จิ้งหรีด
หากกล่าวถึงจิ้งหรีด อย่างแรกที่คนจะนึกถึงคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกเสียจากเสียงร้องใสแจ๋วอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เกิดจากการถูกันของปีกคู่หน้าในจิ้งหรีดตัวผู้ เสียงดัง กริก…กริก…กริก… จิ้งหรีดจัดเป็นแมลงที่มีขนาดของลำตัวปานกลาง มีปีก 2 คู่ ปีกคู่หน้าเนื้อจะหนากว่าปีกคู่หลัง เมื่อพับจะหักเป็นมุมที่ด้านข้างของลำตัว ปีกคู่หลังบางพับได้แบบพัดสอดเข้าไปอยู่ใต้ปีกคู่หน้า ปากแบบกัดกิน ส่วนหัวกับอกมีขนาดกว้างไล่เลี่ยกัน จิ้งหรีดตัวผู้มีอวัยวะพิเศษสำหรับทำเสียง เป็นฟันเล็กๆ อยู่ตามเส้นปีกบริเวณกลางปีก ใช้กรีดกับแผ่นทำเสียงที่อยู่บริเวณท้องปีกของปีกอีกข้างหนึ่ง ตัวเมียมีอวัยวะสำหรับใช้วางไข่เป็นท่อยาวๆ บริเวณก้นคล้ายเข็ม และไม่สามารถทำเสียงได้เหมือนตัวผู้ สำหรับในประเทศไทยสามารถพบจิ้งหรีดได้ทั่วทุกภาคของประเทศ ชนิดของจิ้งหรีดที่พบ ได้แก่ จิ้งหรีดทองดำ (Gryllus bimaculatus), จิ้งหรีดทองแดง (Gryllus testaceus), จิ้งโกร่ง (Brachytrupes portentosus) เป็นต้น เกษตรกรบ้านหนองเหม้า หมู่ที่ 5 ตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง รวมกลุ่มกันเลี้ยงจิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้
นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก (สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “จิ้งหรีด” เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ส่งเสริมให้เป็นอาหารชนิดใหม่สำหรับประชากรในอนาคต หรือ Novel Food ที่เป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งประเทศไทยพบว่า จังหวัดสุโขทัยเป็นแหล่งผลิตแมลงเศรษฐกิจจิ้งหรีดที่สำคัญของภาคเหนือ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้น เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของจิ้งหรีด อีกทั้งเกษตรกรยังได้รับการส่งเสริมรวมกลุ่มแปลงใหญ่เพื่อผลิตจิ้งหรีดให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานนอกสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งเน้นการขับเคลื่อนโครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง “1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง” จังหวัดสุโขทัย ชนิดสินค้า “จิ้งหรีด” ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงจิ้งหรีดแปลงใหญ่ชุติกาญจน์ ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นกลุ่มต้นแบบที่มีศักยภาพการผลิตในพื้นที่ ได้รับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงจิ้ง
มข. ดันธุรกิจ “จิ้งหรีด” เลี้ยงเป็น เปลี่ยนชีวิต อย่างที่หลายคนทราบดีว่า“จิ้งหรีด” เป็นแมลงที่ได้รับความสนใจในหลายมิติ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง จนเกิดกระแสนิยมการบริโภคโปรตีนจากแมลงในทวีปยุโรปและอเมริกา ยกให้เป็นอาหารใหม่ หรือ Novel Food อาหารแห่งอนาคต ทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมโปรตีนจากแมลงจะขยายตัว 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ซื้อรายใหญ่ในตลาดนี้คือ บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตนมทางเลือก และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เป็นต้น ในด้านเศรษฐกิจไทย จิ้งหรีดสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยเฉพาะในชนบทที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในไทยมีมากกว่า 20,000 ราย และมากกว่าร้อยละ 80 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่เกษตรกรกลุ่มแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเลี้ยงจิ้งหรีดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 แต่ปัจจุบันกลุ่มผู้เลี้ยงจิ้งหรีดที่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและส่งออกต่างประเทศได้ กลับเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในพื้นที่ภาคกลาง และอื่น ๆ ดร.อนุวรรตน์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าโครงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการผ่านกระบวนการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของกา
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การเลี้ยงจิ้งหรีด โดยทั่วไปสามารถเลี้ยงได้ทุกช่วงเวลา โดยช่วงที่จิ้งหรีดเจริญเติบโตได้ดีที่สุดคือ ช่วงฤดูร้อน เพราะเป็นช่วงที่จิ้งหรีดจะกินอาหารตลอดเวลาทำให้โตไวกว่าช่วงฤดูอื่น ตลอดจนแม่พันธุ์จิ้งหรีดวางไข่ได้ดี ไข่จิ้งหรีดมีการฟักเป็นตัวอ่อนได้ค่อนข้างเร็วอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงจิ้งหรีดในช่วงร้อนแล้งก็ยังคงต้องได้รับการดูแลจัดการการเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดต้องพึงระวัง ได้แก่ 1. ควรจัดที่หลบซ่อนของจิ้งหรีดภายในกล่องเลี้ยงให้มีมากพอและจัดให้โปร่ง เพื่อให้ภายในกล่องเลี้ยงมีการถ่ายเทอากาศได้ดี หากอากาศร้อนมาก ควรมีการฉีดพ่นน้ำเป็นระยะๆ เพื่อระบายความร้อน 2. ควรเปลี่ยนน้ำในถาดที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีดทุกวัน โดยอาจนำวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ใส่ในถาดน้ำด้วยเพื่อให้น้ำระเหยช้าลง และเก็บมูลจิ้งหรีดเดือนละสองครั้ง 3. อาหารที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีด ถ้าเป็นอาหารสำเร็จรูปต้องไม่เสื่อมคุณภาพ ถ้าเป็นพืชผัก เช่น ฟักทอง หรือผักพื้นบ้านอื่นๆ ต้องปลอดภัยจากสารเคมี เพราะจิ้งหรีดจะมีความรู้สึกไวต่อสารเคมี หากกินอาหารที่มีสารเคมีปะปนอย
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวในต่างจังหวัดมีการดักแมลงยามค่ำคืนเป็นจำนวนมาก หากคืนไหนฝนไม่ตกก็จะมีแมลงมาเล่นไฟเป็นจำนวนมาก สำหรับราคาขายแมลงในช่วงนี้ คุณนันท์ธา เหลาประเสริฐ ที่อยู่บ้านเลขที่ 18 บ้านกงกลาง หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านกง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น บอกว่า ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 180 บาท ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มีการได้แมลงมากเป็นพิเศษนี้ หากครอบครัวใดอยากทำเมนูที่ไม่ใช่คั่วแมลง ทอดแมลง ก็เปลี่ยนมาเป็นแกงหน่อไม้ใส่จิ้งหรีดก็ได้นะครับ การทำแกงหน่อไม้ใส่จิ้งหรีด มีขั้นตอนดังนี้ 1. ตำเครื่องแกง พริก 5 เมล็ด หอมหัวแดง 2-3 หัว กระเทียม 5 กลีบ ตะไคร้หั่นเป็นแว่นๆ ตำโขลกรวมกันในครก 2. ต้มหน่อไม้ดองให้สุกก่อน ต้มประมาณ 15 นาที 3. ใส่เครื่องแกง พริก หอม กระเทียม ตะไคร้ที่ตำลงหม้อ 4. ใส่จิ้งหรีดลงไปให้จิ้งหรีดสุกประมาณ 3 นาที แล้วค่อยปรุงเครื่อง สำหรับจิ้งหรีดที่นำมาแกงต้องเด็ดปีกกับขาดีดที่เป็นหนามออกก่อนแล้วล้างให้สะอาด 5. ใส่เครื่องปรุง เหยาะผงชูรสนิดหน่อย และน้ำตาลทรายอีกนิด หน่อไม้ดองมีความเปรี้ยวและความเค็มอยู่ในตัวอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องใส่น้ำปลา 6. ใส่ใบแมงลักกับต้นหอมที่หั่นเตรียมไว้ปิดฝ
ในบรรดาแมลงทั้งหมด “จิ้งหรีด” ถือว่าเป็นดาวรุ่งขึ้นแท่นเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร จิ้งหรีดถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ โดยจิ้งหรีดทั้งตัวถูกนำมาผลิตในรูปแบบจิ้งหรีดแช่แข็งและจิ้งหรีดปรุงรส ส่วนจิ้งหรีดสดนำมาผลิตเป็นจิ้งหรีดผง พัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากมาย เช่น พาสต้า แครกเกอร์จิ้งหรีด ขนมปังผสมผงจิ้งหรีด แป้งบราวนี่สำเร็จรูป เกลือปรุงผสมจิ้งหรีด ผงโปรตีนสกัดเข้มข้น ไส้กรอกผสมจิ้งหรีด โปรตีนจิ้งหรีดอัดเม็ด ฯลฯ จิ้งหรีดมีศักยภาพเป็น “แหล่งโปรตีนทางเลือก” คุณค่าทางโภชนาการสูง โปรตีนเฉลี่ยสูงกว่าเนื้อสัตว์ มีกรดอะมิโนจำเป็นครบ 9 ชนิด มีโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 เทียบเท่าปลาแซลมอน มีแคลเซียมสูงกว่านมวัว มีธาตุเหล็กสูงกว่าผักโขม มีวิตามิน B12 สูงกว่าปลาแซลมอล 10 เท่า มี Chitin สนับสนุนการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โพรไบโอติกส์ แหล่งโปรตีนทางเลือก มูลค่าสูง ในปี 2565 จิ้งหรีดมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 28.6% คาดว่า ปี 2573 ตลาดจิ้งหรีดจะมีมูลค่า 144,000 ล้านบาท เพราะมีผู้บริโภคในทุกภูมิภาค ในแอฟริกามีกา
คุณสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “จิ้งหรีด” เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ตลาดมีความต้องการต่อเนื่อง อีกทั้งองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ส่งเสริมให้คนทั่วโลก หันมาบริโภคจิ้งหรีด เพราะเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนับเป็นแหล่งผลิตแมลงเศรษฐกิจจิ้งหรีด อันดับ 1 ของประเทศ เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงจิ้งหรีด ประกอบกับประชาชนในพื้นที่นิยมบริโภค ทำให้ตลาดมีความต้องการ โดยตลาดสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่นและกาฬสินธุ์ สศท.5 ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต ต้นทุน และผลตอบแทนจิ้งหรีดของจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ปัจจุบัน มีเกษตรกรผู้เลี้ยงรวม 77 ราย (ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ณ 4 พฤศจิกายน 2564) แหล่งผลิตครอบคลุมในหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอพิมาย อำเภอสีคิ้ว อำเภอจักราช อำเภอขามสะแกแสง อำเภอคง และอำเภอห้วยแถลง เกษตรกรนิยมเลี้ยงพัน
ปัจจุบันทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับเทรนด์อุตสาหกรรม “อาหารแห่งอนาคต (Future Food)” คือ เทรนด์อาหารอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมอาหารโลกที่ต่อยอดกระบวนการผลิตอาหารแบบเดิม ให้ตอบโจทย์การลดสภาวะโลกร้อนไปพร้อมกับสร้างระบบอาหารที่เน้นคุณค่าทางโภชนาการสูงและดีต่อความยั่งยืนของโลก เป็นที่มาของความหลากหลายในการต่อยอดที่ไม่จำกัดรูปแบบหน้าตาของอาหารอนาคต ขอเพียงทำแล้วตอบโจทย์แนวทาง “ดีต่อใจ-ดีต่อสุขภาพ-ดีต่อโลก” จิ้งหรีด จัดอยู่ในเทรนด์อุตสาหกรรม Novel Food หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า “อาหารใหม่” เป็นซุปเปอร์ฟู้ด (Super Food) ที่ให้สารอาหารสูง โดยจิ้งหรีดถือเป็นอีกแหล่งโปรตีนแห่งอนาคตที่สำคัญ หากประเทศไทยมีการสนับสนุนส่งเสริมการเลี้ยงในระบบที่ทันสมัยมากขึ้น ได้ปริมาณและคุณภาพของผลผลิตที่แม่นยำ ในอนาคตจิ้งหรีดจะกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นที่สุด คุณบัญชร นามธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามสิบสอง อินโนเวท จำกัด (32 BUG FARM) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้ประกอบธุรกิจฟาร์มจิ้งหรีดแนวตั้ง นว
จิ้งหรีด จัดอยู่ในเทรนด์อุตสาหกรรม Novel Food หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า “อาหารใหม่” เป็นซุปเปอร์ฟู้ด (Super Food) ที่ให้สารอาหารสูง โดยจิ้งหรีดถือเป็นอีกแหล่งโปรตีนแห่งอนาคตที่สำคัญ ในอนาคตจิ้งหรีดจะกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นที่สุด คุณบัญชร นามธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามสิบสอง อินโนเวท จำกัด (32 BUG FARM) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้ประกอบธุรกิจฟาร์มจิ้งหรีดแนวตั้ง นวัตกรรมการเลี้ยงจิ้งหรีดด้วยระบบให้อาหารและน้ำอัตโนมัติที่แรกในประเทศไทย แม่นยำ ผลผลิตสูง ประหยัดพื้นที่ สะดวกต่อผู้เพาะเลี้ยง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันที่ฟาร์มผลิตจิ้งหรีดได้ 2 ตันต่อเดือน ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับท่านที่สนใจ เทคโนโลยีชาวบ้านเชิญมาเปิดประสบการณ์กับงานสัมมนา เทรนด์อาหารแห่งอนาคต “ไข่ผำ-จิ้งหรีด” ซุปเปอร์ฟู้ด จากธรรมชาติ วันพุธที่ 30 สิงหาคม 2566 เวลา 13.00-16.30 น. ณ ห้องประชุม อาคารหนังสือพิมพ์ข่าวสด . สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ลงทะเบี
สำหรับในประเทศไทย พบจิ้งหรีดได้ทั่วทุกภูมิภาค ชนิดของจิ้งหรีดที่พบ ได้แก่ จิ้งหรีดทองดำ จิ้งหรีดทองแดง (จิ้งโกร่ง หรือ จิ้งกุ่ง) แต่ในฉบับนี้จะขอกล่าวถึงการเลี้ยงจิ้งหรีดทองแดงลาย หรือในภาษาอีสานเรียกว่า แมงสะดิ้ง นับเป็นจิ้งหรีดอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจมากที่สุด เพราะเป็นจิ้งหรีดที่มีขนาดเล็ก ให้ไข่เยอะ ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อน นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างร่างกายที่ไม่แข็งเกินไป ง่ายต่อการนำไปแปรรูปและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการส่งออกอีกด้วย คุณอิงครัตน์ ธัญศิรธนารมย์ หรือ พี่ซอนญ่า อยู่บ้านเลขที่ 88 บ้านหนองโสน หมู่ที่ 11 ตําบลหนองข่า อําเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ อดีตนักวิชาการด้านอาหารสัตว์ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงแมงสะดิ้ง สู่การก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองโสน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้คนในชุมชนแต่ละเดือนไม่น้อย พี่ซอนญ่า บอกเล่าถึงที่มาของการเลี้ยงแมงสะดิ้งให้ฟังว่า ตนเองเริ่มทำการทดลองเลี้ยงจิ้งหรีดหรือแมงสะดิ้ง ในปี 2559 ซึ่งถ้าหากย้อนไปตอนนั้น จิ้งหรีดยังไม่ถูกยกให้เป็นแมลงเศรษฐกิจ และยังไม่มีการรับรองมาตรฐาน GAP เกิดขึ้น แต่สาเหตุที่ทำให้ตัดใจเลี้ยงจิ้