นาแปลงใหญ่
ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ คือ การส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มการผลิตข้าวและมีการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อให้เกิดการรวมกันผลิตและรวมกันจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับ เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต และมีผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมทั้งยกระดับผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพเกษตรกรปลูกข้าวที่มีคุณภาพให้เหมาะสมกับระบบนิเวศและพื้นที่ของการปลูกข้าวตามชนิดพันธุ์ที่เหมาะสม โดยมีระบบการจัดการบริหารการวางแผนการผลิต หาปัจจัยการผลิต และการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในลักษณะประชารัฐ นาแปลงใหญ่ นับเป็นโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าวรับผิดชอบดูแลในส่วนของแปลงใหญ่ข้าว ซึ่งได้มีวิธีการดำเนินงาน ดังนี้ 1. ด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว 2. ด้านการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าวผลผลิต 3. การบริหารจัดการกลุ่มและเสริมสร้างสมรรถนะกลุ่มนาแปลงใหญ่ 4. ด้านส่งเสริมการตลาดข้าว และยกระดับมาตรฐาน กรมการข้าวได้ดำเนินโครงการยกระดับแปลงใหญ่
นาแปลงใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มเพื่อผลิต เพื่อจำหน่าย เพิ่มอำนาจการต่อรองของเกษตรกรตลอดกระบวนการผลิต ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เกิดความมั่นคงในอาชีพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่เกษตรกรยังคงเป็นเจ้าของพื้นที่และทำการผลิตเอง มีเป้าหมายการดำเนินงานของกลุ่มชัดเจน โดยเกษตรกรที่จะสามารถเข้ารับการส่งเสริมในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ได้ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการดังนี้ เกษตรกรต้องมีการรวมตัวกัน 30 คนขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกัน 300 ไร่ ขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องเป็นแปลงติดกันเป็นผืนเดียวแต่ควรมีพื้นที่อยู่ภายในชุมชนใกล้เคียงกัน เกษตรกรต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการ และควรมีกระบวนการร่วมกลุ่ม แต่หากยังไม่เป็นกลุ่ม ต้องเป็นกลุ่ม ที่สามารถนำมาพัฒนาให้เกิดเป็นกลุ่มต่อไปได้ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า สำหรับโครงการนาแปลงใหญ่ ถือเป็นหัวใจหลักของการรวมตัวกันของเกษตรกร เพื่อที่จะ
ต.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ชูจุดแข็งประความสำเร็จการทำเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล จากการที่เกษตรกรสามารถเชื่อมโยงการทำงานระหว่างศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และแปลงใหญ่เข้าด้วยกันอย่างอย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรในทิศทางที่สามารถพึ่งพาตนเองได้มากยิ่งขึ้น จากการวางแผนการผลิต การใช้องค์ความรู้ที่เหมาะสม การนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ด้วยกันอย่างลงตัว นายสืบพงษ์ ออเพชร ประธานกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.บ้านดอน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า พื้นที่ ต.บ้านดอน อ.อู่ท่อง จ.สุพรรณบุรี ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีคลองส่งน้ำชลประทานตัดผ่าน จึงทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่มีอาชีพการทำนาเป็นหลัก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมสำหรับปลูกข้าวเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรต้องประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตข้าวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาข้าวตกต่ำ ดินเสื่อมโทรม ส่งผลให้การอาชีพการปลูกข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ค่อนข้างไม่มั่นคง จนกระทั่งในปี 2559 รัฐบาลมีนโยบายการทำเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ พร้อมกับมีการส่งเสริมให้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มปร
อาชีพเกษตรกรรม นับเป็นรายได้หลักของคนไทยจำนวนมาก แต่ในวันนี้ เมืองไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้ว ดังนั้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานคนในภาคเกษตร จึงเป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไปสู่ THAILAND 4.0 ของรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยดำเนินนโยบายเกษตรอัจฉริยะ ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาทดแทนแรงงานคน และส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต กลุ่มผลิตข้าวพันธุ์ดีครบวงจร ตำบลห้วยเตย ต้นแบบนาแปลงใหญ่ของจังหวัดมหาสารคาม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้าวพันธุ์ดีครบวงจร ตำบลห้วยเตย อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มชาวนา ภายใต้การนำของ นายบุญมา พลภักดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยเตย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีในท้องถิ่น พวกเขารวมกลุ่มกันเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีและกระจายเมล็ดพันธุ์ดีให้เพียงพอต่อความต้องการของชุมชน รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงขึ้น ในปี 2559 พวกเขาเริ่มจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชน ก่อนจะพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้า
กรมการข้าว เตรียมใช้ศูนย์ข้าวชุมชน-นาแปลงใหญ่ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี 100,000 ตัน แก้ปัญหาขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวในฤดูการผลิต ปี 2563 ชู “ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านสวนแตง” เป็นต้นแบบผลิตเมล็ดพันธุ์ดี สร้างอาชีพ-รายได้มั่นคงสู่เกษตรกร นางจุรี ภัทรกุลนิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการผลิตข้าว กรมการข้าว เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยเกษตรกร จึงมีนโยบายสำคัญ ในการส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรมีความกินดีอยู่ดี โดยมอบหมายให้กรมการข้าว ไปดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายด้านการเกษตร ได้แก่ การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวคุณภาพ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกร สามารถผลิตข้าวคุณภาพได้ คือ การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี โดยปัจจุบันเกษตรกรมีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ดีในปริมาณจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกษตรกรมีการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เอง บางส่วนซื้อเมล็ดพันธุ์ดีจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ปีละประมาณ 3 แสนกว่าตัน นางจุรี กล่าวว่า
เกษตรอำเภอเขาย้อย ร่วมกับหน่วยงานภาคี จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เชื่อมโยงตลาดข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี 1 ระหว่างเกษตรกรกลุ่มนาแปลงใหญ่กับผู้ประกอบการโรงสีข้าว จังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้เกษตรกรขายข้าว GAP ได้ราคาสูง และสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรนาแปลงใหญ่ นางสาวสุจิรา กิจเจริญ เกษตรอำเภอเขาย้อย เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรมอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอเขาย้อย ดำเนินการส่งเสริมเกษตรกรเข้าร่วมโครงการระบบ ส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ซึ่งอำเภอเขาย้อยมีการส่งเสริมนาแปลงใหญ่ จำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย 1) กลุ่มนาแปลงใหญ่ตำบลบางเค็ม 2) กลุ่มนาแปลงใหญ่สหกรณ์ผู้ใช้น้ำดอนทราย ตำบลทับคาง 3) กลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านหนองประดู่ ตำบลหนองชุมพล พื้นที่รวม 2,479 ไร่ 3 งาน มีสมาชิกแปลงใหญ่จำนวน 170 ราย ในปี 2562 สำนักงานเกษตรอำเภอเขาย้อย ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวราชบุรี ดำเนินการประสานเชื่อมโยงการตลาดกับโรงสีทวีรวมมิตร 2 จังหวัดเพชรบุรี ในการรับซื้อข้าวเปลือกพันธุ์ปทุมธานี 1 จากสมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใ
ในปัจจุบันนี้ เป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวกันในหลายจังหวัด เพราะต้นข้าวส่วนใหญ่จะสุกและแก่พร้อมเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันเราคงจะเห็นรถเกี่ยวข้าวขนาดใหญ่วิ่งทำงานอยู่ในพื้นที่นา บางรายอาจจะเป็นการเกี่ยวข้าวของตนเอง แต่บางรายอาจจะเป็นการจ้างรถเกี่ยวข้าวเข้าไปเกี่ยวในแปลงนาของตนเอง เป็นการสะดวก รวดเร็ว ประหยัดแรงงานคนงาน เกี่ยวข้าวเสร็จแล้วก็ส่งขายให้เจ้าของโรงสีได้ทันที เกษตรกรบางรายคงอยากจะมีเครื่องเกี่ยวข้าวไว้เป็นของตนเองบ้าง แต่คงสู้ราคาไม่ไหว เพราะแต่ละเครื่องแต่ละคันจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องมีรถบรรทุก 10 ล้อ สำหรับขนส่งเคลื่อนย้ายจากบ้านไปยังแปลงนา อีกทั้งไม่มีความรู้ในเรื่องการดูแลบำรุงรักษาด้วย ยิ่งเป็นการลงทุนที่สูญเสียเปล่า ดังนั้น มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร จึงได้คิดค้นดัดแปลงเครื่องเกี่ยวนวดข้าวขนาดเล็กต้นแบบ สะดวกต่อการใช้งาน เพื่อเป็นการลดต้นทุนอย่างยั่งยืน กลุ่มเกษตรกรสามารถหาซื้อไว้ใช้บริการแก่สมาชิกได้ทุกราย หรือรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนแก่กลุ่มเกษตรกรก็จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาอีกทางหนึ่ง รศ. เสมอขวัญ ตันติกุล อ
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งจะส่งผลกระทบพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังหรือไม่นั้น ขณะนี้สมาคมฯกำลังรอว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการแถลงสถานการณ์อย่างเป็นทางการอย่างไร จำนวนปริมาณน้ำในเขื่อนแต่ละแห่งมีจำนวนเท่าใด และจะจัดสรรให้แต่ละภาคส่วนอย่างไร รวมถึงจะมีการคาดการณ์และประเมินถึงสถานการณ์ภัยแล้ง รวมถึงจะมีการประกาศพื้นที่ผลกระทบ หรือโซนนิ่งพื้นที่ทำนาปรัง พื้นที่ใดห้ามเด็ดขาด พื้นที่ใดขอความร่วมมือ หรือพื้นที่ใดอนุญาต รวมถึงแนวทางช่วยเหลือเยียวยา และข้อแนะนำส่งเสริมหากไม่สามารถทำนาได้ นายสุเทพกล่าวอีกว่า สำหรับตนมองว่า สถานการณ์ภัยแล้งอาจไม่เลวร้ายส่งผลกระทบจนหมดสิ้น เหตุเพราะว่าในช่วงหน้าร้อนหรือเมษายนเป็นช่วงที่ชาวนาหยุดทำนาปรังกันอยู่แล้ว ด้วยเพราะว่ารอบการผลิตเพาะปลูกรอบ 1 ของปีนี้ ทำกันมาแต่ปลายเดือนธันวาคม และเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปัจจุบันข้าวอายุ 2-3 เดือนแล้ว จะออกรวง และเก็บเกี่ยวก่อนสงกรานต์แน่นอน ซึ่งอาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะว่าเริ่มเป็นช่วงที่ใช้น้ำไม่มากเท่าช่วงแรก และจะมีการเพาะ
กรมการข้าว เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ซึ่งถือเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ที่มีเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศเข้ามามีส่วนร่วม โดยปัจจุบันมีจำนวนนาแปลงใหญ่ทั้งสิ้น 1,902 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 2,433,172 ไร่ เกษตรกร จำนวน 175,647 ราย ในพื้นที่ 71 จังหวัด คุณจุลมณี ไพฑูรย์เจริญลาภ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการผลิตข้าว กรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าวได้ส่งเสริมการทำนาแบบแปลงใหญ่ เพื่อต้องการให้เกษตรกรรายย่อยมารวมกลุ่มกันผลิต รวมกันขาย เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มอำนาจการต่อรอง นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวอย่างเป็นระบบและยั่งยืน จากผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน พบว่า เกษตรกรกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีความพึงพอใจในการรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้ระบบนาแปลงใหญ่ ทำให้กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้นในด้านการจัดการเพาะปลูกให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งการรวมกลุ่มทำให้เกิดประสิทธิภาพทั้งด้านการผลิต การตลาด โดยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,326 บาท ต่อไร่ โดยปีแรกเพิ่มขึ้น 115 บาท ต่อไร่ ปีที่ 2 เพิ่มขึ้น 1,211 บาท ต่อไร่ เป็นผลมาจากผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้น 17.50% ขณะที่ต้นทุนกา
นางจุลมณี ไพฑูรย์เจริญลาภ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการผลิตข้าว กรมการข้าว เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมนาแปลงใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และเพชรบุรี ว่า กรมการข้าวได้ดำเนินโครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ปี 2558-2561 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโดยการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตข้าวคุณภาพดี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มสมรรถนะในการบริหารจัดการการผลิตข้าวของชุมชนแบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิต การจัดการคุณภาพ และการจัดการด้านการตลาด เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีจำนวนนาแปลงใหญ่ที่กรมการข้าวรับผิดชอบ จำนวนทั้งสิ้น 1,902 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 2,433,172 ไร่ เกษตรกรจำนวน 175,647 ราย ในพื้นที่ 71 จังหวัด แบ่งเป็นกลุ่มต่อเนื่องปี 2558-2560 จำนวน 1,172 แปลง และกลุ่มใหม่ปี 2561 จำนวน 730 แปลง โดยกรมการข้าว ได้พัฒนาเกษตรกรเข้าสู่ระบบการผลิตข้าวที่เหมาะสมตามมาตรฐาน GAP แล้วจำนวน 854 แปลง เกษตรกร 47,700 ราย พื้นที่ 594,916 ไร่ โดยรับใบรับรองมาตรฐานแล้ว 143 แปลง และจะเข้าสู่ระบบการตรวจรับรองในฤดูกาลผลิตนี้อีก 711 แปลง ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตข้า