ธกส
ธ.ก.ส.เปิดรับ พักหนี้เกษตรกร เฟส 2 เริ่ม 1 ต.ค. ลดภาระลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ที่ยังไม่ฟื้นตัว นำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตน ที่ ธ.ก.ส.สาขาที่ใช้บริการ นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อย ในระยะที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ที่ยังไม่ฟื้นตัวและบรรเทาภาระด้านหนี้สินให้แก่ลูกหนี้ โดยผลการดำเนินงานมาตรการฯ ในระยะที่ 1 มีผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ทั้งสิ้น 1.41 ล้านราย ต้นเงินคงเป็นหนี้ 2.10,191 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส. เปิดรับแจ้งความประสงค์ในการเข้าร่วมมาตรการฯ ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 31 มกราคม 2568 เพียงนำบัตรประชาชนมาใช้ในการยืนยันตัวตน ได้ที่ ธ.ก.ส.สาขาที่ใช้บริการ เพื่อให้พนักงานตรวจสอบคุณสมบัติ รวมถึงสอบทานข้อมูลและประเมินศักยภาพการชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข จะได้รับการพักชำระหนี้ในระยะที่ 2 ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 กันยายน 2568 โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกั
ธ.ก.ส. ผนึกกำลังชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น ขับเคลื่อนภารกิจซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นทางการ ในโครงการ BAAC Carbon Credit จำนวน 400 ตันคาร์บอน มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท พร้อมขยายผลการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนธนาคารต้นไม้ ทั้ง 6,800 ชุมชน และหนุนการปลูกป่าเพิ่มอีกปีละ 108,000 ต้น โดยวางเป้าหมายสร้างปริมาณการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตอีกกว่า 510,000 ตันคาร์บอน ภายใน 5 ปี เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทดแทนคุณแผ่นดิน ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านธุรกิจ การดูแลรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม การสร้างรายได้ให้ชุมชน และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานเปิดโครงการ BAAC Carbon Credit และการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย จากชุมชนธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 400 ตันคาร์บอน (ที่ได้รับการรับรองปริมาณการกักเก็บคาร์บอนเครดิต เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566) โดย ธ.ก.ส. รับซื้อในราคากึ่ง CSR ตันละ 3,00
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่วิถีใหม่ด้วยพลังรัฐวิสาหกิจไทยอย่างยั่งยืน” มอบรางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น (ประเภทดีเด่น) ให้แก่ ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งเป็นความสำเร็จในการบูรณาการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง วว. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ภายใต้โครงการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า การดำเนินงานร่วมกันในปี 2564 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาขีดความสามารถการยกระดับคุณค่าและสร้างมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแทนการผลิตแนวคิดเดิม เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เกษตรกร สามารถก้าวสู่ตลาดโลกด้วยสินค้าที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อาทิ การพัฒนาความรู้ในการจัดการการผลิตให้มีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้การวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เ
เคทีซี – ธ.ก.ส. ลงนามในสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ ต่อยอดบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการให้กับสมาชิกร้านน้องหอมจังของ ธ.ก.ส. ด้วยระบบ QR Credit Card Payment บนเครือข่ายของวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดเป็นเจ้าแรกในไทย รุกช่วยผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนการเกษตร ขยายโอกาสทางการตลาดเข้าถึงระบบการชำระที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย รับวิถีชีวิตใหม่ ดีเดย์เปิดให้บริการช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ตั้งเป้าสิ้นปีมี 2,500 ร้านค้าเข้าร่วมโครงการ นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตในรูปแบบของ QR Code มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปี 2564 มียอดใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบ QR Code มูลค่า 110 ล้านบาท หรือเติบโต 90% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคคนไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแบบฉับพลัน ทั้งการจับจ่ายค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการทำธุรกรรมการเงินผ่านออนไลน์ ในขณะที่ร้านค้าต่างก็ต้องปรับตัวและเปิดรับการชำระเงินที่ไร้การสัมผัสมากขึ้น “โค
ธ.ก.ส. เพิ่มช่องทางการรับฝากเงินสด ผ่าน Big C และชำระเงินฝากสงเคราะห์ชีวิต ผ่าน ตู้เติมสบาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรและประชาชนที่ใช้บริการ เริ่ม 21 กันยายนนี้ เป็นต้นไป นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้เพิ่มช่องทางบริการรับฝากเงินสดและชำระเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปผ่านเครือข่าย Banking Agent ของธนาคาร โดยสามารถฝากเงินสดเข้าบัญชีออมทรัพย์และบัญชีกระแสรายวัน ธ.ก.ส. ผ่านบิ๊กซี (Big C) ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ของบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า บิ๊กซีมาร์เก็ต บิ๊กซีฟู้ดเพลส และมินิบิ๊กซีที่ร่วมรายการ วงเงินไม่เกิน 20,000 บาทต่อรายการ ค่าธรรมเนียม 20 บาท ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 22.00 น. โดยหากฝากเงินในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564 จะได้รับคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จมูลค่า 10 บาท สำหรับใช้ซื้อสินค้าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จที่บิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถชำระเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตด้วยวิธีสแกนบาร์โค๊ด (Bar Code) ผ่านตู้เติมสบาย ไม่เกิน 40,000 บาท
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงและการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ รวมถึงความต้องการของประเทศคู่ค้า ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนกันยายน 2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ สุกร และโคเนื้อ มีแนวโน้มราคาปรับลดลง นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกันยายน 2564 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 10,075-10,465 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.42-5.35 เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดจากสต็อกข้าวของผู้ประกอบการที่ลดลง ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 49.00-52.00 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.31-6.45 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยางพาราในประเทศที่อ
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรและกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ มอบผลผลิตทางการเกษตรและน้ำดื่มตรา ธ.ก.ส. จำนวน 1,200 ขวด เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลเจษฎาเวชการ โดยมี พันจ่าอากาศเอกพันธุ์พงศ์ กันทา ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดสมุทรสาคร และ นางสาวปฐมาวดี ทิพย์อาสน์ ผู้จัดการสาขาสมุทรสาคร ธ.ก.ส. ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
ธ.ก.ส. สนับสนุนนโยบายกระทรวงการคลัง โดยออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 เดือน ผู้ที่สนใจแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ตามความสมัครใจผ่าน LINE Official : BAAC Family เว็บไซต์ www.baac.or.th และ Call Center 02 555 0555 และ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่ 19 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระทรวงการคลังที่มอบหมายให้ธนาคารของรัฐ รวมถึง ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์
ธ.ก.ส. พร้อมเปิด 2 สินเชื่อใหม่ วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท หนุนการสร้างอาชีพฝ่าวิกฤต COVID-19 ให้คนในชุมชนเมืองและภาคชนบท ผ่านโครงการสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ รายละไม่เกิน 100,000 บาท และการใช้เทคโนโลยีเพื่อต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตรให้กับ Smart Farmer ในโครงการสินเชื่อนวัตกรรมดี มีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี แจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อได้ทาง LINE Official : BAAC Family และที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่ 1 ก.ค. นี้ เป็นต้นไป นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้ประชาชนบางส่วนขาดรายได้และไม่สามารถประกอบอาชีพเดิมของตนเองได้ ธ.ก.ส. จึงได้เปิดตัวสินเชื่อใหม่ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการเริ่มต้นประกอบอาชีพ สนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพในชุมชนเมืองและภาคชนบท ผ่าน โครงการสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท โดยคุณสมบัติผู้กู้ ต้องเป็นเกษตรกร ทายาทเกษตรกร บุคคลในครัวเรือนเกษตรกร หรือบุคคลทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร