จังหวัดเชียงใหม่
โรสแมรี่ (Rosemary) เป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของแถบเมดิเตอร์เรเนียน จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ใบ มีรูปร่างคล้ายเข็ม ยาว 2-4 เซนติเมตร กว้าง 2-5 มิลลิเมตร มีกลิ่นหอม และเขียวอยู่ตลอดปี ด้านบนของใบมีสีเขียว ด้านท้องใบเป็นสีขาว และมีขนปกคลุม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง หรือสีฟ้า ใช้ปรุงอาหารทำให้มีกลิ่นหอม ปัจจุบัน เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการอาหารบ้านเรามากขึ้น ไม่เพียงแค่เฉพาะโรงแรมที่ใช้นำมาประดับตกแต่งมื้ออาหารสุดหรู แต่ยังแพร่หลายไปถึงระดับครัวเรือนที่ชื่นชอบทำอาหารสไตล์ฝรั่ง ก็สามารถเข้าถึงสมุนไพรโรสแมรี่นี้ได้ง่ายมากขึ้น และนอกจากการนำมาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามแล้ว “โรสแมรี่” ยังมีส่วนช่วยทำให้รสชาติอาหารอร่อย มีความกลมกล่อมมากขึ้น สามารถช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดี รวมไปถึงสรรพคุณด้านกลิ่น ช่วยรักษาไข้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ได้อีกด้วย คุณดวงเดือน พิทักษ์ไพร หรือ พี่เดือน เจ้าของสวน Grace Garden อยู่ที่ 180 หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ อดีตครูอาสา กลับมาช่วยพัฒนาธุรกิจร้านขายต้นไม้-สมุนไพรฝรั่งของที่บ้าน คว้าโอกาสช่วงที่ทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน
การดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงตลอดระยะเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมาสามารถกล่าวได้ว่า ประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาพื้นที่สูงที่มั่นคง เป็นคลังแห่งองค์ความรู้ และมีผลการดำเนินงานเชิงประจักษ์จนเกิดประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาความยากจน ลดการปลูกฝิ่น การทำเกษตรแบบเลื่อนลอย ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยรายการนอกแผนที่ EP.2 ได้ถอดบทเรียนแนวทางการปฏิบัติที่ดีและผลสำเร็จของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ในการนำรูปแบบการพัฒนาโครงการหลวงโมเดลไปขยายผลในพื้นที่อื่นของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่งเสริมให้เกิดการพึ่งพาตนเอง มุ่งเน้นให้ “ชุมชนเป็นจุดศูนย์กลาง” ตามหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ภายใต้หลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในวิถีการเกษตรแบบปราณีต จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง หรือ สวพส. มีภารกิจสำคัญ ประกอบด้วย (1)ด้านงานวิจัย เพื่อสนับสนุนงานวิจัยโครงการหลวงและการวิจัยและพัฒนาผลิตผล/ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อพัฒนาองค์ความรู้จากความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม (2) ด้านงานส่งเสริมและขยายผล โดยก
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO ร่วมกับภาคประชาชน “บ้านปงไคร้” ปล่อยฟ้ามุ่ยคืนสู่ป่า เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเพาะเลี้ยงฟ้ามุ่ยบ้านปงไคร้ จัดทำโครงการธนาคารกล้วยไม้ระดับชุมชนบ้านปงไคร้ ภายใต้โครงการธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพระดับชุมชน เพื่อการอนุรักษ์ใช้ประโยชน์กล้วยไม้ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน กิจกรรมการปล่อยฟ้ามุ่ยคืนสู่ป่า ณ บ้านปงไคร้ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ของผู้บริหาร ประชาชนและสื่อมวลชในครั้งนี้เพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 “ฟ้ามุ่ย” เป็นกล้วยไม้ที่อยู่ในบัญชี 1 ไซเตส บัญชีควบคุมทางการค้าระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด เพื่อควบคุมไม่ให้มีการนำต้นออกจากป่ามาจำหน่าย ต่อมาปี พ.ศ. 254
มะม่วง เป็นผลไม้พื้นบ้านของไทยที่นิยมปลูกกันแทบทุกภาคของประเทศ แต่ปลูกเป็นแหล่งใหญ่และส่งออกมีไม่กี่แห่ง แหล่งที่รับรู้กันในวงกว้างคือ มะม่วงแปดริ้ว และมะม่วงพิษณุโลก เชื่อว่าคงมีหลายคนไม่รู้มาก่อนว่าอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกแหล่งที่ปลูกมะม่วงส่งออกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และหากผลผลิตเหลือจากการคัดเกรดก็นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงกวน มะม่วงหยี มะม่วงสามรส น้ำมะม่วง มะม่วงแผ่น มะม่วงอบแห้ง ไวน์มะม่วง ทอฟฟี่มะม่วง และนำไปทำเป็นซอสมะม่วง ซึ่งหลายคนชอบใจเพราะถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ชอบมะม่วงเป็นชีวิตจิตใจ รวมถึงพวกที่เบื่อซอสมะเขือเทศที่เราๆ ท่านๆ กินกันมานานหลายชั่วอายุคน ส่งออกไปหลายประเทศ จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุว่า บ้านเรามีพื้นที่ปลูกมะม่วงทั้งประเทศกว่า 2 ล้านไร่ แต่เป็นการปลูกเชิงพาณิชย์ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นการปลูกแบบริมรั้ว โดยปี 2557 มีการส่งออกมะม่วงคิดเป็นมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท ในปริมาณกว่า 70,000 ตัน ตลาดส่งออกหลักคือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งทางกรมส่งเสริมฯ มีนโยบายสนับสนุนการปลูกมะม่วงในเชิงอุตสาหกรรมให้มา
กรมการข้าว เตรียมจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวสาลี ชูเป็นที่ต้องการในกลุ่มตลาดหลากหลาย ตั้งเป้าผลักดันเป็นสินค้าสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดี กรมการข้าว เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวสาลี ครั้งที่ 3 โดยมี ผู้อำนวยการจากศูนย์วิจัยข้าวภาคเหนือตอนบน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พร้อมด้วย ดร. สุรพล ใจวงศ์ษา อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์วิจัยข้าวสะเมิง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากข้าวสาลีเป็นธัญพืชเมืองหนาวที่มีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ซึ่งวิถีชีวิตประจำวันมีลักษณะเร่งรีบ อุปนิสัยการบริโภคต้องการความรวดเร็ว ใช้ระยะเวลาน้อยในการปรุงอาหาร ประกอบกับข้าวสาลีมีคุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะโปรตีน และมีคาร์โบไฮเดรตในกลุ่มที่เรียกว่า Photosugar ซึ่งใช้เป็นอาหารเสริม นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากทั้งต้นของข้าวสาลี ซึ่งมีเส้นใยมากเป็นประโยชน์ต่อระบบการย่อย
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงปลูกกัญชาทางการแพทย์ 16,700 ต้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร. อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ รองศาสตราจารย์ ดร. วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และศาสตราจารย์ ดร. อานัฐ ตันโช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันเปิดงานโครงการ “แม่โจ้ชวนยิ้ม ชิมกัญ (ชา)” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดขึ้นเพื่อสาธิตการนำชิ้นส่วนกัญชา ได้แก่ ใบ ต้น และราก ที่ใช้ได้อย่างถูกกฎหมายมาปรุงอาหาร โดยมีร้านอาหารทุกระดับทั้งสตรีทฟู้ดส์และร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ รอบๆ เชียงใหม่ กทม.และจังหวัดอื่นๆ เข้าร่วมโครงการจำนวน 45 ราย ได้สาธิตการปรุงอาหารและนำเสนอเมนูอาหารอย่างหลากหลายทั้งอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม ให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับชมการปรุงอาหารและชิมฟรีตลอดการจัดงาน โดยผู้ร่วมงานทุกคนจะสามารถเลือกรายการอาหารที่ตนเองสนใจได้เพียงห้ารายการ ซึ่งเป็นมาตรการการป้องกันอันตรายกับผู้บริโภคที่อาจมีอาการแพ้สารสำคัญในพืชกัญชาซึ่งแขกรับเช
เปียงหลวง เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ติดชายแดนพม่า ในอดีตมีด่านช่องหลักแต่ง เป็นด่านชั่วคราวที่เปิดการค้าขายชายแดนที่คึกคัก แต่ต้องปิดถาวรเมื่อปี 2545 ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีนยูนนานและไทยใหญ่ โดยชาวจีนยูนนานนั้นได้อพยพเข้ามาในสมัยนายพลเจียงไคเช็ค ส่วนชาวไทยใหญ่ได้เข้ามาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงจัดทัพทหารอันเกรียงไกร 100,000 นาย มุ่งไปยึดเมืองนายกลับคืนจากพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2147 ซึ่งนักรบชาวไทยใหญ่ได้ร่วมทัพจับศึกในครั้งนั้นด้วย และในปัจจุบันทั้งคนไทยเชื้อสายจีนยูนนานและไทยใหญ่ ยังคงรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของชาติพันธุ์อยู่อย่างมั่นคง การทำใบเหนี่ยง หรือใบชา ของชาวไทยใหญ่ ชาวไทยใหญ่เรียกขานใบชาว่า ใบเหนี่ยง เป็นชาอัสสัมดั้งเดิมที่ปลูกต่อกันมาตั้งแต่อดีต ชาวบ้านนิยมเก็บยอดใบชาตั้งแต่รุ่งเช้า จากนั้นจะนำใบชามาคั่ว โดยใช้กระทะตั้งบนเตาไฟที่ใช้ “หลัว” หรือ “ไม้ฟืน” เป็นเชื้อเพลิง ใส่น้ำลงในกระทะประมาณ 1 ถ้วยแกง แล้วนำใบชาลงคั่ว โดยจะคนพลิกใบชาตลอดเวลาการคั่ว จนกระทั่งใบชาเป็นสีเขียวปนเห
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2564 เวลา 09.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร. วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Maejo Open Farm 2021 : Online ซึ่งเป็นการเปิดฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรเชิงนิเวศ Online ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal พักผ่อนหย่อนใจ ได้ความรู้ ในบรรยากาศสไตล์ฟาร์ม พบกับ 8 ฐานเรียนรู้ไฮไลท์ ระหว่างวันที่ 14-17 มกราคม 2564 ณ ฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสด (LIVE) ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Maejo University พร้อมทั้งให้สิทธิ์รับโควตาพิเศษสำหรับนักเรียนที่สมัครผ่านการลงทะเบียนเที่ยวชมงานออนไลน์ทาง www.openfarm.mju.ac.th รองศาสตราจารย์ ดร. วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นสถาบันการศึกษาที่มีรากฐานทางการเกษตรเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีอายุมากว่า 85 ปี ได้สะสมองค์ความรู้มากมายที่พร้อมจะถ่ายทอดสู่สังคมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการเปิดฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ หรือ Maejo Open Farm 2021: Online ในวันนี้ จึงเป็นมิติใหม่ที่มหาวิทยาลัยได้เผยแพร่กิจกรรมเด่น รูปแบบออนไลน์ เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงร
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นาย วิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จำกัด ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายกัณฑ์พงษ์ ลีธิติพันธุ์ ประธานคณะกรรมการสหกรณ์ฯ สมาชิกสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ สหกรณ์การเกษตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จำกัด ตั้งอยู่ในเขตอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดตั้งและจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2536 เป็นสหกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่โครงการหลวง ก่อตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและส่งเสริมชาวไทยภูเขาให้มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ต่อมาได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม และยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้มีความกินดีอยู่ดี ทั้งภายในชุมชนและนอกชุมชน รวม
รศ.ดร. วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางวิชาการ ด้านสัตว์ปีกและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีก ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กับ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาการศึกษา งานวิจัย และงานวิชาการ ด้านการเลี้ยงไก่กระทงครบวงจร และเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพต่ออาชีพการเลี้ยงสัตว์ปีกและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีกของประเทศไทย ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อร่วมสนับสนุนการศึกษา การวิจัย งานวิชาการ การเลี้ยงสัตว์ปีกเชิงธุรกิจที่ได้มาตรฐานร่วมกัน เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการเลี้ยงไก่กระทง การเลี้ยงไก่ไข่ครบวงจร โดยการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีร่วมกัน อีกทั้งความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการมีสถานที่เข้าฝึกงานของนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตลอดจนการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านปศุสัตว์เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนและงานบริการวิชาการ นอกจากนั้น การเลี้ย