สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
ความสำเร็จของการดำเนินงานในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติราชการจนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนของ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับ “รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ” ประจำปี 2567 และรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่นๆ รวม 7 รางวัล เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นได้รับรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นแบบที่สร้างคุณค่าในการปฏิบัติงานจนมีความสำเร็จมุ่งประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า สวพส. เป็น 1 ใน 3 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จากสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวพส. มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ภายใต้หลักการพัฒนาทางเลือกบนพื้นที่สูง (UNGPs on AD) ขยายผลสำเร็จสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารของประเทศไทย ให้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกภาคเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตร
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) มีมติมอบรางวัลให้กับหน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานเป็นเลิศในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติราชการจนมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุด “รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ” ประจำปี 2567 และรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่นๆ รวม 7 รางวัล เป็นองค์กรที่มีความโดดเด่นได้รับรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นแบบที่สร้างคุณค่าในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติงานจนมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า สวพส. เป็น 1 ใน 3 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวพส. มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ภายใต้หลักการพัฒนาทางเลือกบนพื้นที่สูง (UNGPs on AD) ขยายผลสำเร็จสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารของประเทศไทย ให้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกภาคเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็น
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ดำเนินงานส่งเสริมหัตถกรรมชนเผ่าบนพื้นที่สูงภูมิปัญญาที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและความสวยงาม สืบสานส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดอาชีพ เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่คนในชุมชน โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมให้มีมูลค่าเพิ่ม ขับเคลื่อน Soft Power เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งในเชิงวัฒนธรรม จนนำไปสู่การสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในหลายกลุ่ม นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า คนบนพื้นที่สูงมีรายได้หลักจากภาคการเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินและความยากจน ผลจากการดำเนินงานส่งเสริมอาชีพนอกภาคเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนางานหัตถกรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่า โดยในระยะที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรใน 23 ชุมชน จำนวน 19,439,477 บาท สร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนบนพื้นที่สูงได้อย่างเพียงพอ ช่วยแก้ปัญหาความยากจน เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยอนุรักษ์และสืบสานศ
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ 95.26 คะแนน ระดับ “ผ่านดี” เพิ่มขึ้น 5.80 คะแนน จากปีที่ผ่านมา มีผลการประเมินอยู่ในอันดับ 2 ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (จากปี 2566 เป็นลำดับที่ 19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และอันดับ 3 ของหน่วยงานประเภทองค์การมหาชน (จากปี 2566 เป็นลำดับที่ 23 ขององค์การมหาชน) ทั้งนี้ ผลการประเมินรายตัวชี้วัดด้านการป้องกันการทุจริต ได้รับ 100 คะแนนเต็ม สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงของประเทศ โดย นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวขอบคุณคณะที่ปรึกษาพิเศษ ประธานกรรมการ สวพส. ที่ปรึกษา คณะกรรมการสถาบัน และคณะอนุกรรมการทุกท่าน ที่มอบนโยบายและกำกับดูแล สวพส. ทำให้มีการปรับปรุงและยกระดับงาน จนได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากเกษตรกรพื้นที่สูง รวมถึง ขอขอบคุณผู้รับบริ
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 – สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. จัดงาน สืบสานการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ปี 2567 “ประชาชนอยู่ดี พื้นที่สูงมั่นคง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ28 กรกฎาคม 2567 โดย นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2567 โดยมีผู้นำเกษตรกรบนพื้นที่สูง และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมงาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการสถาบัน สวพส. กล่าวว่า จากผลสำเร็จของโครงการหลวงได้ก่อเกิดองค์ความรู้ ที่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนบนพื้นที่สูงให้อยู่ดีมีสุข ตลอดจนช่วยอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธารให้มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “ต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน” ในการช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา และช่วยชาวโลก ตามพระราชปณิธานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 และปัจจ
“เฮมพ์” (Hemp) แท้จริงแล้วคือ “ต้นกัญชง” ที่ใช้เส้นใยมาทอเป็นผืนผ้า เรียกว่า ผ้าทอใยกัญชง แต่ต้นกัญชงถูกจัดให้เป็นพืชเสพติดประเภทเดียวกับกัญชา แต่ความจริงแล้วต้นกัญชงมีสารเสพติดที่ต่ำกว่ากัญชามาก และเป็นพืชที่ปลูกตามวิถีชีวิตของชาวไทยภูเขา มูลนิธิโครงการหลวง ได้รับการสนับสนุนศึกษาวิจัย จนได้สายพันธุ์ที่ปลูกได้ในพื้นที่สูง และเริ่มที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของชื่อพืชทั้ง 2 ชนิดนี้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง จึงได้เปลี่ยนการเรียกชื่อ ต้นกัญชง มาใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า เฮมพ์ (Hemp) วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาเผ่าม้งในอดีต มีการปลูกเฮมพ์กันทุกครัวเรือน เพื่อนำมาใช้ถักทอเป็นเครื่องนุ่งห่ม ทำเป็นเชือกมัดสิ่งของ กระสอบป่านบรรจุสิ่งของ สายคันธนูหรือหน้าไม้ ใช้เป็นยารักษาโรค ฯลฯ ในต่างประเทศใช้เฮมพ์ทำเป็นวัตถุดิบของการทำเบาะรถยนต์ เครื่องสำอาง ใช้ทำเสื้อเกราะป้องกันกระสุน และอื่นๆ อีกมากมาย การปลูกเฮมพ์ในประเทศไทยเริ่มลดลง หลังภาครัฐกำหนดให้กัญชงหรือเฮมพ์ เป็นพืชตระกูลเดียวกับกัญชา จัดอยู่ในกลุ่มพืชเสพติดชนิดหนึ่ง ขณะที่ตลาดมีความต้องการหัตถกรรมผ
เมื่อเร็วๆ นี้ นางสาวพิไลลักษณ์ พิชัยวัตต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านปฏิบัติการความยั่งยืนและกิจการเพื่อสังคม หน่วยงานพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐฯ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนบนพื้นที่สูง ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy และมุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) โดยได้รับเกียรติจาก นายชวลิต ชูขจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร และประธานอนุกรรมการวิจัยและพัฒนา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวแสดงความยินดี พร้อมด้วย ดร.เพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ด้านการพัฒนา นางอาณดา นิรันตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ นายอรรถวิทย์ ยุทธยศ ผู้จัดการทั่วไป ด้านปฏิบัติการความยั่งยืน และนายกฤตยรัฐ ปารมี ผู้จัดการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ร่วมเป็นสักขีพยาน ตลอดจนผู้แทนกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีได้เข้าร่วมด้วย ได้แก่ บริษัท เจียไต๋ จำกัด บริษัท ซ
ซีพีน่าน ร่วมกับ เจียไต๋ และ สวพส. ลงนามบันทึกข้อตกลง ‘ธุรกิจฟักทองมินิบอลครบวงจร’ หวังช่วยเหลือเกษตรกร แก้ไขปัญหาเกษตรเชิงเดี่ยวสู่การปลูกพืชมูลค่าสูง พร้อมยกระดับการส่งเสริมงานพัฒนาชุมชนทางภาคเหนือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย สำนักงานด้านความยั่งยืนและพัฒนาชุมชน จ.น่าน มุ่งมั่นให้เกษตรกรปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เพื่อลดพื้นที่ทำกินจากเกษตรเชิงเดี่ยวสู่การปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง โดยใช้พื้นที่น้อยแต่เกิดประสิทธิภาพมาก และเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพียงพอ ในการนี้ สำนักงานด้านความยั่งยืนฯ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงได้ผนึกกำลังกับ บริษัท เจียไต๋ จำกัด และ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ในการส่งเสริมงานพัฒนาชุมชนด้านการเกษตรนำร่องธุรกิจฟักทองมินิบอลครบวงจร โดยมี นายบัญชา โชติกำจร ผู้อำนวยการ สำนักงานด้านความยั่งยืน และพัฒนาชุมชน จ.น่าน เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายกิตติ์ธนา ทองเหล็ก ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริม งาน Integration Business (ธุรกิจครบวงจร) บริษัท เจียไต๋ จำกัด และนายชวลิต สุทธเขตต์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงลุ่มน้ำน่าน ลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงการดำเนินธุรกิ
โครงการเกษตรยั่งยืนแม่วากโมเดล บ้านแม่วาก ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ หนึ่งในความร่วมมือในการขับเคลื่อนการทำงานระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ และภาคีเครือข่ายแม่แจ่มโมเดล ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เชียงใหม่ ในโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ปี 2565 ด้านป่าไม้และพื้นที่สีเขียว โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บได้ จำนวน 2,687.347 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า มาจาก 14 แผนงานในการขับเคลื่อนในพื้นที่ ซึ่งจากการสำรวจเก็บข้อมูลพบว่ามีจำนวนต้นไม้ 340 ต้น และพันธุ์ไม้ที่พบ อาทิ ต้นไผ่, ต้นสัก, ต้นอาโวคาโด, ต้นมะม่วง เป็นต้นไม้ที่มีมูลค่าสามารถสร้างป่า สร้างรายได้ไปพร้อมกันนายนนท์ นาคะเสถียร ผู้จัดการทั่วไป ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ สำนักบริหารธรรมาภิบาล และสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือซีพียังคงมุ่งมั่นการทำงานด้านความยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคการเกษตร เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน โดยปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 5 ในการขับเค
ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ลงนามบันทึกความเข้าใจผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยพัฒนาและต่อยอดงานวิจัย ให้สามารถนำไปพัฒนานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน และร่วมกันสร้างนวัตกรรมใหม่ การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความรู้ ทรัพยากร และบุคลากร ตลอดจนการผลิต/พัฒนาบุคลากร ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน โดยมีระยะเวลาดำเนินงานร่วมกัน 5 ปี โอกาสนี้ นายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงฯ ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. พร้อมผู้บริหาร บุคลากรทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นเกียรติ ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศด้วย BCG โมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ Bio-Circular-Green Economy ที่มุ่งบูรณาการองค์ความ