ส้มโอ
LATEST NEWS
ดินที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำเกษตรที่มีคุณภาพ ซึ่ง “แกลบหมัก” เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่เกษตรกรหลายคนเลือกใช้ในการบำรุงดิน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความร่วนซุย ยังเสริมสร้างโครงสร้างดินให้แข็งแรง เพิ่มสารอาหารและความชุ่มชื้นให้กับพืชอย่างยาวนานอีกด้วย ทำความรู้จัก “แกลบดิบ” คืออะไร เป็นวัสดุเหลือทิ้งที่ได้จากกระบวนการสีข้าวเปลือกซึ่งทำให้เกิดเศษของเปลือกข้าวออกมา มีลักษณะสีเหลืองทอง สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลแดงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ข้าว ในแกลบจะประกอบด้วยสารอินทรีย์ และซิลิกา ปริมาณสารอินทรีย์จะประกอบด้วยธาตุคาร์บอนประมาณร้อยละ 51 ออกซิเจนร้อยละ 42 ส่วนที่เหลือจะเป็นไฮโดรเจน และไนโตรเจน ส่วนซิลิกาจะพบมากบริเวณผิวนอกของแกลบจึงทำให้แกลบมีความแข็งสูงสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุขัดผิวได้ แกลบหมักช่วยบำรุงอะไร? แกลบหมักเป็นผลผลิตจากการนำแกลบที่เหลือจากการสีข้าวไปหมักกับสารอินทรีย์ต่างๆ เช่น ปุ๋ยคอก เศษใบไม้ หรือแม้กระทั่งน้ำหมักชีวภาพ กระบวนการหมักนี้จะช่วยย่อยสลายแกลบให้เป็นอินทรียวัตถุที่มีประโยชน์ต่อดินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะดินที่มีความแข็งกระด้าง หรือดินที่ขาดสารอาหาร แกลบหมักมีธาตุอาหารสำคัญ เช่น ไนโ
หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของผลไม้สุกหวาน จันทบุรีคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด และหนึ่งในสวนผลไม้ที่อยากแนะนำให้รู้จักคือ “สวนสาวสุดใจ” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสุดอบอุ่นของครอบครัว “ป้าสาว-ลุงสุดใจ สุดประเสริฐ” ที่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวิถีชีวิตสวนผลไม้แท้ๆ ในบรรยากาศเป็นกันเอง กลิ่นอายสวนผลไม้…จากรุ่นสู่รุ่น “สวนสาวสุดใจ” มีที่มาที่ไปอันยาวนาน เริ่มต้นจากรุ่นคุณพ่อของป้าสาวที่บุกเบิกพื้นที่ปลูกผลไม้ไว้หลากหลายชนิด ทั้งทุเรียนพันธุ์ดี มังคุด ลองกอง และเงาะ ด้วยหัวใจรักในผืนดินและการเกษตร ป้าสาวหลังเกษียณราชการได้เข้ามารับช่วงต่อในพื้นที่สวนแห่งนี้ พร้อมนำความรู้ใหม่ๆ ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์สวนแห่งนี้ให้เป็นมากกว่าสวนผลไม้ธรรมดา แต่คือพื้นที่เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงเกษตรสำหรับทุกคน “ป้าเริ่มมาทำสวนตั้งแต่ปี 2549 พอเข้ามาทำแล้วก็พัฒนาการสวนมาเรื่อยๆ สวนแห่งนี้อยู่บนเนื้อที่ 7 ไร่ แรกๆ ก็เอาผลผลิตไปส่งตลาดทั่วไป ต่อมาเริ่มมาคิดว่าน่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตรให้คนได้เข้ามาชิมมาซื้อผลไม้ในสวน ก็เลยปรับกา
นายกิจษารธ อ้นเงินทยากร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศท.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวผลแก่อันดับ 1 ของประเทศโดยในปี 2568 (ข้อมูลพยากรณ์จาก สศก. ณ มีนาคม 2568) คาดการณ์ว่า มีเนื้อที่เพาะปลูก 360,580 ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 361,180 ไร่ (ลดลง 600 ไร่ หรือร้อยละ 0.17) เนื้อที่ให้ผล 345,459 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 344,459 ไร่ (เพิ่มขึ้น 1,000 ไร่ หรือร้อยละ 0.29) ด้านปริมาณผลผลิต 252,530,529 ผล ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 254,210,742 ผล (ลดลง 1,680,213 ผล หรือร้อยละ 0.66) และผลผลิตต่อไร่ 731 ผล/ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 738 ผล/ไร่ (ลดลง 7 ผล/ไร่ หรือร้อยละ 0.95) ซึ่งเนื้อที่เพาะปลูกลดลงเนื่องจากภัยแล้งและโรคแมลงศัตรูพืช ส่วนเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรขยายเนื้อที่ปลูกมะพร้าวเมื่อ ปี 2562 แทนยางพาราและพื้นที่ปล่อยว่างเริ่มให้ผลผลิต ส่งผลให้ผลผลิตมะพร้าวมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ส่วนผลผลิตเฉลี่ยลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาวะภัยแล้งและแมลงศัตรูพืชระบาด ส่ง
“ข้าว” ไม่เพียงเป็นอาหารหลักของประชากรโลกนับพันล้านคน แต่สำหรับประเทศไทย ข้าวคือหัวใจของวัฒนธรรม วิถีชิวิต และยังเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่ของการสร้างงานและรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปจนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานอาหารโลกที่สำคัญ ด้วยชื่อเสียงด้านรสชาติ คุณภาพ และความหลากหลายของสายพันธุ์ ทำให้ข้าวไทยกลายเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ และครองตำแหน่งหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักของโลก ที่ช่วยสร้างและขับเคลื่อนความมั่นคงด้านอาหาร ในบริบทของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรักษาและต่อยอดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยจึงเป็นภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่ความต้องการอาหารคุณภาพสูงจากทั่วโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนการผลิตและการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กุมภาพันธ์) ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยอยู่