ฟาร์มโคนม
“ชีส” คือ ผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งสามารถผลิตได้จากนมวัวหรือแพะ เป็นต้น ที่ผ่านกระบวนการคัดแยกโปรตีน แล้วนำโปรตีนของนมมาทำการผสมเชื้อรา หรือแบคทีเรีย หรือสารอื่นๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท ซึ่งแตกต่างจากเนยที่ทำมาจากไขมันของนม จัดเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ช่วยทำให้อาหารตะวันตกอร่อยและมีรสชาติมากขึ้น โดยชีสนั้นมีบทบาทในแวดวงอาหารยุโรปมาอย่างยาวนาน สำหรับคนไทยในช่วงหลังๆ เริ่มรู้จักกับอาหารสไตล์ตะวันตกกันมากขึ้น ทำให้ชีสได้เข้ามามีบทบาทกับวัฒนธรรมการกินของคนไทยมากขึ้น และหากมองในแง่ของการประกอบอาชีพถือว่าส่งผลดีกับผู้ประกอบการฟาร์มโคนม ในการนำผลผลิตน้ำนมภายในฟาร์มมาต่อยอดผลิตทำเป็นชีสหลากหลายประเภท นับเป็นอีกช่องทางการสร้างมูลค่าที่น่าสนใจไม่น้อย คุณเทวดา ทองสวน หรือ คุณเซ้นต์ เจ้าของฟาร์มโคนม “GOOD DAIRY FARM” ตั้งอยู่ที่ 91 หมู่ที่ 4 ตําบลดอนขวาง อําเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี เกษตรกรรุ่นใหม่ดีกรีปริญญาโท ทำฟาร์มโคนม ผลิตน้ำนมคุณภาพ ต่อยอดสร้างมูลค่าด้วยการทำชีส สานฝันอาชีพที่ชอบในวัยเด็ก ให้กลายเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองในชีวิตจริงจนประสบความสำเร็จ ได้ทำสิ่งที่รัก ให้เกิดรายได้อย่างยั่ง
นวัตกรรมยกระดับมูลโคนม ให้เป็นวัสดุธรรมชาติ ที่ผลิตสินค้าได้หลากหลายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยไอเดียของทีมนักวิจัยไทย ตอบโจทย์วิถีคนรักษ์โลก สู่ชุมชนเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างงาน สร้างอาชีพ โครงการนวัตกรรมการผลิตอิฐบล็อกประสานและกระถางต้นไม้จากมูลโคเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นโครงการที่หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. ได้สนับสนุนทุนวิจัยในปีงบประมาณ 2565 โดย มีดร.ณัฐภร แก้วประทุม นักวิชาการ 7 ฝ่าย วิจัยและพัฒนาการเลี้ยงโคนม องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) เป็นหัวหน้าโครงการ ร่วมกับนักวิจัยจาก 3 สถาบัน ได้แก่ มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฏร์ธานี ได้ดำเนินงานวิจัยมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งทำวิจัยร่วมกับฟาร์มโคนมในอำเภอมวกเหล็กจังหวัดสระบุรี มีนายสุกิจ สิงห์กลาง เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเข้าร่วมโครงการกับคณะนักวิจัย ความก้าวหน้าของโครงการได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยคณะนักวิจัยให้ข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ ผศ.ดร.ประชุม คำพุฒ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัย
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก. โดยกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ได้ร่วมกับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด จังหวัดสระแก้ว และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินการพัฒนาฟาร์มโคนมของเกษตรกรสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด ที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 50 ฟาร์ม ให้มีการพัฒนาฟาร์มโคนม ของตนเองเป็น Smart Farm เพื่อเข้าสู่มาตรฐาน GAP เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาคุณภาพพันธุ์โคนม สร้างมูลค่าเพิ่มของน้ำนมจากการปรับปรุงคุณภาพการเลี้ยงและระบบการรีดน้ำนมดิบในระบบปิดให้เกิดความยั่งยืนของการเลี้ยงโคนม ซึ่งถือเป็นอาชีพพระราชทาน จากการลงพื้นที่ของ สศก. โดยกองทุน FTA โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของโครงการพบว่า การดำเนินโครงการระยะเวลา 6 ปี เกษตรกรสมาชิกโครงการได้รับการจัดสรรโคนมเพศเมียพันธุ์ Holstein Friesian จำนวน 50 ฟาร์ม ฟาร์มละ 10 ตัว รวมทั้งสิ้น 500 ตัว ซึ่งทุกฟาร์มได้รับการสร้างโรงเรือนและระบบการรีดนมในระบบปิดที่ทันสมัย ควบคุมด้
มองเป็นเห็นโอกาส Bangkok Bank SME ขอพาไปเจาะลึกแนวคิดการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนและส่งคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน ของ บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ของภาคเหนือ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งการทำตลาดในประเทศ รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพที่ดีและใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุด จะมีประเด็นใดที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้ประกอบการและ SME ได้เรียนรู้นำไปประยุกต์ปรับใช้ในองค์กรได้บ้าง ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย “เชียงใหม่เฟรชมิลค์” ปักธงฟาร์มโคนมท้องถิ่นภาคเหนือ คุณวีรพล ยศศักดา หรือ คุณตุ๊ก กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจว่า ธุรกิจนี้มีขึ้นตั้งแต่ปี 2535 โดย ดร.บัลลพ์กุล ทิพย์เนตร ประธานกรรมการบริหาร และ คุณดาราวรรณ ทิพย์เนตร รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด ได้เริ่มก่อร่างสร้างโรงงานเล็กๆ เพื่อรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ โดยปริมาณที่รับซื้อขณะนั้นอยู่ที่ปร
อ.ส.ค. จับมือ สอวช. แถลงข่าวความก้าวหน้าโครงการวิจัย “การศึกษารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการจัดการของเสียในฟาร์มโคนมและการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าต่อยอดสร้างต้นแบบการจัดการมลภาวะอย่างยั่งยืนในฟาร์มโคนมของชุมชน มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมนมของไทยขึ้นแท่นมาตรฐานสากลสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในอนาคตชูแนวทางการบริหารงาน ในการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไทย ให้สามารถผลิตน้ำนมโคที่ได้มาตรฐานสากลแข่งขันกับต่างประเทศได้ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความมั่นคงทางรายได้และมีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในกิจการโคนม ในโอกาสที่ อ.ส.ค. ครบรอบ 60 ปี ของการก่อตั้งฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค หรือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปัจจุบัน ได้จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมและเทคโนโลยีโคนมไทยสู่ NEXT NORMAL” ซึ่งในปีนี้ได้นำเสนอผลงานวิชาการและงานวิจัย ด้านกิจการโคนมที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะผลงานวิจัยเด่น ที่ อ.ส.ค. ได้ร่วมทุนกับ บพข.
จากสถานการณ์โรคระบาดการติดเชื้อไวรัส ลัมปี-สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤตหนัก ทำให้โค-กระบือป่วยแล้วกว่า 85,000 ตัว เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและป้องกันความเสียหายแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ อ.ส.ค. จัดกิจกรรม “ดื่มนมทานเนื้อปลอดภัย ส่งกำลังใจให้เกษตรกร สู้ภัยโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ” นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้กำกับดูแลนโยบายองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีความห่วงใยต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบทั่วประเทศ 5,952 ราย มีจำนวนโครวม 174,658 ตัว ส่งน้ำนมดิบให้ อ.ส.ค. ประมาณ 874 ตัน ต่อวัน โดยพื้นที่ภาคกลางมีสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบมากที่สุดคือ จำนวน 15 สหกรณ์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2,380 ราย และจำนวนโคนม 65,863 ตัว จึงได้สั่งการให้ อ.ส.ค. เฝ้าระวังโรคในพื้นที่พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดและให้รายงานสถานการณ์ต่อเนื่อง นอกจากนี้ รมช.มนัญญาได้ลงพื้นเป็นประธานจัดกิจกรรม “โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี-สกิน” ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง อ.ส.ค. มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พร้อมมอบสิ่งของ
“การเลี้ยงโคนม” เป็นอาชีพพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงมอบให้แก่เกษตรกรไทยมานานกว่า 60 ปี ด้วยทรงเล็งเห็นว่าอาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคนมที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งช่วยให้เกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เข้ามาให้ความรู้ทางวิชาการแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนม เพื่อยกระดับฟาร์มโคนม ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมให้ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี (GMP) และ HACCP ทำให้การเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพที่มั่นคง ยั่งยืน และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง “เลี้ยงวัว” เป็นอาชีพเสริม แต่ทำเงินดีแซงหน้าอาชีพหลัก คุณสุนันทา กาญจนศิลป์ อาศัยอยู่เลขที่ 57/1 หมู่ที่ 6 ซอย 8 ถนนสาย 2 ซ้าย ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15210 โทร. 089-806-6958 หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนม เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนครอบครัวปลูกพืชไร่เป็นอาชีพหลัก แต่เจอปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่ว
อาชีพการเลี้ยงโคนม นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย และเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ เนื่องจากเป็นอาชีพพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศเดนมาร์ก ในปี 2503 ได้ทอดพระเนตรกิจการโคนมของเกษตรกรชาวเดนมาร์ก ทรงให้ความสนพระทัยเกี่ยวกับกิจการการเลี้ยงโคนมของชาวเดนมาร์กเป็นอย่างมาก ด้วยทรงเล็งเห็นว่า อาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคงและเป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยอีกต่อไป และทรงมีพระราชดำรัสในคราวหนึ่งว่า “การเลี้ยงโคนมก็เป็นอาชีพที่ดีสำหรับคนไทย เหมาะกับประเทศ และถ้าใช้หลักวิชาที่เหมาะสม ก็จะทำให้มีความเจริญและมีรายได้ดี” กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดอบรมเพิ่มขีดความสามารถทายาทและยุวชนเกษตรกรโคนมในการเลี้ยงโคนม เพื่อเพิ่มผลผลิตฟาร์มโคนมที่ปฏิบัติได้และเป็นผลจริง ซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อบรมความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยง
จากการที่กลุ่มเกษตรกรโคนมในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและจังหวัดนครปฐม ประสบปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด ในปี พ.ศ. 2512 จึงได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหา จากพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนั้น นำมาซึ่งการก่อตั้งโรงงานนมผงและศูนย์รวมนมหนองโพ เพื่อรับซื้อน้ำนมดิบจากสมาชิก และเติบโต ก้าวหน้า จนกลายเป็นสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ผู้ผลิตสินค้า แบรนด์หนองโพ ที่มาพร้อมสโลแกน “นมสดหนองโพ นมโคแท้แท้” ในปัจจุบัน ระยะเวลาเกือบ 50 ปี นับแต่ปีก่อตั้งสหกรณ์ เกิดการเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ครอบครัวเม่งผ่อง เป็นหนึ่งในครอบครัวสมาชิกเกษตรกรโคนมที่รับมรดกตกทอดทางอาชีพมาจากรุ่นปู่ ย่า จนปัจจุบันสืบทอดมาถึงรุ่นหลานและดำเนินกิจการฟาร์มโคนมเข้าปีที่ 7 แล้ว นายปฐมพร เม่งผ่อง สมาชิกสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า คุณปู่กับคุณย่าเป็นเกษตรกรฟาร์มโคนมรุ่นแรกของสหกรณ์ แต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ไม่ได้สืบสานต่อ พอมาถึงรุ่นตน ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในวัยมัธยมศึกษาตอนปลาย ปู่กั
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ให้การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรและสหกรณ์โคนมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์ฟาร์มโคนมไทย ทั้งการให้ความรู้การจัดตั้งฟาร์มโคนม การเลี้ยงโคนม การดูแลและบริหารจัดการกิจการฟาร์มโคนมแก่เกษตรกรทุกด้าน ทั้งด้านการจัดการฟาร์ม ด้านการจัดการอาหารที่เพียงพอต่อโคนมในฟาร์มของเกษตรกร รวมถึงการจัดการฟาร์ม และยังพัฒนาพันธุ์โคนมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทยที่มีอากาศร้อน ในขณะเดียวกันโคนมก็ยังสามารถผลิตน้ำนมได้มากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรได้ผลผลิตน้ำนมดิบเพิ่มและทำกำไรให้แก่เกษตรกรมากขึ้น ดร. ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า การเลี้ยงโคนมให้มีกำไรสามารถทำได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคนม สำหรับในประเทศไทยเรื่องที่ต้องมีการปรับปรุง พัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคนม มี 3 เรื่องหลักๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการจัดการฟาร์ม คือ 1. การบริหารจัดการอาหาร 2. การบริหารจัดการฟาร์มที่ต้องควบคุมอุณหภูมิคอกพัก 3. บริหารจัดการคอกโคนมให้ปลอดโปร่ง ไม่ร้อนชื้น พื้นไม่เปียกแฉะ โดย 3 ปัจจ