น้ำมันปาล์ม
มาตรฐาน ‘RSPO’ ยกระดับผู้ผลิตปาล์มน้ำมันไทยสู่มาตรฐานสากล ตอกย้ำเกษตรกรสวนปาล์มกว่า 5 ล้านไร่ สร้างผลผลิตที่ยั่งยืน น้ำมันปาล์มเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่เราใช้ในชีวิตประจำวันทั้งอุปโภคและบริโภค ดังนั้น การผลิตน้ำมันปาล์มให้เกิด ‘ความยั่งยืน’ จึงเป็นแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก และในประเทศไทยก็เช่นกัน ซึ่งน้ำมันปาล์มเป็นพืชน้ำมันที่มีความสำคัญชนิดหนึ่งของโลก โดยประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้เอง และปลูกปาล์มมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งมีพื้นที่ในการปลูกปาล์มมากกว่า 5 ล้านไร่ ทั้งยังมีแนวโน้มในการใช้น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศสูงขึ้นทุกปี สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากเราจะใช้ในการบริโภคในชีวิตประจำวันแล้ว ยังนำไปใช้ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องสำอาง และต่อยอดไปอีกในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ เรียกได้ว่า ตื่นเช้ามาทุกคนจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม ตั้งแต่สบู่ ยาสีฟัน แชมพู และเครื่องสำอางที่ใช้ทุกวัน หรือขนมขบเคี้ยวและของทอด ก็อาจมีน้ำมันปาล์มเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ยังไม่นับการนำน้ำมันปาล์มไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารอีกหลายอย่าง ไม่ว่
ชาวสวนปาล์มน้ำมัน 4 ภาคประสานเสียงชู “น้าสน” ขวัญใจเกษตรกรคนจน ชี้ผลักดันนโยบายส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ส่งผลดีต่อราคาปาล์มน้ำมันไต่ระดับขึ้นทุกวัน 10-20 สตางค์ ได้ใจชาวสวนไปเต็มๆ พร้อมฝากรัฐบาลดูแลเสถียรภาพราคาให้สดใสตลอดฤดูใหม่ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.นี้ และเข้มงวดตรวจสอบสต็อกหวั่นพ่อค้าหัวหมอกักตุนแล้วอ้างเหตุนำเข้าทุบราคาร่วง ส่วนระยะยาวขอให้คุมเข้มพื้นที่เพาะปลูก เพราะเกรงว่าเกษตรกรจะโค่นพืชเกษตรชนิดอื่นทิ้งแล้วเฮโลมาปลูกปาล์มกันทั้งประเทศ นางจุติมา เจือกโว้น ผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันในจังหวัดตรังได้ปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในสวนปาล์มของตนที่มีอยู่จำนวน 100 ไร่ ก็ยังพอมีปาล์มขายอยู่บ้างนิดหน่อย ไม่มาก ตัดขายอยู่ที่ 7 บาทกว่าต่อกิโลกรัม เพิ่มสูงขึ้นจาก 1- 2 เดือนก่อนอยู่ 2 บาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนของเกษตรกรอยู่ที่ 3.80 บาทต่อกิโลกรัม ก็ถือว่าเกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ก็ดีกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ปาล์มราคาตกต่ำ ทำให้ชาวสวนปาล์มต่างประสบปัญหาขาดทุนกันถ้วนหน้า “ร
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า เอกชนในจังหวัดชุมพรเตรียมร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรในสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มและโรงงานบรรจุขวด พร้อมจัดหาพื้นที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มของ จ.ชุมพร ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะมีการร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรในสาธารณรัฐประชาชนจีน และจะไม่มีการจำกัดโควต้า รวมทั้งยังมีการลดภาษีนำเข้า ถือเป็นการเพิ่มตลาดเพื่อระบายน้ำมันปาล์มดิบจากชุมพรและจังหวัดข้างเคียง ไปสู่ตลาดใหญ่ในมณฑลและจังหวัดต่างๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน “มั่นใจว่าความร่วมมือจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มของจังหวัดชุมพรและในประเทศสูงขึ้น”นายณรงค์กล่าว
เกษตรฯ เดินหน้าผลิตปาล์มน้ำมัน-น้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน ยกระดับมาตรฐานลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม รองรับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ เสริมแกร่งสินค้าอาเซียน เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลก นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดโลกมีความต้องการน้ำมันปาล์มที่ผลิตอย่างมีคุณภาพมาตรฐานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ทั้งการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร พลังงานทดแทนและต่อยอดการผลิตในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ (โอลิโอเคมิคอล) ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันอันดับ 3 ของโลก จึงมีการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ และคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติต้องการผลักดันให้ไทยมีมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันที่เป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับน้ำมันปาล์มของไทยในเวทีการค้าโลกและป้องกันปัญหามาตรการกีดกันทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบหมายให้ มกอช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำร่างมาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่อง “หลักการผลิตปาล์ม
“น้ำมันปาล์ม” นิยมใช้ในการทอดอาหารถึง 70% ของน้ำมันบริโภคทั้งหมด น้ำมันปาล์มผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบซึ่งมีสีส้มแดงของสารแคโรทีนอยด์ที่เป็นองค์ประกอบ กระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มต้องกำจัดแคโรทีนอยด์ออกเพื่อให้น้ำมันมีสีอ่อนใส ทำให้คุณค่าของน้ำมันปาล์มลดลงอย่างมาก เนื่องจากแคโรทีนอยด์เป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งไทยต้องนำเข้าแคโรทีนอยด์จากต่างประเทศ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง แคโรทีนอยด์ที่มีบีตาแคโรทีนเป็นองค์ประกอบสูง มีราคากิโลกรัมละหลายหมื่นบาท หากนำน้ำมันปาล์มดิบมาแยกแคโรทีนอยด์ออกก่อนที่จะนำไปผลิตน้ำมันปาล์มบริโภค หรือไบโอดีเซล จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้น้ำมันปาล์มดิบที่สูงมาก แต่เทคโนโลยีการผลิตแคโรทีนอยด์ยังเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศ และซับซ้อน จึงไม่เหมาะกับไทย รศ.พัชรินทร์ ระวียัน คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า คณะอุตสาหกรรมเกษตร จึงจัดโครงการวิจัยการสร้าง “เครื่องต้นแบบระดับโรงงานเพื่อผลิตแคโรทีนอยด์เข้มข้นจากน้ำมันปาล์มดิบ” ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ผลผลิตปาล์มที่ล้นตลาดทำให้ราคาตกต่ำ บริษัทฯ มีนโยบายให้บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือและเป็นผู้ผลิตไบโอดีเซล บี100 เพิ่มสำรองน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในภาวะที่ราคาผลปาล์มตกต่ำ และจะได้ช่วยกระตุ้นราคาผลผลิตปาล์มให้ดีขึ้น ตามนโยบายของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด มีกำลังการผลิต 810,000 ลิตรต่อวัน มีปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบ 20,000 ตันต่อเดือน และจะเพิ่มปริมาณสำรองอีก 10,000 ตัน ทั้งนี้ได้เริ่มดำเนินการรับซื้อมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม คาดว่าจะสามารถรับซื้อได้ครบตามเป้าหมายภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับปัจจุบันสต็อคน้ำมันปาล์มดิบในตลาดมีมากกว่า 4 แสนตัน จากปกติมี 2 แสนตัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลง จากต้นเดือนพฤษภาคมราคาอยู่ที่ 27 บาทต่อกิโลก
“น้ำมันปาล์ม” เป็นน้ำมันพืชอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในบ้านเรา เนื่องจากมีราคาไม่แพงมากนัก ทนความร้อนได้สูง ไม่เกิดควันเมื่อผัด ทอด หรือปรุงอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูง ทอดอาการได้กรอบนาน ไม่เกิดกลิ่นหืนง่าย มีกรดไขมันอิ่มตัวมากกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น กระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มบริโภค หรือที่เรียกว่าน้ำมันปาล์มโอเลอีน มีขั้นตอนการทำให้น้ำมันปาล์มดิบบริสุทธิ์เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีสีเหลืองใส และไม่เกิดการตกตะกอนเมื่อตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งกระบวนการผลิตดังกล่าวทำให้ปริมาณสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่มีอยู่ในน้ำมันปาล์มดิบลดลงไปอย่างมาก เช่น แคโรทีนอยด์ลดลงจาก 6,000-8,000 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม เหลือ 600-700 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม วิตามินอีลดลงจาก 600-1,000 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม เหลือ 500-800 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม และสารโคเอ็นไซม์คิวเท็นลดลงจาก 10-80 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม เหลือ 10-20 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม เป็นต้น การคงสารอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้ไว้สามารถทำได้ โดยผลิต “น้ำมันปาล์มแดง” ซึ่งเป็นน้ำมันเพื่อสุขภาพชนิดใหม่ ที่ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย น้ำมันปาล์มแดงเป็นผลิตภัณฑ์
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายนได้ลงนามประกาศธพ.เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซลโดยกำหนดให้ปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล(บี100)ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากเดิม 5% หรือบี 5 เป็น เป็น 7 % หรือบี 7 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วัตถุดิบปาล์มในประเทศโดยประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 พฤษภาคม 2560 เป็นต้นไปเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีเวลาเตรียมตัว ” ก่อนหน้านี้ทางตัวแทนเกษตรกรได้หารือเพื่อต้องการให้เพิ่มสัดส่วนเป็นบี 7 ในการดูดซับน้ำมันปาล์มที่เริ่มล้นตลาดเพื่อแก้ไขราคาผลปาล์มดิบตกต่ำ แต่กระทรวงพลังงานขอให้ทางกระทรวงพาณิย์ส่งตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันปาล์มของประเทศมาให้ก่อนเพื่อความชัดเจน ซึ่งหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ส่งตัวเลขมาจึงได้ประกาศเพิ่ม ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาบี100ที่จะผสมในดีเซลขณะนี้มีราคาต่ำ”นายวิฑูรย์กล่าว สำหรับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบขณะนี้เฉลี่ยอยู่ระดับ 2.5-2.8 แสนตัน สูงกว่าสต็อกเพื่อความมั่นคงที่ประเมินว่าไม่ควรต่ำกว่า 2 แสนตัน ขณะที่ราคาผลปาล์มดิบที่เกษตรกรจำหน่ายอยู่ที่
นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในขณะนี้ราคาปาล์มปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 5 บาทกว่าๆ ถือเป็นราคาเหมาะสมที่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มอยู่ได้ และปัจจุบันไม่มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม สภาเกษตรกรฯได้ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เพื่อยกร่างแผนปฏิรูปปาล์มทั้งระบบระยะเวลา 20 ปี เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในระยะยาว โดยกำหนดช่วงแรกปี 2560 – 2565 ในเวลา 5 ปีจะส่งเสริมให้เกษตรกรปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้มีผลผลิตต่อไร่มากขึ้น และขอเรียกร้องให้กระบวนการในระบบปาล์มน้ำมันทั้งหมดในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นตัวเกษตรกร โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม โรงงานผลิตไบโอดีเซลปรับตัวเพื่อนำปาล์มน้ำมันเข้าสู่มาตรฐานสากล นั่นหมายถึงว่าหลังจากปี 2565 เราจะนำปาล์มน้ำมันของประเทศไทยออกสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำปาล์มน้ำมันของเกษตรกรเข้าสู่โรงงาน ต้องอย่ามีปาล์มดิบ ปาล์มบ่ม ปาล์มรดน้ำ เพื่อยกระดับเปอร์เซ็นต์ปาล์มให้สูงขึ้น ซึ่งในแผนปฏิรูปป
“เป้าหมายสูงสุด” ของอินโดนีเซีย คือ การก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ประเทศของโลกที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด โดยมุ่งมั่นจะสำเร็จภายในปี 2568 และขยับขึ้นติดอันดับ 1 ใน 6 ของโลกในปี 2593 ด้วยปัจจัยบวกของความหลากหลายในการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ และเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งครองตำแหน่งผู้ผลิตและส่งออกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกมานาน โดยเฉพาะ “น้ำมันปาล์ม” สินค้าหลักที่ดันให้อินโดนีเซียอยู่ในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก รองมาคือ “โกโก้และดีบุก” ที่ยืนในตำแหน่งผู้ผลิตอันดับสอง รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ เช่น นิกเกิลและอะลูมิเนียม ที่มีมากเป็นอันดับ 4 และ 7 ของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการผลิตเหล็ก ทองแดง และประมงด้วยจากปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ ทำให้รัฐบาลวางแผนแม่บทเพื่อมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ 15 ปี ระหว่างปี 2554-2568 ภายใต้ชื่อ “MP3EI” โดยเน้นโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 8 ด้าน คือ การเกษตร เหมืองแร่ พลังงาน อุตสาหกรรม ประมง ท่องเที่ยว การสื่อสาร และการพัฒนาพื้นที่สำคัญ ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด 22 อุตสาหกรรม เช่น อุตสา