หอมหัวใหญ่
ในช่วงนี้มีอากาศเย็น และมีหมอกในตอนเช้า กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ หอมแดง หอมแบ่ง และกระเทียม ให้เฝ้าระวังโรคใบจุดสีม่วง ที่สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช อาการเริ่มแรกจะพบแผลจุดเล็กฉ่ำน้ำ กลมหรือรี หากแผลแห้งจะเปลี่ยนเป็นจุดแผลสีขาว ต่อมาแผลขยายออกตามความยาวของใบ มีลักษณะเป็นรูปไข่ เนื้อเยื่อยุบตัว แผลมีสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลอมม่วง ตรงกลางแผลซีดจางกว่าเล็กน้อย มีแถบสีขาวหรือสีเหลืองส้มล้อมรอบแผล กรณีอากาศชื้นจะพบบนแผลมีผงสปอร์สีดำของเชื้อราสาเหตุโรค เมื่อมีหลายแผลขยายต่อกัน จะทำให้ใบแห้ง ต้นโทรม ผลผลิตลดลง หากโรคระบาดรุนแรง ใบจะแห้งตายหมด ทำให้ไม่ได้ผลผลิต กรณีเชื้อราเข้าทำลายที่ส่วนหัว จะทำให้หัวเน่าและเก็บไว้ได้ไม่นาน ทั้งนี้ ก่อนการปลูกหอมหัวใหญ่ หอมแดง หอมแบ่ง และกระเทียม เกษตรกรควรปรับปรุงดินให้มีสภาพเหมาะสมกับการปลูก โดยการใส่ปูนขาว ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อปรับสภาพดิน และเลือกใช้หัวพันธุ์ที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค จากนั้นให้แช่หัวพันธุ์หรือต้นกล้าพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชไดฟีโนโคนาโซล 25% อีซี อัตรา 30-40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
สศก. ระบุ ผลพยากรณ์หอมหัวใหญ่ ปี 62 คาด เนื้อที่เพาะปลูกทั้งประเทศ 10,354 ไร่ ลดลงจากปี 61 เล็กน้อย ร้อยละ 0.73 ผลผลิตรวมทั้งประเทศ 37,072 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.64 ส่วนผลผลิตต่อเนื้อที่เพาะปลูกอยู่ที่ 3,580 กิโลกรัม ต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.36 เนื่องจากสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น ไม่มีโรคแมลงรบกวน ส่งผลให้ผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์หอมหัวใหญ่ ปี 2562 โดยผลพยากรณ์ (ข้อมูล ณ 20 กันยายน 2561) คาดว่า ปี 2562 เนื้อที่เพาะปลูกหอมหัวใหญ่ รวมทั้งประเทศ 10,354 ไร่ ลดลงจากปี 2561 ซึ่งมีจำนวน 10,430 ไร่ (ลดลงร้อยละ 0.73) ผลผลิต รวมทั้งประเทศ 37,072 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีจำนวน 36,838 ตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.64) ผลผลิตต่อเนื้อที่เพาะปลูกทั้งประเทศ 3,580 กิโลกรัม ต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3,532 กิโลกรัม ต่อไร่ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.36) สำหรับเนื้อที่เพาะปลูกหอมหัวใหญ่ในปี 2562 คาดว่าเนื้อที่ลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากราคาหอมหัวใหญ่เบอร์ 1 ที่เกษตรกรขายได้ ในปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 9.46
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่ค้าภายในจังหวัด และกรมศุลกากร ออกสุ่มตรวจแหล่งจำหน่ายกระเทียมขนาดใหญ่ ในบริเวณตลาดไท รังสิต เพื่อควบคุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พบว่า มีผู้ค้ากระเทียมไม่น้อยกว่า 5 ราย ไม่แจ้งปริมาณการครอบครอง และไม่มีบัญชีการซื้อและขาย ซึ่งต้องทำเป็นรายวัน จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โดยโทษหากไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุม จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกิน วันละ 2,000 บาท จนกว่าจะดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการไม่แจ้งการขออนุญาตขนย้ายโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กรมการค้าภายใน ได้ร่วมกับกรมศุลกากร ตั้งด่านตรวจสอบการลักลอบนำเข้ากระเทียม หอมหัวใหญ่ และหอมแดง อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องปรามช่วยให้เกษตรกรในประเทศจำหน่ายได้ในราคาเหมาะสม ทั้งนี้ ได้จัดชุดสายตรวจเพื่อตรวจสอบในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เน้นหนักภาคเหนือและภาคกลาง และในวันที่ 9 มีนาคมนี้ นายสนธิรัตน สนธิจิรวงค์ รัฐมน
นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงได้รับรายงานว่า ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเริ่มออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมากตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง คาดว่ามีผลผลิตกว่า 2.9 หมื่นตัน ซึ่งผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 1.2 หมื่นตัน จึงมีผลต่อราคารับซื้อต้นทาง เหลือกิโลกรัมละ 6 บาท ต่ำกว่าต้นทุน กิโลกรัมละ 10 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือ โดยขอให้เร่งดูดซับผลผลิตออกจากตลาดในช่วง 3-6 เดือน จากนี้ประมาณ 5 พันตัน เพื่อพยุงราคารับซื้อต้นทางไม่น้อยกว่า 8 บาท และเมื่อคำนวณค่าบริหารจัดการและขนส่งถึงผู้บริโภค จะจำหน่ายในราคาประมาณ 18 บาท ต่อกิโลกรัม ถือเป็นราคาต่ำกว่าท้องตลาดขณะนี้ขายอยู่ที่ 25-30 บาท ต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ แนวทางดูแลสินค้าเกษตร กระทรวงมอบนโยบายให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์ผลผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ หากพบว่าสินค้าเกษตรรายการใดมีแนวโน้มผลผลิตใหม่ออกสู่ตลาดมาก ให้เร่งจัดทำแผนรับมือล่วงหน้า โดยเฉพาะจัดเชื่อมโยงตลาดกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ เช่น ห้างส
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางพาณิชย์จังหวัดต่างๆ มีหารือพูดคุยกันถึงเรื่องที่ทางกระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งให้พาณิชย์จังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด เตรียมช่วยรับซื้อหอมหัวใหญ่จากจังหวัดเชียงใหม่ไปกระจายในพื้นที่ของตัวเอง กลุ่มจังหวัดละ 3.5 ตัน ที่จะเริ่มคิกออฟในวันที่ 9 มีนาคมนี้ โดยให้ขายในราคากิโลกรัมละ (กก.) 16 บาท (ราคารับซื้อ กก.ละ 14 บาท บวกค่าขนส่งอีก กก.ละ 2 บาท) ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความหนักใจกับพาณิชย์จังหวัดต่างๆ อย่างมาก “หลายจังหวัดมีสหกรณ์ค้าส่งหอมหัวใหญ่ และหลายพื้นที่ราคาหอมหัวใหญ่ราคากิโลกรัมละ 8-12 บาทเท่านั้น แม้เกรดจะไม่ดีมาก แต่ผู้บริโภคจะซื้อของที่ราคาถูกกว่าอยู่แล้ว ที่สำคัญหอมหัวใหญ่ เป็นพืชสวนครัวไม่ใช่ผลไม้ ที่จะรณรงค์ส่งเสริมให้คนช่วยกินหอมหัวใหญ่ได้เหมือนลำไย ที่ก่อนหน้านี้ทางพาณิชย์จังหวัดต่างๆ ก็ช่วยระบายให้”แหล่งข่าวกล่าว แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ หอมหัวใหญ่ เน่าเสียง่าย หากจะเก็บรักษาให้นานก็ต้องเช่าห้องเย็นก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก จึงทำให้พาณิชย์จังหวัดต่างๆ ปวดหัวกับมาตรการดังกล่าว เพราะมีคำสั่งจากผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์ว
กษ. พร้อมเปิดตลาดสินค้ากระเทียม เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ WTO ปี 61-63 สศก.เตรียมนำเข้า เสนอ ครม. เร็วๆนี้ แนะ เกษตรกรรวมกลุ่มกันหรือร่วมกับสหกรณ์ ชะลอการจำหน่ายผลผลิตช่วงออกผลผลิตตลาดมาก จะช่วยลดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำได้ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ มีมติเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้ากระเทียม เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2561-2563 ตามที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง เสนอ สำหรับสินค้ากระเทียม กำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้มีสิทธิ์นำเข้าในโควตาแต่เพียงผู้เดียว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อราคากระเทียมในประเทศรวมทั้งรายได้ของเกษตรกร ส่วนสินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่และหอมหัวใหญ่ จะใช้ขบวนการสหกรณ์ในการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดอย่างครบวงจร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาหอมหัวใหญ่ในประเทศ ตั้ง