มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)
เกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ และประมง แต่อาชีพเหล่านี้มีความผันผวนทางรายได้เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ฤดูกาล ราคาตลาด ปริมาณผลผลิต ทำให้เกษตรกรขาดรายได้บางช่วง ขณะที่ราคาไก่พื้นเมืองมีชีวิตมีความผันผวนต่ำ โดยราคาไก่พื้นเมืองน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม ประมาณ 70-120 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาขายไก่เนื้อประมาณ 35-40 บาทต่อกิโลกรัม “ไก่” นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีแนวโน้มอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากปริมาณความต้องการบริโภคไก่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ “ไก่พื้นเมือง” หรือ “ไก่พื้นบ้าน” จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญ ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารให้ชุมชนและท้องถิ่นมาโดยตลอด โดยครัวเรือนส่วนใหญ่จะเลี้ยงไก่พื้นเมืองไว้เนื่องจากใช้เงินทุนน้อย ดูแลจัดการง่าย ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทนต่อการเป็นโรคได้ดี ซึ่งการเลี้ยงไก่ไว้ทำให้ครัวเรือนมีความคล่องตัวในการขายหรือนำมาประกอบอาหารตามจังหวะโอกาสที่เหมาะสม ดังนั้น หากส่งเสริมให้มีการเลี้ยงไก่พื้นเมือง จะช่วยให้เกษตรกรภาคใต้มีรายได้ตลอดปี เพราะไก่พื้นเมือ
ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง!กับทีมนักประดิษฐ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย โดยสามารถคว้ารางวัล Grand Prize รางวัลสูงสุดของการจัดงานประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติ “Seoul International Invention Fair 2024” (SIIF 2024) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2567 โดย Korea Invention Promotion Association (KIPA) ณ COEX Convention & Exhibition Center สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัล Grand Prize ได้แก่ ผลงานเรื่อง “ซัคเสส นวัตกรรมสารเติมแต่งเพื่อการแยกเพศน้ำเชื้อโคสด” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มารินา เกตุทัต-คาร์นส์ และคณะ ซึ่งซัคเสส เป็นนวัตกรรมสารเติมแต่งแยกเพศน้ำเชื้อโค เพื่อการผลิตน้ำเชื้อโคแยกเพศแช่แข็ง การแยกเพศน้ำเชื้อโคด้วยนวัตกรรม SuccexX สามารถใช้ได้กับน้ำเชื้อพ่อพันธุ์โคนมและโคเนื้อ จะทำให้เกษตรกรได้ลูกโคเพศเมียในอัตราที่สูงถึง 80% นอกจากนี้ ผลงานสิ่งประดิษฐ์ของประเทศไทยยังได้รับรางวัลสำคัญบนเวที SIIF 2024 ดังนี้ – รางวัล WIPO National Award for Creativity ผลงานที่ได้รับรางวัล ได้แก่
“ไก่เนื้อโคราช” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคเนื้อไก่ เพราะจุดแข็งของเนื้อไก่โคราช คือ เนื้อเหนียวนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ติดสปริง เป็นเนื้อไก่เพื่อสุขภาพ เพราะมีปริมาณโปรตีนสูง มีคอลลาเจนสูง แต่มีปริมาณไขมันต่ำ และคอเลสเตอรอลต่ำ คนที่เป็นเกาต์ทานแล้วไม่เจ็บไม่ปวด สรุปแล้วไก่โคราชมีรสชาติอร่อยแบบไก่ไทย แต่เลี้ยงโตไวเหมือนไก่ฝรั่ง “ไก่โคราช” เป็นผลงานวิจัยที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 โดยความร่วมมือของหลายฝ่าย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กรมปศุสัตว์ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) บริษัท พีเอส นิวทริชั่น จำกัด และกลุ่มทำนาลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ “ไก่โคราช” เป็นเครื่องมือในการพัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเอง และยกระดับความสามารถของเกษตรกรไปสู่การเป็นผู้ประกอบการ เพื่อแก้ปัญหาที่หยั่งรากลึกของประเทศคือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ไก่โคราชเป็นไก่ลูกผสมที่เกิดจากพ่อพันธุ์ไก่พื้นเมืองเหลืองหางขาวกับแม่พันธุ์ไก่ มทส. ที
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบฟาร์มอุตสาหกรรมผ่านโครงการ “ฟาร์มแชมเปี้ยน” ที่มุ่งเน้นการสร้างต้นแบบการเลี้ยงไก่ที่คำนึงถึงหลักสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งเป็นหมุดหมายใหม่ที่สำคัญต่อ สุขภาพของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดงาน “Farm Champion Market: ไก่งามเพราะคน” ณ ปฐมออแกนิก คาเฟ่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนับสนุนอาหารปลอดภัยและมีมนุษยธรรม งานนี้นำเสนอความเปลี่ยนแปลงจากฟาร์มสู่เมือง มุ่งให้ไก่มีความสุขและผู้บริโภคมีสุขภาพดีไปพร้อมกัน ภายในงานจัดนิทรรศการเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการฟาร์มแชมเปี้ยน และประโยชน์ของการเลี้ยงไก่สวัสดิภาพสูง ถอดบทเรียนผ่านหัวข้อเสวนาที่เข้มข้น เรื่อง “ไก่โคราชสวัสดิภาพสูง: ผลกระทบต่อสัตว์ คน และสิ่งแวดล้อม” นำโดย ผศ.ดร.วิทธวัช โมฬี หัวหน้างานวิจัยของโครงการฟาร์มแชมเปี้ยน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, แผ้ว ภิรมย์ ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย และ ผู้คร่ำหวอดในวงการเกษตรอินทรีย์ อาทิ Influencer เจนนิเฟอร์ อินเนส-เทเลอร์ จาก Udon Organic Farm, ธวัชชัย พวงจันทร์ จากพลูโตฟาร์
นักวิทยาศาสตร์สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับนักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ไขประสิทธิภาพสารสกัดจากเมล็ดมะไฟจีน ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากวิสาหกิจชุมชน จ.น่าน พบช่วยสร้างสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนัง และลดการอักเสบของผิวหนังได้ ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เจลอาบน้ำและเจลล้างหน้าสูตรสกิน โซลูชั่น ซีรีส์ของ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมคว้ารางวัลสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวาปีล่าสุด นครราชสีมา – ดร.กาญจนา ธรรมนู หัวหน้าส่วนวิจัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า “ทีมวิจัยของสถาบันฯ ร่วมกับ ศ.ภก.ดร.เกรียงศักดิ์ เอื้อมเก็บ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้รับโจทย์จากบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) ในการทดสอบสารสกัดจากมะไฟจีนและพอลิแซ็กคาไรด์ (คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน) กับเชื้อแบคทีเรีย 3 ชนิด คือ เอส อิพิเดอมิดิส (S. epidermidis) เอส ออเรียส (S. aureus) และพี แอคเน่ (P. acne) โดยใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนในย่านอินฟราเรด ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสาร
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตระหนักถึงปัญหาขยะกองโตบนพื้นที่เกาะท่องเที่ยว เร่งช่วยผลักดันผลงานวิจัยการเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะในพื้นที่เกาะท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยค้นพบเทคโนโลยี Mechanical and Biological Treatment (MBT) ที่สามารถลดปริมาณขยะให้ลดลงและยังเกิดผลพลอยได้กลายเป็นเชื้อเพลิงขยะและปุ๋ยอินทรีย์ เผยช่วยกันเผยแพร่สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน และภาครัฐต่อการใช้เทคโนโลยีการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ท่องเที่ยวด้วยกัน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาขยะที่เกิดตามแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะต่าง ๆ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ และสิ่งแวดล้อมของการเป็นต้นตอก่อให้เกิดการปล่อยน้ำเสียลงทะเล ทำให้เกิดการทำลายระบบนิเวศน์กระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล รวมไปถึงผลกระทบเรื่องมลพิษทางอากาศ จากการเผาทำลายเพื่อขจัดขยะให้หมดสิ้นไป วช. จึงเห็นคุณค่าต่อผลงานวิจัยของ ดร.พรรษา ลิบลับ แห่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในเรื่อง “การเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะในพื้นที่เกาะท่องเที่ยวอย
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติมูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษา ณ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565 นครราชสีมา –วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2565 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถบัสพระที่นั่งจากโรงแรมแคนทารี โคราช จังหวัดนครราชสีมา ทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติมูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปยังสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รศ.ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน รศ.ดร. พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รศ.ดร. อนันต์ ทองระอา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และผู้บริหารสถาบันฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ เฝ้า ฯ รับเสด็จ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินเข้าภายในอาคารสิรินธรวิชโชทัย ชั้น 1 แล้วทรงฟังการบ
แม้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะเริ่มคลี่คลาย ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ก็ยังคงมาตรการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากยังมีผู้ป่วยและผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องที่ยังต้องเข้ารับการรักษาและรับยาตามอาการ ขณะเดียวกัน มีงานวิจัยทางการแพทย์ในการเยียวยาการรักษาโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน รวมไปถึงงานวิจัยสารสกัดสมุนไพรออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 และศึกษากลไกการออกฤทธิ์ด้วยเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนโดยทีมวิจัยจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐในการขับเคลื่อนสนับสนุนงานวิจัย นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์คิดค้นต่างๆ ที่สามารถนำมาต่อยอดใช้ประโยชน์กับประชาชนในเชิงธุรกิจ รวมถึงการเสริมศักยภาพในภาคการผลิตต่างๆ การดูแลด้านคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม จากสถานการ
ทีมนักวิทยาศาสตร์สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลุยสำรวจศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตรราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.คลองไผ่) เล็งใช้ความเชี่ยวชาญงานวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงส่งเสริมการดำเนินงานของศูนย์ เบื้องต้นวางแผนพิสูจน์เอกลักษณ์ของ “ขนุนไพศาลทักษิณ”สายพันธุ์จากพระบรมมหาราชวัง รวมถึงศึกษา “ต้นแจง” พืชที่ใกล้สูญพันธุ์ นครราชสีมา – ดร.กาญจนา ธรรมนู ผู้จัดการระบบลำเลียงแสงที่ 4.1 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า “ได้รับการประสานจากศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องจากพระราชดำริฯ คลองไผ่ ซึ่งดำเนินงานโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือ ในการนำงานวิจัยที่ใช้แสงซินโครตรอน มาใช้ส่งเสริมพันธกิจของ อพ.สธ.คลองไผ่ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ จึงได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ฯ และเก็บข้อมูลสำหรับกำหนดโจทย์วิจัย” ศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องจากพระราชดำริฯ คลองไผ่ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งใน “เควสตาการ์เด้น” (Cuesta Garden) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว
วันนี้ (27 มกราคม 2565) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชม “โครงการศึกษาแนวทางการนำเชื้อเพลิงขยะ (RDF) จากมูลฝอยชุมชนมาใช้ประโยชน์ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs)” ของ ผศ.ดร.พรรษา ลิบลับ แห่งสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด โคราชแสงสุวรรณ พ็อตเทอร์รี่ ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผา/เซรามิก เพื่อเป็นทางเลือกเสริมในการใช้เชื้อเพลิงขยะร่วมกับเชื้อเพลิงชีวมวลเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผศ.ดร.พรรษา ลิบลับ หัวหน้าโครงการ เล่าว่า ในปัจจุบันได้มีการสนับสนุนให้มีการคัดแยกขยะ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการจัดการขยะที่ปลายทางที่ต้องการนำมาเป็นเชื้อเพลิง (Refuse-derived Fuel, RDF) อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงขยะ RDF ที่ได้ก็ยังประสบปัญหาเรื่องการนำไปใช้ประโยชน์ เนื่องจากการส่งไปโรงงานปูนซีเมนต์ หรือโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งมีอยู่จำกัด เพียงไม่กี่สิบแห่งในประเทศ ทำให้การขนส่งมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่คุ้มค่า ขยะ RDF ที่มีกระจาย