมกระท้อนชาววัง” ในการประชุมผู้บริหารระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 2/2568 ณ ห้องชัยนาทนเรนทร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริหารและผู้เข้าร่วมการประชุมจำนวนมาก ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีได้มีนโยบาย “จังหวัดลพบุรีแผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์” ได้เห็นความสำคัญของกระท้อนตะลุงซึ่งเป็นผลไม้รสชาติดีของจังหวัดลพบุรีที่ได้รับการรับรอง GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จากผลการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารในปี 2567 พบว่าปลอดภัยจากสารปนเปื้อน 100% จึงได้ส่งเสริมบริษัท อินเตอร์โฟกัสฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตไอศกรีมผลไม้ในจังหวัดลพบุรี ให้ผลิตไอศกรีมจากกระท้อนและให้การอนุญาต อย.เชิงรุก
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นของงานสาธารณสุขในการให้บริการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนในเขตจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยสหพัฒนพิบูลยังคงมุ่งมั่นและพัฒนาเพื่อส่งความสุขให้กับคนไทยทั่วประเทศ และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสาธารณสุขไทย ล่าสุด นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ผู้แทน นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัทได้มอบกระบอกฉีดยาพร้อมเข็มขนาด 1 มิลลิลิตร ติดเข็ม 25G จำนวน 5,008,000 เข็ม มูลค่า 5,884,400 บาท เพื่อจัดสรรและส่งต่อให้แก่ 76 โรงพยาบาล ในเขตสุขภาพที่ 5 รวม 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี โดยมี เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 เป็นประธานในการรับมอบ นอกจากนี้ ได้มอบกระบอกฉีดยาพร้อมเข็มขนาด 1 มิลลิลิตร ติดเข็ม 25G จำนวน 3,500,800 เข็ม มูลค่า 4,113,400 บาท เพื่อจัดสรรและส่งต่อให้แก่โรงพยาบาลทุกระดับ ในเขตสุขภาพที่ 3 รวม 5 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท พิจิตร นครสวรรค์
กระทรวงสาธารณสุข (21 สิงหาคม 2567) สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย โดย นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมฯ ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการฯ ร่วมจัดการอบรม “การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์” ให้กับบริษัทตัวแทนโฆษณา สมาชิกสมาคมฯ ตัวแทนเจ้าของผลิตภัณฑ์ ตัวแทนสมาคมการค้า ตัวแทนสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่งเป็นจำนวนกว่าร้อยคน ส่วนหนึ่งของคำกล่าวจากนายกสมาคมโฆษณาฯ แจ้งที่ประชุมว่า “ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความคิดสร้างสรรค์ คือจรรยาบรรณในการทำงานโฆษณาที่ดี โดยเฉพาะในยุคที่ออนไลน์เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้ใครๆ ก็ทำโฆษณาสื่อสารออกมาได้อย่างง่ายๆ และรวดเร็ว ทั้งนี้ กฎกติกา ข้อบังคับกฎหมายก็มีอยู่พอสมควรแล้ว สมาคมฯ จึงเห็นความสำคัญที่จะต้องช่วยกันรณรงค์สร้างความเข้าใจในภาคปฏิบัติ กำกับดูแลตนเองเพื่อสร้างมาตรฐานของงานที่ดี สนับสนุนการบริโภคอย่างเป็นธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม”
กระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าให้บริการ “คลินิกผู้สูงอายุ” ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามแผนปี 2566 “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” ตั้งเป้าคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ 10 ล้านคน ได้รับบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียม ครอบคลุมและทั่วถึง นางก้อนทอง พู่ไหม เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนเองอายุ 78 ปี อาศัยอยู่กับลูกที่จังหวัดนนทบุรี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง ก่อนหน้านี้เข้ารับบริการที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เจ้าหน้าที่ดูแลให้คำแนะนำและให้บริการเป็นอย่างดี แต่ต่อมาได้เปลี่ยนไปรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านวัดแคใน ทำให้ได้รับความสะดวกสบายขึ้น เนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน และยังคงได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีเช่นเดิม “ตอนนี้เดินทางสะดวกขึ้น เพราะใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ เอาใจใส่และดูแลอย่างดีเหมือนกัน ดีใจที่เขาเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพของคนอายุมากๆ อย่างเรา ใครที่มีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว อยากแนะนำให้เข้าไปตรวจที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน เพราะสะดวกสบาย บริการดีเหมือนโรงพยาบาล” นางก้อนทอง กล่าว ขณะที่ นางวนิดา นวลประเสริฐสุข อายุ 72 ปี อาศัยอยู่ที่ บางกระสอ อำเภอเมื
อ.ส.ค. ปลื้มหนัก หลัง อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่างคว้ารางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบที่ผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) ระดับดีมาก นายวุฒิชัย จั่นเพ็ชร หัวหน้าสำนักงานองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ภาคเหนือตอนล่าง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่างได้พิธีรับมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการต้นแบบที่ผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรการป้องกัน ควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ(Bubble and Seal) ระดับดีมากจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาภาคเหนือตอนล่าง ได้ปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัดใน 4 ด้าน คือ 1. การจัดทำแผนงานและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด 2. การควบคุมและการเฝ้าระวัง/Bubble group 3. การดำเนินการเมื่อพบผู้ติดเชื้อและการดำเนินการเมื่อพบผู้ติดเชื้อรวมไปถึงการป้องกันการเกิดซ้ำ สำหรับรายละเอียดของแผนงานและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เริ่มต้นด้วย อ.ส.ค.ภาคเหนือตอนล่างได้ออกประกาศฯ มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอๆ ส่ว
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเตรียมงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10-12 มิถุนายนนี้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านกัญชาทางการแพทย์ กัญชงเพื่อเศรษฐกิจ และเพื่อเพิ่มการเข้าถึงการให้บริการกัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย รวมถึงสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในการใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างถูกต้องเหมาะสม ภายหลังปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ก่อนถึงวันเริ่มงาน นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่สำรวจความเรียบร้อยของการจัดงาน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมแล้วอย่างเต็มที่ พร้อมกล่าวเชิญชวนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน โดยมั่นใจว่า มหกรรมกัญชาครั้งนี้จะสามารถมอบองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมงานได้อย่างแน่นอน และคาดว่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน “กิจกรรม
หลังจากกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกกัญชา กัญชง ออกจากบัญชีสารเสพติด นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา ทำให้กัญชากลายเป็นพืชสมุนไพรทางเลือกที่คนไทยสามารถปลูกได้อย่างเสรีเพื่อใช้ดูแลสุขภาพ ภายใต้การควบคุมปริมาณการใช้งานตามที่กฎหมายกำหนด ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากสนใจอยากปลูกกัญชาเป็นพืชสมุนไพรประจำบ้าน แต่ไม่รู้ว่า ควรปลูกดูแลอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดี จึงขอแนะนำเทคนิคการปลูกกัญชาให้ได้ผลผลิตที่ดีของ “โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ จนกลายเป็นต้นแบบเรื่องการปลูกกัญชาให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งเกษตรกรผู้สนใจ ซึ่งเคล็ดลับการปลูกดูแลกัญชาเหล่านี้ มือใหม่ที่หัดปลูกกัญชาสามารถนำไปปฏิบัติได้ไม่ยาก หัวใจของการปลูกกัญชา ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การปลูกกัญชาให้ประสบความสำเร็จ มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การจัดการดิน น้ำ ธาตุอาหารประเภท N P K ธาตุเหล็ก (Fe) สังกะสี หรือซิงก์ (ZINC) รวมทั้งดูแลจัดการศัตรูพืชอย่างเหมาะสม ดินปลูก ดินปลูกต้องมีความโปร่ง ระบายน้ำและ
หลังจากเฝ้ารอกันมานาน ในที่สุด กระทรวงสาธารณสุข ก็ไฟเขียว ปลดล็อกให้กัญชา กัญชง ไม่เป็นสารเสพติดอีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เพื่อให้นำไปใช้ในทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม รวมถึงให้ประชาชนได้มีทางเลือกสำหรับดูแลสุขภาพ แต่การนำมาใช้นั้นก็ต้องควบคุมปริมาณให้อยู่ภายใต้กฎหมายกำหนด การปลูกกัญชาให้ถูกกฎหมายทำอย่างไร เราสามารถปลูกพืชกัญชา กัญชง ในครัวเรือน เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพ โดยจะปลูกกี่ต้นก็ได้ แต่ต้องจดแจ้งการปลูกกัญชาเสียก่อน ส่วนการปลูกในเชิงพาณิชย์ หรือนำไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังต้องขออนุญาตตามกฎหมายอยู่เช่นเดิม เพราะยุคนี้คือยุคดิจิทัล ที่ทุกอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้ความเข้าใจกับสังคมอย่างต่อเนื่อง ถึงประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ จึงเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘ปลูกกัญ’ (Plookganja) และเว็บไซต์ http://plookganja.fda.moph.go.th ไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการจดแจ้งการปลูกกัญชาและกัญชง ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง 2 ช่องทาง ตามนโยบาย
1 มิ.ย. 65 อย.เปิดตัวแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ “ปลูกกัญ” เพื่อช่วยประชาชนในการจดแจ้งการปลูก กัญชา กัญชง ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว พร้อมอบรมเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรุงเทพมหานคร และ อบจ. ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน วันนี้ (1 มิถุนายน 2565) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลบังคับใช้ วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ซึ่งมีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติดประเภท 5 ยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ประชาชนสามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเพียงแต่จดแจ้งนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการจดแจ้งการปลูก กัญชา กัญชง ให้แก่ประชาชน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้จัดทำแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” และเว็บไซต์ http://plookganja.fda.moph.go.th โดยแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android เพื่อออกใบรับจดแจ้งในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยจดแจ้งเพียง 3 ขั้นตอนง่าย ๆ คือ 1. ลงทะเบียน 2. จดแจ้งตามวัตถุประสงค์ 3. รับเอกสารจดแจ้งอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำให้ทราบจ