ปลาสลิด
พูดถึง “ปลาสลิด” 🐟 หลายคนคงนึกถึงบางบ่อ แต่รู้ไหมว่า 📍“บ้านแพ้ว” ตอนนี้ขึ้นแท่นแหล่งเลี้ยงปลาสลิดที่ใหญ่ที่สุด และถ้าได้เห็นกรรมวิธีการผลิตของ “ปลาสลิดเกษตรพัฒนา” บอกเลยว่าต้องอยากซื้อแน่นอน❗️ เพราะใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่เลี้ยงจนถึงมือผู้บริโภค ได้ปลาสลิดสด คุณภาพ ได้มาตรฐาน อย. รับรองถูกใจสายกิน 😍 👩🏻🌾 คุณยุ้ย-อุมารินทร์ เกตพูลทอง รองประธานวิสาหกิจชุมชน ปลาสลิดเกษตรพัฒนา จากอดีตพนักงานประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล สู่เส้นทางใหม่ที่ไม่ธรรมดา ผันตัวมาพัฒนา “ปลาสลิด” ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน คุณยุ้ยเล่าความหลังว่า “เมื่อก่อนไม่ทานปลาสลิดเลย เวลาเห็นปลาสลิดในตลาดวางบนกระด้ง มีแมลงวันบินว่อน บางครั้งก็เห็นไข่แมลงวันเกาะอยู่บนตัวปลา ทำให้ไม่กล้ากินตั้งแต่นั้นมา แต่พอกลับมาช่วยที่บ้านที่เลี้ยงปลาสลิด เลยคิดว่า ถ้าเราทำให้ปลาสลิดของเรา สด สะอาด และปลอดภัย ได้ มันต้องเปลี่ยนความรู้สึกคนกินได้แน่ๆ นี่แหละค่ะ จุดเริ่มต้นของกระบวนการผลิตปลาสลิดที่เราภูมิใจ” 📌หากท่านไหนสนใจและอยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเลี้ยง การแปรรูปปลาสลิด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้
“ปลาสลิด” เป็นปลาน้ำจืดพื้นบ้านของประเทศไทย ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ในลุ่มภาคกลาง มีรูปร่างลักษณะคล้ายปลากระดี่หม้อแต่ขนาดโตกว่า ปัจจุบันปลาชนิดนนี้เป็นที่นิยมรับประทาน ในรูปของปลาสลิดแดดเดียว ซึ่งแหล่งผลิตและแปรรูปที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก คือ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ คุณประวิง แดงโชติ ชาวตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เป็นคนที่รักในอาชีพเกษตรกรรม พยายามพัฒนารูปแบบการทำการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงปลา ซึ่งหลังจากออกมาสร้างครอบครัว คุณประวิงได้มายึดอาชีพ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ คุณประวิง เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นคนชอบที่ชอบจับสัตว์น้ำ แต่ละวันจะออกไปจับสัตว์น้ำตามแม่น้ำและคลองต่างๆ ขึ้นมาจำหน่ายและนำมาปรุงเป็นอาหาร ซึ่งแต่ละครั้งการออกไปจับสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ค่อนข้างที่จะเหนื่อยและลำบาก ตนจึงมีแนวความคิดที่จะเลี้ยงเองโดยที่ไม่ต้องไปรบกวนสัตว์น้ำธรรมชาติที่นับวันจะยิ่งลดน้อยลงไป “ด้วยสภาพแวดล้อมและพื้นที่ที่ผมมีอยู่เพียง 2 ไร่ จะเลี้ยงใหญ่ๆ แบบคนอื่นเขาก็ยาก อีกอย่างเงินลงทุนก็มีไม่มากพอ แรกๆ ผมเลยเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก แต่ก็เลี้ยงมาได้ระยะหนึ่
เกษตรกรปราดเปรื่อง ด้านปลาสลิด คุณปัญญา โตกทอง ชาวตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับการยกย่องให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (smart farmer) ในเรื่องของการเลี้ยงปลาสลิดด้วยงานวิจัย เป็นเกษตรกรตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในเรื่องประสิทธิภาพการผลิตและผลตอบ แทนจากการผลิตสูง คุณปัญญา เกิดและเติบโตในครอบครัวเกษตรกร เรียนจบแค่ ป.4 พ่อแม่เลี้ยงกุ้งในนาเป็นอาชีพ สมัยเด็กๆ ก็เคยช่วยพ่อแม่เลี้ยงกุ้ง หลังแต่งงาน ก็แยกตัวออกมาทำกิจการนากุ้งเป็นของตัวเอง แต่เจอปัญหาอุปสรรคบางประการทำให้ต้องหยุดการเลี้ยงกุ้งช่วงหนึ่ง ช่วงประมาณปี 2537 คุณปัญญาเห็นเพื่อนบ้านเลี้ยงปลาสลิดในพื้นที่นาข้าวได้ผลกำไรงาม จึงตัดสินใจเลี้ยงปลาสลิดบนเนื้อที่ 30 กว่าไร่ เนื่องจากอ่อนประสบการณ์ทำให้ประสบปัญหาทุนหายกำไรหด ปีแรกมีรายได้เลี้ยงครอบครัวเพียงแค่ 50,000 บาทเท่านั้น 01 เดิมทีคุณปัญญาและเกษตรกรในชุมชนแห่งนี้เลี้ยงปลาแบบปล่อยตามธรรมชาติ ไม่มีการจดบันทึก ไม่มีเทคนิคการเลี้ยงที่เป็นแบบแผน แต่ภายหลังพวกเขาได้รับการอบรมด้านงานวิจัยประมง จึงได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวมาปรับใช้ในอาชีพการเลี้ยงปลา คุณปัญญานำเทคนิคการจดบัน
“ปลาสลิด” เป็นหนึ่งในบรรดาอาหารประเภทปลาที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เพราะเมื่อเปิดดูตำราอาหารแล้วพบว่าปลาสลิดสามารถนำมาเป็นอาหารทั้งชนิดทอด ผัด แกง น้ำพริก หรือดัดแปลงเป็นอาหารสากลรวมแล้วได้เป็นร้อยเมนู อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ถือแหล่งผลิตปลาสลิดที่รู้จักกันช้านาน ต่อมาได้ขยายไปอีกหลายจังหวัดในเขตภาคกลาง ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อปลาสลิดได้หลายแห่ง ถึงแม้ทุกวันนี้จะหาซื้อปลาสลิดได้ไม่ยาก แต่มีความสะดวกสบายอีกระดับเมื่อทันทีที่คุณนึกต้องการรับประทานปลาสลิดสามารถซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อชื่อดังใกล้บ้าน “ติ๋ม ปลาสลิด” (TIM PLA SALID) เป็นธุรกิจแปรรูปปลาสลิดและปลาแห้งอื่นจากโรงงานมาตรฐาน ถูกหลักอนามัย มีความปลอดภัย รสชาติหอม อร่อย เค็มน้อย ได้รับรองจาก อย. และฮาลาล โดยส่งขาย เซเว่นอีเลฟเว่น และห้างโมเดิร์นเทรด คุณเบญจางค์ จงจิตต์ หรือ คุณก๊อป เจ้าของแบรนด์ ติ๋ม ปลาสลิด (TIM PLA SALID) มาจับอาชีพนี้ต่อจากคุณแม่ พร้อมกับพัฒนาอาชีพที่ละก้าวอย่างเป็นขั้นตอน จากแผงค้าในตลาดสด สู่ร้านขายปลาสลิด มีลูกค้าอุดหนุนมากมาย เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าสินค้ามีคุณภาพ มีรสชาติถูกปากจนได้รับค
กรมประมง…เร่งยกระดับผลผลิต “ปลาสลิด” ปลาน้ำจืดเศรษฐกิจของไทยให้คงไว้ซึ่งคุณภาพ โดยวางแนวทางในการบริหารจัดการพันธุกรรม เพื่อประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ควบคู่กับการอนุรักษ์สายพันธุ์พื้นเมืองตามหลักพันธุศาสตร์ เพื่อฟื้นฟูประชากรปลาสลิดในธรรมชาติให้คงความอุดมสมบูรณ์สืบไป นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปลาสลิด” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trichopodus pectoralis Regan, 1910 เป็นปลาน้ำจืดพื้นถิ่นของไทย พบแหล่งอาศัยแพร่กระจายทั่วประเทศ โดยมีแหล่งเพาะเลี้ยงสำคัญอยู่ที่ราบลุ่มทางภาคกลาง ปลาสลิดเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่มักจะถูกแปรรูปเป็นปลาแห้ง ปลาเค็ม และปลาแดดเดียว จำหน่ายในราคาสูงถึง 160-350 บาท/กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปเป็นปลาสลิดไร้ก้างพร้อมรับประทานราคาสูง ซึ่งนับว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปลาน้ำจืดชนิดอื่น โดยจากข้อมูลผลผลิตสัตว์น้ำจืดของกรมประมง ในปี พ.ศ. 2565 ไทยมีผลผลิตปลาสลิดถึง 9,550 ตัน คิดเป็นมูลค่า 621.480 ล้านบาท แต่ด้วยการเลี้ยงปลาสลิดที
คุณวิรัตน์ คงหวัง อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 2 ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพยอม จังหวัดพัทลุง เป็นเกษตรกรผู้เห็นช่องทางการสร้างรายได้ โดยที่ไม่ยึดติดกับการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมากเกินไป โดยได้มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนมาปรับเปลี่ยนทำประมง เพื่อให้มีรายได้หลากหลายช่องทาง จึงทำให้สิ่งที่ทำจากที่คิดจะทำเป็นอาชีพเสริมกลับมีรายได้ให้กับเขาได้อย่างดี เมื่อเทียบกับการทำงานประจำกันเลยทีเดียว ทำประมงเสริมรายได้ คุณวิรัตน์ คงหวัง เล่าให้ฟังว่า เดิมมีอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรอยู่แล้ว คือปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อส่งขายให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงโค แพะ และแกะ พร้อมทั้งมีรายได้บางส่วนเกิดจากการค้าขายทั่วไป ต่อมาจึงรู้สึกว่าอยากแบ่งพื้นที่บางส่วนบริเวณบ้านให้เกิดประโยชน์ โดยที่ไม่ยึดติดการเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมากเกินไป จึงได้มีแนวความคิดแบ่งพื้นที่บางส่วนขุดเป็นบ่อเพื่อเลี้ยงสัตว์น้ำเสริมรายได้เข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง “ผมมองไปถึงอนาคตข้างหน้าว่า ถ้าเราทำอาชีพเกษตรกรรม ที่เป็นเชิงเดี่ยวมากเกินไป ก็จะทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงมากในเรื่องราคา ก็เลยมองว่าน่าจะหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย ทีนี้เราก็มองว่าน่าจะทำประมง เพราะจะเป็นสิ่งที่เราคิดไว้แ
อาหารไทยโบราณนั้นมีมากมายหลายๆ เมนู นับเฉพาะต้มๆ แกงๆ ก็มีมากจนนับแทบไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นต้มยำ ต้มส้ม ต้มเปรอะ ต้มจืด แกงคั่ว แกงเผ็ด ต้มเปรต และอื่นๆ อีกมากมายเลยทีเดียว แต่พอมาถึงทุกวันนี้อาหารไทยบางชนิดก็ไม่ค่อยมีใครทำกินหรือทำขายกันแล้ว จึงทำให้ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก อย่างเช่น อาหารประเภท ต้มกะทิ ที่จะได้นำเสนอในฉบับนี้ ต้มกะทิ เป็นอาหารโบราณประเภทหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ เครื่องปรุงก็มีไม่มากอย่าง สำหรับเรื่องรสชาติก็มีครบรสแบบอาหารพื้นบ้านไทยๆ เช่น รสหวานจากกะทิ และน้ำตาลปี๊บ รสเค็มจากเครื่องปรุง ที่เป็นส่วนประกอบในการทำ ซึ่งอาจได้จากของที่มีติดครัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ที่ทำเค็มหรือดองไว้แล้ว ได้รสเปรี้ยวจากมะขามเปียกยืนพื้น และบางสูตรอาจจะใส่ยอดมะขามอ่อน มะดัน หรือน้ำมะนาว ก็จะทำให้เราได้รสเปรี้ยวที่แตกต่างกันออกไป ในสำรับอาหารของคนโบราณสมัยก่อน ท่านมักกินต้มกะทิเป็น เครื่องเคียง กับ กับข้าวหลัก เช่น จัดเคียงกับ ผัดเผ็ด เพื่อให้รสเค็ม หวาน และเปรี้ยวๆ นั้นไปช่วยแก้ความเผ็ดร้อนลงได้บ้าง ตามตำราโบราณบอกว่า ต้มกะทิ นั้นมี 2 แบบ คือ ต้มกะทิแบบน้ำขลุกขลิก สำหรับส่วนผ
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักและคิดถึงยิ่ง หนึ่งเดือนเรามาพบกันหนึ่งครั้ง มีเรื่องราวมากมายอยากเล่าอยากบอก แม้สถานการณ์ปัจจุบันจะไม่ตอบสนองให้เราทำอะไรได้มากก็ตาม ผู้คนหลากหลายอาชีพที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามความจำเป็น บ้างเปลี่ยนอาชีพ บ้างทำอะไรไม่ถูก บ้างก็รอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งทั้งหมดมิใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะโลกเรากำลังประสบกับวิกฤตของโรคอุบัติใหม่ ต้องหาทางแก้ไขและป้องกันต่อไป เรียกว่าเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้อยู่ร่วมกับโรคร้ายนี้ไปให้ได้นั่นเอง มาถึงวันนี้ มีการเอ่ยถึงการกลายพันธุ์ไปเป็นอีกหลายชื่อ แต่ที่มาแรงกว่าใครก็คือ โอมิครอน ทำเอาโลกต้องหยุดกิจกรรมกันอีกครั้ง แต่มีอาชีพหนึ่งที่เติบโตสวนกระแส นั่นคือเกษตร ใครจะอย่างไรก็ตาม เกษตรกรคือผู้สร้างอาหารป้อนคนทุกสาขาอาชีพ เมื่อคนยังกินก็ต้องพึ่งอาชีพนี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่มิใช่เพียงเรื่องอาหารเพื่อให้กินอิ่มเท่านั้น อาหารตา อาหารใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งในอาชีพเกษตรเช่นกัน เราจะเห็นได้ว่าการซื้อขายในตลาดออนไลน์มีมากขึ้น ส่วนมากหรือเกินครึ่งล้วนเป็นสินค้ามาจากอาชีพเกษตร ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป พืชผัก ผลไม้ กระทั่งต้นกล้า เ
ฉบับนี้ผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่าง ที่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในตัวทุกคนนั้นสามารถทำอะไรได้หลากหลาย เพียงแค่ในแต่ละคนจะเสาะแสวงหาความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวออกมาได้มากเท่าไร ยกตัวอย่างบุคคลท่านนี้ ที่เขาไม่หยุดนิ่งในการค้นหาคำตอบของชีวิต และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า 1 คน ไม่จำเป็นต้องทำแค่ 1 อาชีพ แต่ทุกคนสามารถทำอาชีพหลักควบคู่ไปกับการทำอาชีพเสริมที่ใฝ่ฝันได้ และหากจะเอ่ยถึง พี่หมอ หรือ คุณธีรเมศร์ ธีระชวัลพงศ์ ทุกคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร แต่เชื่อว่าหากท่านเป็นคนรักรถและชื่นชอบการดูหนังประวัติศาสตร์ จะต้องรู้จักพี่หมอเป็นอย่างดี เพราะพี่หมอคนนี้มีอาชีพเป็นนักแสดง ซึ่งผลงานการแสดงล่าสุดของพี่หมอคือเรื่อง 400 นักรบขุนรองปลัดชู และละครทางช่อง 7 HD เรื่องสมบัติมหาเฮง พี่หมอยังรับบทบาทในการเป็นพิธีกรรายการ DR.CAR ออกอากาศที่ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ฮั่นแน่หลายท่านคงอยากทราบกันแล้วใช่ไหมว่าพี่หมอทำงานโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอยู่ดีๆ กลายมาเป็นคนแปรรูปปลาสลิดแดดเดียวขายได้อย่างไร ตามมาหาคำตอบกัน คุณธีรเมศร์ ธีระชวัลพงศ์ หรือ พี่หมอ DR.CAR หรือที่รู้จักกันดีในบท
ปลาสลิดบางบ่อ สมุทรปราการ ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาสลิดที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่หอมนุ่ม-กรอบใน จึงเป็นกับข้าวคู่คนไทยมาช้านาน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ให้ทุนทำวิจัยในโครงการ การพัฒนาช่องทางการตลาดต่างประเทศ เพื่อส่งออกปลาสลิดแปรรูป จังหวัดสมุทรปราการ ทางท่าเทียบเรือเชียงแสนสู่จีนตอนใต้ ด้วยกระบวนการสื่อสารแบบมีส่วนร่วม ได้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรัญญ์ทิตา ชนะชัยภูวพัฒน์ รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับบุคลากรมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ หาช่องทางช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงและผู้แปรรูปปลาสลิด ส่งออกปลาสลิดไปขายที่ประเทศจีนที่ถือเป็นตลาดใหญ่ ด้วยยี่ห้อปลาสลิดบางบ่อคงไม่ต้องบรรยายถึงความอร่อยถูกปากถูกคอคนไทย แต่ถ้าจะส่งไปไกลให้ต่างชาติลิ้มลองคงต้องจับอาบน้ำแต่งตัวกันเสียใหม่ ผศ.ดร.ศรัญญ์ทิตา ให้นักศึกษาร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้น ที่สำคัญต้องดูดี สะอาด น่ารับประทาน และนอกจากนี้ ยังได้แนะวิธีการทำปลาสลิดแปรรูปในลักษณะต่างๆ เพื่อให้มีตัวเลือกในตลาดมากยิ่งขึ