น้ำตาล
ชาวไร่อ้อยเฮ โรงงานน้ำตาล ประกาศรับซื้อ “ใบอ้อย” ตันละ 1,000 บาท เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล เริ่มนำร่องแล้ว โดย “กลุ่มมิตรผล” หวังแก้ปัญหาการเผาอ้อยที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ตามแผนโรดแม็ปของรัฐบาลจะไม่มีอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงานน้ำตาล ภายในปี 2565 ฝุ่น PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องมาหลายปี ทำให้ภาครัฐต้องออกมารณรงค์แก้ปัญหา โดยหนึ่งในมาตรการที่กำหนดออกมาบังคับใช้ก็คือ ลดการเผาในที่โล่ง ส่งผลให้โรงงานน้ำตาลต้องออกมาตรการจูงใจโดยให้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับซื้ออ้อยที่ตัดสดไปจนกระทั่งถึงการประกาศรับซื้อใบอ้อยตัดสด ในราคาสูงถึงตันละ 1,000 บาท นายรังสิต เฮียงราช ผู้อำนวยการ บริษัท ไทยชูการ์มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทราย 57 โรง ซึ่งบางส่วนมีโรงไฟฟ้าชีวมวลได้เริ่มมาตรการเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ต้นและซังข้าวโพด ด้วยการรับซื้อมาอัดเป็นก้อนเพื่อป้อนให้โรงไฟฟ้าชีวมวล โดยโรงงานน้ำตาลรายใหญ่ที่นำร่องไปแล้ว ได้แก่ “มิตรผล” เช่นกันกับทางไทยชูการ์ฯ ก็มีการดำเนินมาตรการนี้ด้วยการเป็นตัวแทนของ 3 สมา
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนมีนาคม 2562 ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ว่า ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย 0.18-0.59% อยู่ที่ราคา 15,574-15,638 บาท/ตัน เนื่องจากความต้องการข้าวหอมมะลิยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการเสนอราคารับซื้อในราคาที่สูง สำหรับน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาเฉลี่ยในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.20-1.00% อยู่ที่ราคา 13.39-13.50 เซนต์/ปอนด์ (9.23-9.31 บาท/กก.) เพราะการปรับขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนราคาน้ำตาลสัญญาล่วงหน้า ทำให้บราซิลนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลมากกว่าน้ำตาล ประกอบกับราคาขายน้ำตาลขั้นต่ำภายในประเทศของอินเดียที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตน้ำตาลของอินเดียเพิ่มกำลังการผลิตน้ำตาล เพื่อขายภายในประเทศมากขึ้น ทำให้การส่งออกน้ำตาลทรายลดลง ส่วน ยางพาราแผ่นดิบ ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.52-4.56% อยู่ที่ราคา 42.64-43.12 บาท/กก. เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง เพราะเข้าสู่ฤดูยาง
กระบอกไม้ไผ่ย่างไฟ ทำให้รสชาติหวาน หอม ชื่นใจ 1 ปี ทำได้เพียง 1 ครั้ง แต่เก็บไว้ขายได้นาน 2-3 ปี เลยทีเดียว สร้างรายได้เกือบ 100,000 บาท ในรอบ 45 วัน นายเยื้อน บุญฤทธิ์ อายุ 57 ปี กับ นางนงเยาว์ บุญฤทธิ์ อายุ 58 ปี สองสามีภรรยาชาวบ้านหมู่ 2 ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งยึดอาชีพทำน้ำตาลจากมาเป็น รุ่นที่ 5 หรือกว่า 70 ปีมาแล้ว ได้ละทิ้งงานประจำหันมาตัดน้ำตาลจาก ซึ่งได้จากป่าจากที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในที่ดินของตน โดยเฉพาะในห้วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี หรือประมาณ 45 วัน จะเป็นช่วงที่ต้นจากมีน้ำหวานออกมาจากลำต้น ชาวบ้านจึงใช้ตัดในส่วนของงวงต้นจากแล้วใช้กระบอกไม้ไผ่รองเอาไว้ ทิ้งไว้ 1 คืน จึงมาเก็บ นำน้ำตาลจากที่ได้ไปเคี่ยวนานประมาณ 6-7 ชม. บนเตาที่ก่อขึ้นด้วยดินเหนียวและใช้ไม้ฟืน รอจนงวดก็จะได้น้ำตาลจากที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม บรรจุขวด ขนาด 350 ซีซี ขายขวดละ 35-70 บาท หากเป็นไหจะขายไหละ 1,800 บาท สามารถเก็บไว้ได้นาน 2-3 ปี แต่หากนำมาต้มให้เดือด ประมาณ 30 นาที แล้วตักใส่ขวดขาย จะได้เป็นน้ำตาลสด ราคาขวดละ 10 บาท หากหมักไว้อีก 30 วัน จะเป็นน้ำส้มจาก ใช้แทนน้ำส้มสายชู ซึ่งน้ำตาลจากสาม
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเปิดรับซื้ออ้อยประจำฤดูการผลิตปี 2561/2562 โดยมีการประกาศราคาขั้นต้นที่ 700 บาทต่อตัน สืบเนื่องมาจากน้ำตาลในระบบของตลาดทั่วโลกมีมากเกินความต้องการ หลังจากผลผลิตน้ำตาลในหลายประเทศซึ่งเป็นคู่แข่งในการส่งออกน้ำตาลมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวย ทำให้เกษตรกรหลายรายเริ่มบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าราคาที่ได้ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น จากการลงพื้นที่สอบถามนางสมควร แก้วประกาย เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ในตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ทันทีที่โรงงานเปิดรับซื้ออ้อยก็ได้ว่าจ้างให้คนมาทำการตัดอ้อยเพื่อส่งโรงงานทันที เพราะกลัวจะตัดส่งโรงงานก่อนปิดหีบอ้อยไม่ทันจนต้องมีผลผลิตตกค้างเป็นจำนวนมาก ส่วนในด้านราคาอ้อยที่มีการประกาศล่าสุดนั้น ถือว่าลดลงกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก เมื่อรวมค่าความหวานและค่าเงินช่วยเหลือต่างๆ แล้วจะได้ราคาตันละไม่ถึงหนึ่งพันบาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เนื่องจากในการลงทุนปลูกอ้อยจะมีทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานในการตัด ค่าขนย้ายส่งโรงงาน อยากวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐให้หามาตรการในการช่วยแ
อ้อย ถือเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ในอดีตใช้ผลิตเป็นพืชอาหารคือ น้ำตาลทราย ต่อมาอ้อยมีบทบาทสำคัญในการผลิตพืชพลังงานคือ เอทานอล ผลพลอยได้นำไปใช้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ส่วนกากอ้อยใช้ผลิตไฟฟ้า มาถึงยุคอุตสาหกรรม 4.0 อ้อยและน้ำตาลกำลังปรับโฉมก้าวไปอีกขั้น ซึ่ง “อนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR กลุ่มผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมายาวนานกว่า 50 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนธุรกิจและทิศทางการลงทุนในอนาคต ทุ่ม 600 ล้าน ตั้ง “โรงรีไฟน์” เป้าหมายของแผนธุรกิจ 5 ปี ที่ผ่านมามุ่งพัฒนาเรื่องไร่อ้อยอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นคงให้วัตถุดิบหลัก คาดว่าฤดูการผลิต ปี 2560/2561 คาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบสูงถึง 3 ล้านตันอ้อย คิดเป็นปริมาณน้ำตาล 350,000-360,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิต ปี 2559/2560 อยู่ที่ 2.9 ล้านตันอ้อย ปัจจุบัน มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ร่วมกับโรงน้ำตาลบุรีรัมย์ 15,000 ครอบครัว บนพื้นที่ 250,000 ไร่ เป็นเกษตรกรรายย่อยมีพื้นที่ปลูกเฉลี่ย 20 ไร่ ต่อครัวเรือน กลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ถือว่ามีความโดดเด่นด
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุน 393.75 ล้านบาท ในธุรกิจน้ำตาลทรายของ บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (BSF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพิ่มกำลังการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) สูงสุด 1,200 ตัน ต่อวัน คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรได้ทันฤดูการผลิต ปี 2561/62 นอกจากนี้ ได้ลงทุนอีก 185.72 ล้านบาท ติดตั้งชุดหม้อต้มเพื่อประหยัดการใช้ไอน้ำของโรงงานแห่งนี้ สามารถรองรับปริมาณอ้อยเข้าหีบเพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายและกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจของบริษัทในการขยายการลงทุนเพื่อสร้างความเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว นายอนันต์ กล่าวถึงสถานการณ์หีบอ้อยประจำฤดูการผลิต ปี 2560/61 ว่าตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2560-8 เมษายน 2561 โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบแล้ว 124.09 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลปีก่อนมีอ้อยเข้าหีบ 92.76 ล้านตัน และคาดว่าตลอดฤดูกาลจะมีอ้อยเข้าหีบสูงถึง 130 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณฝนเพียงพอต่อการเติบโตของต้นอ้อย
ไทยเฮ!! บราซิลยุติการตั้งคณะพิจารณากรณีระงับข้อพิพาทน้ำตาลไทย ต่อ WTO พร้อมขอร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลกับไทย รายงานข่าวอุตสาหกรรม ระบุว่า นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้ประสานกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้รับทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า บราซิลได้ระงับการยื่นขอตั้งผู้พิพากษา (Panel) เพื่อพิจารณาต่อไทยภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) กรณีไทยอุดหนุนอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย จนกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลทรายโลก (Thailand Subsidies concerning Sugar) แล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 เนื่องจากไทยได้มีการดำเนินการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยได้มีการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามกลไกของตลาด การยกเลิกการกำหนดโควต้าน้ำตาลทราย และให้มีการสำรองน้ำตาลทรายตามปริมาณสำรองที่กำหนด (Reserve Stock) เพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยบราซิลได้เห็นถึงความจริงใจต่อการดำเนินการของไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องตามข้อตกลงทางการค้าเสรีภายใต้ข้อกำหนดของ WTO จึงได้แจ้งระงับการยื่นขอตั้งผู้พิพากษาจนกว่าไทยจะได้ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 มีนาคม 61) บริษัท ไอเอสอีที (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทที่ปรึกษา) ที่ได้รับมอบหมายจาก บริษัท วิวรรธน์การเกษตร จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ นำเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการพิจารณาให้ความเห็นตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ก่อนดำเนินโครงการต่อไป โดยได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่อยู่ในรัศมี 5 กม. จากจุดตั้งโครงการ ที่ครอบคลุมในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.จุมพล และ ต.กุดบง ในเขต อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ครั้งที่ 1 ต่อร่างข้อเสนอโครงการและขอบเขตการศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงงานผลิตน้ำตาลทราย 20,000 ตันอ้อย/วัน ขึ้น โดยระยะเวลาในการศึกษาโครงการ ประมาณ 2 ปี หากได้รับอนุญาตจึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ ช่วงเช้าเริ่มขึ้นเวลา 09.10 น. จัดที่ศาลาวัดจอมนาง ต.จุมพล อ.โพนพิสัย มี นายปิยะ ปิจนำ นายอำเภอโพนพิสัย เป็นประธานพิธีเปิด ส่วนในช่วงบ่ายจัดขึ้นที่ห้องประชุม อบต. กุดบง ต.กุดบง อ.โพนพิสัย มีนายกิตติวัฒน์ ธนพัฒน์ไพบูล
โรงงานน้ำตาล ยันรับผลผลิตอ้อยทุกต้นเข้าหีบ แต่เร่งให้ทันก่อนสงกรานต์ ก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝน นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า โรงงานน้ำตาลทรายทั่วประเทศทั้ง 54 โรง ขอให้ความมั่นใจแก่ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศว่า ทุกโรงงานจะยังไม่มีการปิดรับผลผลิตอ้อยทุกตันของชาวไร่อ้อยคู่สัญญาเข้าหีบที่ยังตกค้าง แม้ปีนี้จะคาดการณ์ว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยจะสูงกว่าฤดูปีที่ผ่านมา แต่ทางโรงงานน้ำตาลทุกแห่งได้เตรียมความพร้อมในการหีบอ้อยเพื่อรองรับผลผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว โดยโรงงานทุกแห่งมีเป้าหมายดำเนินการหีบอ้อยให้แล้วเสร็จ ก่อนเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ หรือก่อนเข้าสู่ฤดูฝนในปีนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีแรงงานตัดอ้อย อีกทั้งหากเข้าสู่ช่วงฤดูฝน จะทำให้รถบรรทุกและรถตัดอ้อยเข้าไปจัดเก็บผลผลิตยาก และอ้อยจะมีสิ่งปนเปื้อนเพิ่มขึ้น มีผลให้ประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานลดลง และทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ลดลงตามไปด้วย ส่วนการประกาศปิดหีบอ้อยประจำฤดูการผลิตปี 2560/61 นั้น ทางโรงงานน้ำตาลทรายทุกแห่งยืนยันว่าจะต้องได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและ
ท่ามกลางความสับสนหลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจใช้ มาตรา 44 ปล่อยลอยตัวราคาน้ำตาลภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งชาวไร่อ้อย-โรงงานน้ำตาล ตลอดจนถึง ผู้บริโภค จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) Q : ใช้ ม.44 ลอยตัวน้ำตาล ถ้าดูประกาศ จะบอกว่าใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ไป “ยกเว้น” การบังคับใช้ มาตรา 17(18) ของ พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งหลัก ๆ คือกระบวนการกำหนดราคาน้ำตาลทรายที่ใช้บริโภคภายในประเทศ ม.44 ไปยกเลิกตรงนั้น ไปหยุดกระบวนการที่เคยใช้อยู่ แต่ม.44 ไม่ได้บอกชัดเจนว่า จะใช้อะไรต่อไป เท่าที่ผมอ่านประกาศอีก 5 ฉบับที่ออกตามมาในราชกิจจาฯ ก็พบความชัดเจนเพียงแค่ 2 เรื่องคือ 1) หลังลอยตัวราคาแล้วให้โรงงานน้ำตาลสต๊อกน้ำตาลทรายเอาไว้ในปริมาณเท่ากับการบริโภคภายในประเทศ 1 เดือน กับ 2)ให้โรงงานส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลเท่ากับส่วนต่างของราคาขายส่งหน้าโรงงานกับราคาตลาดโลก ส่วนกฎเกณฑ์อื่น ๆ จะออกประกาศตามมา อะไรที่ยังไม่มีประกาศก็ใช้ตามของเก่าไปก่อน ซึ่งวิธ