อ.ส.ค.
อ.ส.ค. สบช่องเทรนด์ตลาดสุขภาพ-ความงามมาแรง ผนึกความร่วมมือ 4 หน่วยงานขยายผลงานวิจัยนำพืชสมุนไพรไทยสกัดผสมนมโคสดแท้ต่อยอดพัฒนาปั้นผลิตภัณฑ์ใหม่ รุกแตกไลน์ธุรกิจสุขภาพ-สกินแคร์-ดูแลเส้นผม มุ่งขยายฐานลูกค้าเพิ่มช่องทางรายได้องค์กร นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรโดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทย และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตราสินค้าไทย-เดนมาร์คในตลาด อ.ส.ค. ได้บูรณาการความร่วมมือลงนามบันทึกข้อตกลงด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หม่อนและไหมร่วมกัน 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมหม่อนไหม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และ อ.ส.ค. ในความตกลงร่วมกัน 3 ด้านคือ 1. วิจัยและพัฒนาหม่อนและไหมให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 2. ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยร่วมกันเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ พัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์หม่อนและไหม และ 3. ดำเนินการขยายผลงานวิจัยไปยังเกษตรกรเกิดประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง เพื่อพัฒนาเกษตรกรของประเทศให้มีอาชีพ มั่นคง ยั่งยืนยิ่งขึ้น ทั้งนี้
อ.ส.ค. ยกโรงงานนมสุโขทัยต้นแบบช่วยเหลือชุมชน หลังเข้าไปส่งเสริมหนุนเกษตรกรบ้านศรีนคร ทำ “ปุ๋ยอินทรีย์นมโค” ช่วยลดต้นทุนการผลิต พืชผักมีความกรอบอร่อยเป็นที่ต้องการของตลาด นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า จากนโยบายของ อ.ส.ค. ที่ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความปลอดภัยและการรับผิดชอบต่อสังคม ผลักดันให้แต่ละโรงงานนมของ อ.ส.ค. ทั้ง 5 แห่งขับเคลื่อนกิจกรรมในการช่วยเหลือสังคมและชุมชนบริเวณรอบๆ โรงงานอย่างเข้มแข็ง ล่าสุดสำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนล่าง (โรงงานนมสุโขทัย) ประสบความสำเร็จในการจัดทำกิจกรรมส่งเสริมเชิงเกษตรแก่คนในชุมชนคือ ด้วยการเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรสมาชิกศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านศรีนคร และวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านศรีนคร ตำบลศรีนคร อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ทำปุ๋ยหมักจากน้ำนมโคนำไปใช้ในแปลงผักของสมาชิกทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี โดย อ.ส.ค. ได้มอบน้ำนมดิบที่ไม่ได้คุณภาพจากกระบวนการผลิตและค้างอยู่ในระบบกระบวนการผลิตของโรงงานนมไทย-เดนมาร์ค ให้เกษตรกรนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์น้ำนมโคใช้ในแปลงพืชผักอินทรีย์ของสมาชิ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ลงพื้นที่เพื่อร่วมประชุมติดตามปัญหาการอนุญาตให้บริษัทเอกชนใช้เครื่องหมายการค้าตรานมไทย-เดนมาร์ค ตามที่มีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ส.ค.) ร้องเรียน โดยมีผู้แทน อ.ส.ค. คณะกรรมการสหภาพแรงงานวิสาหกิจ อ.ส.ค. ผู้แทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) ผู้แทนองค์กรสมาชิกสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหแห่งประเทศไทย (สพร.ท) ผู้แทนชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค จำกัด และผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคม เข้าร่วมประชุมหารือ ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือว่า ภายหลังจากคณะกรรมการธิการฯ ได้รับหนังสือ ขอคัดค้านการอนุญาตนำเครื่องหมายการค้า “ไทย-เดนมาร์ค” ให้เอกชนใช้ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารก จากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (สร.อ.ส.ค.) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการถึง 2 ครั้ง พร้อมทั้งได
อ.ส.ค.เดินหน้าขับเคลื่อนกิจกรรม CSR ร่วมโครงการรณรงค์สร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการจับมือชุมชนร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์ลำน้ำมวกเหล็ก พุ่งเป้าสร้างเศรษฐกิจในชุมชนสู่ความการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า นอก จาก อ.ส.ค.จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้เกษตรกรในพื้นที่แล้ว อ.ส.ค. ยังมีความแข็งแกร่งในการยืนหยัดนโยบายด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) เพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืนอีกด้วย ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างคุณค่าสู่สังคม รวมทั้งตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมโคนม และบริการ มีการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนากระบวนการผลิต สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีการกำหนดเป้าหมายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า และลดการใช้พลังงานธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมถึงการปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยการมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชนเกิดความเข้
อ.ส.ค. เสริมแกร่งศักยภาพเตรียมพร้อมนโยบายเปิดการค้าเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์นม ชู “สหกรณ์โคนมสีคิ้ว” ขึ้นแท่นสหกรณ์โคนมต้นแบบด้านคุณภาพหวังขยายผลสู่สหกรณ์โคนมพื้นที่ภาคกลางอีก 13 แห่งในอนาคต เชื่อมั่นเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพน้ำนมดิบของสหกรณ์โคนมฯและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในแหล่งผลิตโคนมที่สำคัญของประเทศ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อเตรียมรับมือนโยบายเปิดการค้าเสรีที่ประเทศไทยจะเปิด “สินค้านมและผลิตภัณฑ์นม ในปี พ.ศ. 2568” โดยจะมีการยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ารวมถึงยกเลิกมาตรการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย โดย รมช.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ดูแลและกำกับ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้มีนโยบายสั่งการให้ อ.ส.ค. เร่งหามาตรการเสริมเขี้ยวเล็บอุตสาหกรรมนมไทยเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปิดการค้าแบบเสรี โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานไปพร้อมๆ กัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดต่างประเทศ ดังนั้น หนึ่งในมาตรการสำคัญการเร่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตน้
อ.ส.ค. จับมือ สอวช. แถลงข่าวความก้าวหน้าโครงการวิจัย “การศึกษารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการจัดการของเสียในฟาร์มโคนมและการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าต่อยอดสร้างต้นแบบการจัดการมลภาวะอย่างยั่งยืนในฟาร์มโคนมของชุมชน มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมนมของไทยขึ้นแท่นมาตรฐานสากลสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในอนาคตชูแนวทางการบริหารงาน ในการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไทย ให้สามารถผลิตน้ำนมโคที่ได้มาตรฐานสากลแข่งขันกับต่างประเทศได้ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความมั่นคงทางรายได้และมีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในกิจการโคนม ในโอกาสที่ อ.ส.ค. ครบรอบ 60 ปี ของการก่อตั้งฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค หรือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปัจจุบัน ได้จัดงานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมและเทคโนโลยีโคนมไทยสู่ NEXT NORMAL” ซึ่งในปีนี้ได้นำเสนอผลงานวิชาการและงานวิจัย ด้านกิจการโคนมที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะผลงานวิจัยเด่น ที่ อ.ส.ค. ได้ร่วมทุนกับ บพข.
อ.ส.ค. จับมือ สอวช. แถลงข่าวความก้าวหน้าโครงการวิจัย “การศึกษารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการจัดการของเสียในฟาร์มโคนมและการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าต่อยอดสร้างต้นแบบการจัดการมลภาวะอย่างยั่งยืนในฟาร์มโคนมของชุมชน มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมนมของไทยขึ้นแท่นมาตรฐานสากลสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในอนาคต นายพีระ ไชยรุตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวภายหลังเป็นประธานแถลงข่าวความก้าวหน้าโครงการวิจัย “การศึกษารูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการจัดการของเสียในฟาร์มโคนมและการพัฒนาที่ยั่งยืนว่า อ.ส.ค.ในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สืบสานรักษาต่อยอดอาชีพการเลี้ยงโคนมให้กับเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน ปีนี้ ครบรอบ 60 ปี ของการก่อตั้งฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค หรืออ.ส.ค.ในปัจจุบัน งานศึกษาวิจัยค้นคว้าเพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคนมให้กับประเทศจึงเป็นภารกิจสำคัญ ซึ่งอ.ส.ค.มีเป้าหมายที่จะยกระดับความสามารถของเกษตรกรโคนมไทยให้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยการสร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมโคนมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้การประยุ
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานกรรมการ อ.ส.ค. นายพิษณุ คล้ายเจตน์ดี สหกรณ์จังหวัดสระบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และเกษตรกร ให้การต้อนรับ ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเวชภัณฑ์ยาฆ่าแมลง และถังฉีดพ่นให้กับสหกรณ์ในเขตภาคกลาง จำนวน 15 แห่ง ที่ส่งนมให้ อ.ส.ค. เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือและสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม พร้อมรับชมการสาธิตฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงด้วย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ กล่าวว่าจากสถานการณ์โรคระบาดการติดเชื้อไวรัส ลัมปี – สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อย่างมากและกำชับให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งแก้ไข
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์) ขับเคลื่อนภารกิจหลักด้านการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม พัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมโคนมไทยสู่ระดับนานาชาติ อ.ส.ค. ให้การสนับสนุนองค์ความรู้การเลี้ยงโคนมแก่เกษตรกร เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพ “โคนมพระราชทาน” น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณใน “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวง รัชกาลที่ 9)” โดย อ.ส.ค. เตรียมจัดงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติ” ประจำปี 2564 ในวันที่ 8-17 มกราคม 2564 ซึ่งพิธีเปิดในวันที่ 8 มกราคม 2564 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปทรงเปิดงาน “เทศกาลโคนมแห่งชาติ” ประจำปี 2564 ณ บริเวณเชิงเขาตาแป้น องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า งานเทศกาลโคนมแห่งชาติ ที่ดำเนินการจัดโดยองค์การส
เนื่องจากการใช้น้ำเชื้อแช่แข็งผสมเทียมโคนมในช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรจะมีโอกาสได้ลูกโคเพศเมียมีเพียง 50% เท่านั้น องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เร่งขยายผลต่อยอดน้ำเชื้อแช่แข็ง ที่ อ.ส.ค. ผลิตได้นำเข้าสู่กระบวนการคัดเพศเมีย (Sexing Semen) ด้วยปฏิกิริยาไซโตทอกซิคซิตี้ แล้วนำไปผสมเทียมในแม่โคนมของเกษตรกรทุกภาคทั่วประเทศ ทำให้เกษตรกรมีโอกาสที่จะได้ลูกโคเพศเมียเพิ่มสูงขึ้นถึง 70% ถือเป็นความต้องการของผู้เลี้ยงโคนมที่จะเพิ่มจำนวนแม่พันธุ์ภายในฟาร์ม และเป็นโอกาสในการสร้างกำไร ปัจจุบัน พ่อพันธุ์โคนมของ อ.ส.ค. ถือว่ามีศักยภาพสูงและมีชื่อเสียงมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นที่ยอมรับของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม มาเลเซีย และพม่า เป็นต้น อ.ส.ค. ได้ประเมินความสามารถทางพันธุกรรมโคนม โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูล 3 แหล่ง ได้แก่ ข้อมูลสมรรถภาพการผลิต พันธุ์ประวัติ และจีโนไทป์ เพื่อประเมินค่าการผสมพันธุ์จีโนมขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งผลการประเมินพบว่า พ่อพันธุ์โคนมที่มีความสามารถทางพันธุกรรมเป็นเ