พริก
จากการสํารวจข้อมูลของผู้รับซื้อพริกในเว็บไซต์ต่างๆ พบว่า มีการประกาศรับซื้อพริกกันอย่างหลากหลาย แต่เมื่อสรุปประเด็นออกมาในแต่ละสายพันธุ์แล้วพบว่า มีสายพันธุ์พริกยอดนิยมที่ตลาดต้องการมากมาย จึงขอจัดเรียงอันดับ 10 ชนิดสายพันธุ์ ดังนี้ 1. พริกชี้ฟ้า พริกชี้ฟ้า มีชื่อพื้นเมืองที่เรียกกันในแต่ละท้องถิ่น คือ พริกชี้ฟ้า พริกเดือยไก่ พริกบางช้าง พริกหนุ่ม (ภาคเหนือ) พริกมัน (กรุงเทพฯ) พริกแล้ง (เชียงใหม่) พริกซ่อม พริกขี้หนู พริกนก พริกแด้ (เหนือ) พริกขึ้นก ดีปลีขึ้นก (ใต้) ดีปลี (ปัตตานี) ปะแกว (นครราชสีมา) หมักเพ็ด พริกแกว (อีสาน) เป็นต้น พริกชี้ฟ้า เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.5-1.5 เมตร ใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามหรือออกสลับ รูปใบหอก กว้าง 1-4 เซนติเมตร ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกสีขาว ออกเดี่ยวตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกห้อยลง เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร เกสรตัวผู้ 5 อัน ผล รูปทรงกระบอกยาว ปลายเรียวแหลม มักโค้งงอ ยาว 6-9 เซนติเมตร ผิวเป็น มันสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง มีเมล็ดแบนสีนวลจํานวนมาก สายพันธุ์พริกชี้ฟ้า สามารถแบ่งได้ตามความต้องการตลาดเ
พริกเป็นพืชในเขตร้อนหรือกึ่งร้อนที่ทนความแห้งแล้งได้ดีพอควร และสามารถปลูกในดินได้แทบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย เพราะมีการระบายน้ำดี น้ำไม่ท่วมขังหรือชื้นแฉะซึ่งจะทำให้รากเน่าและตายได้ ใครปลูกพริกแล้วเจอปัญหาเหล่านี้ “พริกไม่ดก ใบเหลือง” ไม่รู้จะแก้ยังไงดี วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีสูตรบำรุงต้นพริกทางใบ ที่ใครๆ ก็ทำได้ วัตถุดิบหาง่าย ใช้งบน้อย ติดดอก ติดผลเต็มต้น ในสูตรบำรุงมีส่วนประกอบของเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งในเครื่องดื่มชูกำลังมีวิตามินจำนวนมาก บำรุงพืชทางใบได้ผลดี และมีส่วนประกอบของยาพารา ซึ่งยาชนิดนี้ไม่ได้ช่วยรักษาโรคของคนเท่านั้น แต่ยังช่วยกำจัดเชื้อราในดินและบำรุงให้พืชผักเจริญเติบโต แข็งแรงอีกด้วย หากใครเจอปัญหาต้นพริกที่ไม่ค่อยออกดอก ติดผล ลองนำสูตรนี้ไปใช้กันได้ ทำตามได้ง่ายๆ วัตถุดิบ ยาพาราเซตามอล 1 เม็ด ถุงแกงหรือถุงพลาสติก 1 ใบ เครื่องดื่มชูกำลัง (ยี่ห้อไหนก็ได้) 1 ฝา น้ำเปล่า 1 ลิตร กระบอกฉีดน้ำฟ็อกกี้ วิธีการทำ 1. นำเม็ดพาราใส่ถุงแกง ทุบให้แตกละเอียด 2. หลังจากนั้นใส่เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ฝา ผสมกับยาพาราที่ทุบไว้ให้เข้ากัน เสร็จแล้วจะได้หัวเชื้อบำรุง
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ด้วยวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และในปี 2567 นี้ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อุทยาน ร. 2 อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยในปีนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานเป็นการส่วนพระองค์ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จะถ่ายทอดสดให้พสกนิกรชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมี ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยภายในงาน จะพบกับกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์ตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้แก่ รำอาศิรวาทราชสดุดี การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ จะเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมรอบวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ทางเพจ Facebook : อุทยาน ร.2 บัตรราคา 1,000-2,000 บาท เปิดจำหน่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เชื่อว่าหลายท่านคงเข้าใจกันมาตลอดว่า “พริก” ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้เป็นผัก แต่จริงๆ แล้ว “พริก” ไม่ใช่ผัก แล้วเป็นอะไร เทคโนโลยีชาวบ้านมีคำตอบ คนส่วนใหญ่รู้ว่าผักและผลไม้ดีต่อสุขภาพ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ผักและผลไม้แตกต่างกันอย่างไร ถ้าพูดถึงทางวิชาการ ผักและผลไม้มีรสชาติและโภชนาการที่แตกต่างกันมาก ต่อไปนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างผักและผลไม้ ตลอดจนประโยชน์ของผักและผลไม้ที่มีต่อร่างกาย ความแตกต่างระหว่างผักและผลไม้ การจำแนกผักผลไม้สามารถจำแนกโดยทางพฤกษศาสตร์ และการทำอาหาร ในทางพฤกษศาสตร์ ผลไม้ และผักถูกจำแนกตามส่วนต่างๆ ของพืช ผลไม้เติบโตจากดอกของพืช ในขณะที่ผักจะเจริญเติบโตจากส่วนอื่นๆ ของพืช ผลไม้มีเมล็ด ในขณะที่ผักส่วนมากจะประกอบด้วยราก ลำต้น และใบ ในการจำแนกจากการทำอาหาร จะมีการจำแนกผักและผลไม้ตามรสชาติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผลไม้จะมีรสหวานหรือรสเปรี้ยว และสามารถนำมาทำเป็นของหวานหรือน้ำผลไม้ก็ได้ ในขณะที่ผักจะมีรสชาติจืด หรือขมกว่า และใช้ประโยชน์ในการทำอาหารจานหลัก สรุปสั้น ๆ ว่า : ในทางพฤกษศาสตร์นั้น ผลไม้จะมีเมล็ดและเติบโตมาจากดอกของพืช และมีรสหวาน ในขณะที่ผักจะเจริญเติบโตจากส่วนอื่นๆ
เกษตรทางรอดวันนี้ ขอแนะนำการปลูกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว นั่นคือเมล็ดแดงๆ ที่เรียกว่า พริก มีคำถามว่าพริก เรียกเป็นผักหรือผลไม้ ทำไมพริกอยู่กับวิถีคนไทยมาตลอด เกิดมาก็พบพริกอยู่ทุกภูมิภาคของไทย คนไทยบริโภคพริกมายาวนาน คนไทยกินเผ็ดมาก อาหารไทยก็เผ็ด แต่จริงๆ แล้วคนไทยรู้จักและกินพริกหลังชาติอื่นนานมาก เมื่อเรานึกถึงอาหารไทย ใครๆ ก็คงจะนิยามว่าเผ็ดจัดจ้าน ส่งผลให้ “คนไทยกินเผ็ด” เป็นภาพจำของคนส่วนใหญ่ และเราคนไทยเองก็ไม่ปฏิเสธเสียด้วย ว่ากันจากประสบการณ์ส่วนตัว ฉันเจอคนไทยกินเผ็ดมากกว่าคนไม่กินเผ็ดแบบสู้กันไม่ได้ และแม้แต่คนที่บอกว่าไม่กินเผ็ดก็ยังกินผัดกะเพรา (เผ็ดน้อย แต่ก็ใส่พริกนั่นละ) ยังเติมพริกป่นในก๋วยเตี๋ยว (นิดหนึ่ง แต่ก็เติม) นึกๆ ดูฉันยังไม่เคยเจอคนที่ไม่กินเผ็ดแบบไม่แตะพริกไม่แตะพริกไทยเลยสักคน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาหารไทยนั้นผูกโยงอยู่กับวัตถุดิบที่มีความเผ็ด ตั้งแต่เผ็ดจริงจังอย่างพริก เผ็ดเบาลงหน่อยอย่างพริกไทย ไปจนถึงเผ็ดร้อนน้อยๆ จากสารพันเครื่องเทศและสมุนไพร ฉะนั้น จะบอกว่าเราชาวไทยคุ้นชินกับความเผ็ดกันตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ว่าได้ กล่าวถึงพริกยังไม่บอกเลยนะครับว่าเป็นผลไม้หรือผั
พริก สมุนไพรรสเผ็ดร้อน ที่หลายๆ คนติดใจ ประโยชน์ของพริกนั้นดีงามมาก ทั้งช่วยลดน้ำหนัก สร้างภูมิต้านทาน ลดน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ พริก ประวัติและความเป็นมา มีการบันทึกว่าพริกถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 7,000 ปีก่อนที่อเมริกากลางและอเมริกาใต้ โดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จากนั้นก็มีการนำพริกมาปลูกและเผยแพร่ไปทั่วยุโรป และลามไปทั่วโลก ทำให้พริกมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปมากมาย เช่น พริก ภาษาอังกฤษ คือ Chili หรือ Chili peppers ซึ่งก็มาจากคำว่าพริกในภาษาสเปน หรือ chile โดยพริกจัดอยู่ในวงศ์ Solanaceae สกุล Capsicum ซึ่งพริกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Capsicum spp. ส่วนประเทศไทยของเราก็รู้จักและคุ้นเคยกับการปลูกพริกมานานแล้ว และสายพันธุ์ของพริกในประเทศไทยก็มีอยู่ไม่น้อย รวมทั้งหมดประมาณ 831 สายพันธุ์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ตามชนิดของพริก ได้แก่ พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ และพริกขี้หนูเม็ดเล็ก ชื่อเสียงที่โดดเด่นที่สุดของพริก ต้องยกให้เรื่องความเผ็ด เพราะว่าพริกคือเครื่องเทศที่ให้รสเผ็ดร้อนชนิดหนึ่ง เนื่องจากในพริกมี “สารแคปไซซิน” (Capsicin) ที่เป็นสารที่ให้ความเผ็ดร
“พริก” กับคนไทยเป็นของคู่กันมาช้านาน ในสำรับกับข้าวของคนไทยจึงไม่เคยขาดอาหารจานเผ็ด ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง แม้แต่ของทอดยังต้องมีน้ำจิ้มรสเผ็ดเป็นของคู่กัน แต่ในวันนี้วันที่คนกินหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับสารเคมีที่ปะปนอยู่กับผลผลิตเกษตร พริกที่คนไทยกินใช้กันเยอะก็ถูกตั้งข้อกังขาไปด้วย ดังนั้น ฉบับนี้ “รันตี” จึงขอนำท่านบุกเข้าไปในแนวป่า ฝ่าถนนลูกรัง ลัดตัดหลังทุ่งเพื่อมุ่งหน้าไปหาสวนพริกที่กาญจนบุรี สวนพริกที่นี่พยายามจะใช้สารอินทรีย์ชีวภาพให้มากขึ้น ลดสารเคมีให้น้อยลง อยู่ในระดับที่สมดุลเพื่อไม่ให้ตกค้างมาถึงคนกินอย่างเราท่าน เกษตรกรผู้ปลูกพริกที่นี่มีดีอย่างไร จึงทำให้รันตีต้องพาหนังหน้าสวยๆ ไปตากแดด ตากลม ก้นระบมกับการนั่งรถ เดี๋ยวจะได้รู้กันค่ะ ปลูกพริกอาศัยน้ำฝน พาท่านมาพบกับ คุณสมยศ นิลเขียว เกษตรกรผู้ปลูกพริกที่บ้านโป่งกะอิฐ ตำบลหนองขาว อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี คุณสมยศ เล่าว่า มีพื้นที่ปลูกพริกอยู่ 3 ไร่ ในแต่ละปีจะปลูกพืชหมุนเวียนคือ ปลูกผักชีสลับกับพริก โดยจะหว่านผักชีก่อนในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากหว่านแล้ว 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผักชีได้ จาก
พริก กับคนไทยเป็นของคู่กันมาช้านาน ในสำรับกับข้าวของคนไทยจึงไม่เคยขาดอาหารจานเผ็ด ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง แม้แต่ของทอดยังต้องมีน้ำจิ้มรสเผ็ดเป็นของคู่กัน แต่ในวันนี้วันที่คนกินหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับสารเคมีที่ปะปนอยู่กับผลผลิตเกษตร พริกที่คนไทยกินใช้กันเยอะก็ถูกตั้งข้อกังขาไปด้วย ดังนั้น ฉบับนี้รันตีจึงขอนำท่านบุกเข้าไปในแนวป่า ฝ่าถนนลูกรัง ลัดตัดหลังทุ่งเพื่อมุ่งหน้าไปหาสวนพริกที่กาญจนบุรี สวนพริกที่นี่พยายามจะใช้สารอินทรีย์ชีวภาพให้มากขึ้น ลดสารเคมีให้น้อยลง อยู่ในระดับที่สมดุลเพื่อไม่ให้ตกค้างมาถึงคนกินอย่างเราท่าน เกษตรกรผู้ปลูกพริกที่นี่มีดีอย่างไร จึงทำให้รันตีต้องพาหนังหน้าสวยๆ ไปตากแดด ตากลม ก้นระบมกับการนั่งรถ เดี๋ยวจะได้รู้กันค่ะ ปลูกพริกอาศัยน้ำฝน คุณสมยศ นิลเขียว พาท่านมาพบกับ คุณสมยศ นิลเขียว เกษตรกรผู้ปลูกพริกที่บ้านโป่งกะอิฐ ตำบลหนองขาว อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี คุณสมยศ เล่าว่า มีพื้นที่ปลูกพริกอยู่ 3 ไร่ ในแต่ละปีจะปลูกพืชหมุนเวียนคือ ปลูกผักชีสลับกับพริก โดยจะหว่านผักชีก่อนในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากหว่านแล้ว 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผักชีได้ จากนั้นจึงตัดหญ้
เป็นความชื่นชอบ หรืออาจจะเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยไปแล้ว ที่ส่วนใหญ่มักจะชอบอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน คนเก่าคนแก่เคยบอกว่า กินข้าวมื้อไหนถ้าขาดน้ำพริก เป็นว่ากินข้าวไม่อิ่มท้อง ไม่มีแรงทำงานทำการอะไร คนไทยไม่ว่าจะยากดีมีจน เพศหญิงเพศชาย คนแก่ คนหนุ่มสาว ล้วนมีความต้องการที่จะลิ้มรสอาหารที่มีรสจัด หรือรสเผ็ดกันทั้งนั้น…ที่ชอบอาหารรสจืดๆ ก็มีเช่นกัน แต่มักจะเป็นของเด็กเล็ก คนชรา และเด็กยุคใหม่ที่เป็นสังคมสมัยนิยม หรือเจนเนอเรชั่น (generation) ทั้งเจนวายหรือ Why Gen เจนเอ็กซ์ เจนซี หรือ Z รวมทั้งกลุ่มรักสุขภาพ เจนเบเบ้บูม หรือเบบี้บูม พริก หรือ Pepper เป็นพืชในสกุล Capsicum วงศ์ SOLONACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum annuum Linn. พริกหลายชนิดที่เกษตรกรหลายจังหวัดปลูกกัน แต่ตลาดส่งออกต่างประเทศไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นพริกใหญ่ประเภทมีเมล็ดมาก เนื้อผลบาง ซึ่งต่างประเทศต้องการประเภทเนื้อหนา เมล็ดน้อย มีสีแดงล้วน หรือเขียวล้วน เช่น พริกจีนแดง พริกพันธุ์หัวเรือของจังหวัดอุบลราชธานี พริกพันธุ์จินดา ส่วนตลาดในประเทศต้องการประเภทเมล็ดมาก รสเผ็ดปานกลางถึงมาก ซึ่งถ้าพริกรสเผ็ดส่วนใหญ่จะเป็นประเภทพริ
คุณธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เจ้าของสายมีฟาร์ม อยู่ที่ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเกษตรที่ปลูกพริกส่งออกยุโรปและญี่ปุ่น อาจเรียกว่าเป็นรายใหญ่ของไทยก็ว่าได้ โดยส่งออกพริกประมาณอาทิตย์ละ 2-3 ตัน หรือปีละ 100 ตันเลยทีเดียว ในเรื่องของสายพันธุ์พริกที่ปลูกจะเป็นสายพันธุ์เรดฮอท และชุปเปอร์เรดฮอท เป็นของบริษัทเพื่อนเกษตรกร จำกัด ทางบริษัทได้มีการพัฒนาพริกให้เป็นพันธุ์ลูกกผสม เพื่อให้ผลผลิตดกได้ประมาณผลผลิตต่อไร่สูง และที่สำคัญอายุการเก็บเกี่ยวสั้น “เรดฮอทเป็นพริกที่มีการพัฒนาสายพันธุ์มาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ลักษณะพิเศษคือเป็นพริกที่มีผลสม่ำเสมอ ส่วนชุปเปอร์เรดฮอทเป็นพริกที่พัฒนามาได้ 1 ปีกว่าๆ ซึ่งตอนนี้กำลังทำตลาดอยู่ที่จังหัดขอนแก่น เป็นพริกที่พัฒนาสายพันธุ์เพื่อพัฒนาผลให้ใหญ่ขึ้น และมีสีที่เข้มขึ้น” คุณพิทักษ์ชน กล่าวให้ฟังถึงลักษณะของสายพันธุ์พริก มีประสบการณ์การปลูกพริก มากกว่า 7 ปี คุณธีรวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นเกษตรกรที่ปลูกพริกอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 30 ไร่ และได้มีการทำเป็นเครือข่ายกับเพื่อนเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ รวมแล้วอีกประมาณกว่า 200 ไร่ จึงทำให้พริกที่ปลูกสามารถส่งข