ไม้ดอก
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า หงส์เหิน เป็นพืชในวงศ์ขิงข่ากระจายพันธุ์ในเขตร้อนชื้นและกึ่งร้อนพบในพื้นที่ป่ากระจายทุกภาคของประเทศไทย หัวพันธุ์มีลักษณะเป็นแบบเหง้าสั้น ช่อดอกออกจากปล้องปลายสุดของลำต้นเป็นช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ดอกมีลักษณะคล้ายหงส์ ออกดอกในเดือนกรกฎาคม ซึ่งตรงกับเทศกาลเข้าพรรษาจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” มีการนำไปบูชาพระ จัดแจกัน และกระเช้าดอกไม้สด เนื่องจากมีอายุการใช้งานมากกว่า 7 วัน เป็นไม้ดอกที่ต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจและมีความต้องการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีรูปทรงดอกที่แปลกตา ปัจจุบันมีการส่งออกหัวพันธุ์หงส์เหินไปยังประเทศญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ กรมวิชาการเกษตร ได้สำรวจและรวบรวมหงส์เหินจำนวน 20 สายพันธุ์ ทำการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ตัดดอกโดยใช้เกณฑ์คัดเลือก คือ สีของช่อดอกสดใส ความยาวช่อดอกไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร ความยาวก้านช่อดอกไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร การเรียงตัวของกลีบประดับถี่ และซ้อนอย่างเป็นระเบียบ สามารถคัดเลือกลักษณะตามเกณฑ์ได้ 5 สายพันธุ์ และตั้งชื่อตามลักษณะของ
“มะลิ” เป็นต้นไม้ที่ดอกมีเสน่ห์จากสีขาวบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม และจากสี กลิ่น ที่มีความเหมาะสมดังนั้นชาวพุทธจึงใช้ดอกมะลิเพื่อบูชาพระ การปลูกมะลิไม่ใช่เรื่องยาก และเป็นไม้ดอกที่สามารถปลูกได้ทุกแห่งไม่จำกัดขนาดพื้นที่และทำเล เหตุนี้จึงทำให้มีผู้ปลูกมะลิแบบจำพวกสมัครเล่นด้วยการปลูกในกระถางขนาดไม่ใหญ่ไว้ในบริเวณบ้าน ที่อยู่อาศัย เพื่อเชยชม และคลายเหงา หรืออีกจำพวกที่ปลูกเพื่อหารายได้ทำเป็นอาชีพ ซึ่งการปลูกมะลิเป็นอาชีพนั้น มีพื้นที่ปลูกหลายแห่ง ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ แต่เนื่องจากการทำอาชีพนี้เงื่อนไขอย่างหนึ่งของการกำหนดราคาตัวสินค้าคือดอกมะลิจะต้องมีความสดและสมบูรณ์ ดังนั้น ปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาเป็นสำคัญคือ การขนส่ง ฉะนั้น พื้นที่ปลูกมะลิที่สำคัญจึงมักอยู่ใกล้เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ซึ่งมีตลาดรองรับมาก การขนส่งไม่ไกลและลดความเสี่ยงในเรื่องความเสียหาย แต่ก็มิใช่เหตุผลเช่นนั้นเสมอไป เพราะมะลิเป็นดอกไม้มงคลที่ต้องใช้กันทั่วประเทศ จึงมีหลายจังหวัดทั่วประเทศสามารถปลูกได้ และหลายแห่งสามารถบริหารจัดการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนจังหวัดที่มีการปลูกมะลิกันเป็นหลัก ได้แก่ จังหวัดนครปฐ
“นิอร ปฏิทิน” เกษตรกรรุ่นใหม่วัยเพียง 41 ปี ประสบความสำเร็จปลูกดาวเรืองขาย สร้างเม็ดเงินหลักแสนบาทต่อเดือน ใช้วิชาเก่าจากอาชีพชาวนาของครอบครัว ประยุกต์เทคโนโลยีการเกษตรมาใช้กับสวนดาวเรือง 10 ไร่ ที่ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี “ดาวเรือง” ดอกไม้เศรษฐกิจ การมีอาชีพ “เกษตร” ของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถยืนได้ด้วยผลกำไรจากการค้าขายผลผลิตทางเกษตรนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสำหรับคุณนิอร ก้าวเข้ามาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกดอกดาวเรืองอย่างเต็มตัวเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งเวลานั้นเธออายุเพียง 34 ปี และอยู่ในจังหวะหมดหน้าที่จากการเป็นเลขานุการของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในแวดวงวิชาการด้านการกีฬา จึงใช้โอกาสนั้นผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว “ตอนนั้นอายุ 30 กว่าๆ ทำงานกับเจ้านาย พอดีเจ้านายเกษียณ และพ่อก็ไม่ทำนาแล้ว เพราะราคาข้าวไม่ดี ก็ดูเฟซบุ๊กอยู่เฟซบุ๊กหนึ่ง ไปเจอเขาทำไร่ดาวเรืองที่โคราช ก็เริ่มศึกษามาเรื่อยๆ ดูจากเฟซบุ๊กมา และค่อยๆ ศึกษาไป เจ้านายก็แนะนำให้หาตลาดก่อน ก่อนจะทำอะไร เพราะเจ้านายเป็นคนชอบต้นไม้ มาก และพอเรามาเป็นเกษตรกรเต็มตัวดีกว่า ก็เป็นนายตัวเอง อยู่ที่ความขยัน ความใส
ชื่อวิทยาศาสตร์ Aechmea gamosepala Wittm. cv. Matchsticks ชื่อสามัญ Match Stick Plant. ชื่อสกุล Aechmea gamosepala ชื่อวงศ์ BROMELIACEAE. ชื่ออื่นๆ หัวไม้ขีด ผมไม่ใช่ “ซาดิสม์” ไม่ใช่พวกหัวรุนแรงที่ชอบทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเจ็บปวด หรือสะใจกับความต้องการ หากเห็นบุคลิกผมแล้วจะพบแต่ความสวยงามที่เรียบง่าย เรียงกับก้านหัวดอกหมุดที่เห็นแล้วจะให้คำจำกัดความชื่อได้ยาก คือจะเรียกว่าก้านไม้ขีด หรือหัวไม้ขีดไฟ อย่างไหนดี สมกับความรู้สึกร้อนแรง หากนำก้านไม้ขีดไฟของจริงมาใช้งานนั่นหมายถึง ต้องสละชีพเพื่อเกิดแสงสว่างและเปลวเพลิง ตรงข้ามกับความเรียบง่ายของดอกไม้อย่างผมโดยสิ้นเชิง จึงเป็นที่มาของอารมณ์รักหลงประชดรักในบทเพลง เช่น เพลงไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ที่คุณวิยะดา โกมารกุล ณ นคร ขับร้อง ทำให้รู้ว่าเจ้าไม้ขีดไฟ จะหาญกล้าสู้แสงดวงอาทิตย์ มาถึงตอนนี้ผมเองก็ “อิน” ไปกับไม้ขีดไฟที่ผมแอบเชียร์อยู่ด้วยเช่นกัน จึงขอเล่าประวัติที่มาสักหน่อย เพื่อเชิดชูนักสู้ที่อาจจะมีแต่ผู้คน “สมน้ำหน้า” เพราะทั้งๆ ที่รู้ว่าการเผาตัวเองเพื่อแลกกับแสงสว่างเพียงวินาที ให้คนที่เขาหมดรัก หรือหันมามองด้วยอารมณ์ใดก็ตาม มันอาจจะไ
มีกูรูเรื่องดอกไม้บางคน แบ่งประเภทดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่เราสามารถกินได้ ออกเป็น 6 ประเภท แต่ลองอ่านดูแล้วคิดว่าน่าจะแยกแค่ 5 ประเภท เท่านั้นก็พอ ขอแบ่งตามใจตัวเองใหม่ ดังนี้ 1.ดอกของพืชผัก เช่น กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ ดอกกุยช่าย ดอกเก๊กฮวย ดอกผักกวางตุ้ง ดอกต้นหอม ดอกข่า ดอกกระเทียม ดอกฟักทอง ดอกกระถิน ฯลฯ 2.ดอกของไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ดอกกุกลาบ ดอกเข็ม พวงชมพู ลั่นทม ดาวเรือง ดาวกระจาย ชบา เฟื่องฟ้า ซ่อนกลิ่น ฯลฯ 3.ดอกของไม้ผล เช่น ดอกทุเรียน ดอกชมพู่ หัวปลี (ดอกกล้วย) ดอกมะละกอ ฯลฯ 4.ดอกของต้นไม้ป่าและไม้ยืนต้นบางชนิด เช่น ดอกพะยอม ดอกงิ้ว ดอกแคบ้าน ดอกแคป่า ดอกแคฝรั่ง ช่อสะเดา ช่อมะกอก ดอกขี้เหล็ก ดอกกระโดน ดอกลำพู ดอกนุ่น ดอกมะรุม ฯลฯ 5.ดอกของวัชพืช เช่น ดอกกะลา ดอกดาหลา ดอกบัวสาย ดอกสลิดหรือดอกขจร ดอกผักปลัง ดอกผักตบชวา ดอกกระเจียว ดอกโสน ฯลฯ ชื่อที่เอ่ยขึ้นมา เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะ คนที่จะรู้ดีว่าดอกไม้ชนิดไหนของต้นอะไรกินได้กินดีไม่มีใครเกินผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา ที่สั่งสมภูมิปัญญาพื้นบ้านถ่ายทอดกันมายาวนานนั่นเอง เรื่องดอกไม้กินได้สำหรับคนโบราณไม่ได้เป็นอะไรที
ยี่หุบเป็นไม้ไทยอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยจัดอยู่ในประเภทไม้ดอกที่มีกลิ่นหอมคล้ายคลึงกับจำปีและมณฑา ออกดอกให้ผู้ปลูกได้ตลอดทั้งปี ในบริเวณรอบบ้านหากได้ต้นยี่หุบไปปลูก จะช่วยสร้างความสวยงามให้กับสวนหย่อมหน้าบ้านได้เป็นอย่างมาก รวมถึงกลิ่นของยี่หุบก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หอมหวลชวนให้หลง ดอกยี่หุบนี้จะมีกลิ่นหอมมากในชช่วงเย็น พลบค่ำไปจนถึงช่วงเช้ามืด แม้ดอกจะออกได้ตลอดทั้งปี แต่ดอกยี่หุบหากบานแล้วจะหุบในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงได้รับฉายาว่า “ยี่หุบ” ยี่หุบเป็นไม้ดอกที่มีกลิ่นหอมสามารถนำไปปลูกประดับทำให้ผู้ปลูกรู้สึกสบายตาพร้อมกับสบายใจไปกับกลิ่นอันหอมของไม้ดอกชนิดนี้ได้ ยี่หุบมีชื่อทางวิทยาสาสตร์ว่า Magnolia coco (Lour.) DC จัดอยู่ในวงศ์ MAGNOLIACEAE ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับ จำปี จำปา\ มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ยี่หุบหนู , ยี่หุบน้อย (เชียงใหม่) ยี่หุบถูกจัดให้เป็นไม้พุ่มเตี้ยหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 2-4 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลปนสีเทา แตกกิ่งเป็นพุ่มแหลม ก้านปลายกิ่งสีเขียวเข้ม ใบของต้นยี่หุบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปร่างคล้ายกับใบหอก ส่วนปลายใบแหลมเป็นรูปลิ่ม ใบมี
มีกูรูเรื่องดอกไม้บางคน แบ่งประเภทดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่เราสามารถกินได้ออกเป็น 6 ประเภท แต่ลองอ่านดูแล้วคิดว่าน่าจะแยกแค่ 5 ประเภทเท่านั้นก็พอ ขอแบ่งตามใจตัวเองใหม่ ดังนี้ค่ะ 1.ดอกของพืชผัก เช่น กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ ดอกกุยช่าย ดอกเก๊กฮวย ดอกผักกวางตุ้ง ดอกต้นหอม ดอกข่า ดอกกระเทียม ดอกฟักทอง ดอกกระถิน ฯลฯ 2.ดอกของไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ดอกกุกลาบ ดอกเข็ม พวงชมพู ลั่นทม ดาวเรือง ดาวกระจาย ชบา เฟื่องฟ้า ซ่อนกลิ่น ฯลฯ 3.ดอกของไม้ผล เช่น ดอกทุเรียน ดอกชมพู่ หัวปลี (ดอกกล้วย) ดอกมะละกอ ฯลฯ 4.ดอกของต้นไม้ป่าและไม้ยืนต้นบางชนิด เช่น ดอกพะยอม ดอกงิ้ว ดอกแคบ้าน ดอกแคป่า ดอกแคฝรั่ง ช่อสะเดา ช่อมะกอก ดอกขี้เหล็ก ดอกกระโดน ดอกลำพู ดอกนุ่น ดอกมะรุม ฯลฯ 5.ดอกของวัชพืช เช่น ดอกกะลา ดอกดาหลา ดอกบัวสาย ดอกสลิดหรือดอกขจร ดอกผักปลัง ดอกผักตบชวา ดอกกระเจียว ดอกโสน ฯลฯ ชื่อที่เอ่ยขึ้นมา เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะ คนที่จะรู้ดีว่าดอกไม้ชนิดไหนของต้นอะไรกินได้กินดีไม่มีใครเกินผู้เฒ่าผู้แก่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา ที่สั่งสมภูมิปัญญาพื้นบ้านถ่ายทอดกันมายาวนานนั่นเอง เรื่องดอกไม้กินได้สำหรับคนโบราณไม่ได้เป็นอะไร
บัวจัดเป็นพืชน้ำชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกไว้ใกล้บ้าน สำหรับประดับตกแต่ง บางคนปลูกบัวจนขยายเป็นธุรกิจที่นำมาซึ่งการซื้อขายกันได้ บัวแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะที่แตกต่างกันไป ที่แตกต่างกันชัดเจนไม่ใช่ที่ลำต้นแต่จะเป็นดอกและใบของบัว บางพันธุ์มีดอกขนาดเล็ก บางพันธุ์มีดอกใหญ่ อาจเข้าใจว่าบัวมีการเลี้ยงดูง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด ดังนั้น เราจึงจะมาบอกกล่าววิธีการปลูก และข้อควรรู้เกี่ยวกับปลูกบัว เทคโนโลยีชาวบ้านของเราได้รับความกรุณาจาก คุณเดชรัฐ วรรณพรพาณิชย์ หรือ คุณจัมโบ้ เจ้าของสวนบัวแม่เจริญแปดริ้ว ที่แนะนำบัว วิธีการผสมพันธุ์บัว วิธีการปลูก และข้อควรรู้เกี่ยวกับปลูกบัวที่ถูกต้องให้ทุกท่านได้เข้าใจกัน คุณจัมโบ้ เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อยู่ 37/2 หมู่ที่ 2 ตำบลบางเล่า อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ฉะเชิงเทรา เป็นเจ้าของ “สวนบัวแม่เจริญแปดริ้ว” ชื่อร้านนี้มาจากชื่อของคุณแม่ เขาเคยทำงานบริษัทมาก่อน ทำอยู่ได้ประมาณ 10 ปี จึงได้ลาออกมาปลูกบัวจริงจัง คุณจัมโบ้ เล่าว่า ตอนทำงานเตรียมตัวโดยทำไร่นาสวนผสมเป็นอาชีพเสริมไปด้วย ที่ปลูกก็มีมะนา
หลายๆ ครั้งที่ผมฝันถึงการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ซึ่งผมคุ้นเคยเมื่อวัยเยาว์ ฝันถึงเพื่อนพ้อง ภูเขา ธารน้ำ หมู่ไม้และมวลดอกไม้ป่าที่คุ้นชิน วันคืนที่ผ่านล่วง ความรู้สึกโหยหาถึงอดีตที่ผ่านมา อาจเป็นเรื่องธรรมดาในช่วงปัจฉิมวัยของผู้คนบนโลกใบนี้ ที่ช่างจดจำเรื่องราวในอดีตได้แม่นยำนัก แต่มักจะลืมเลือนเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับที่วันหนึ่ง เราไปค้นเจอแผ่นซีดีเก่าๆ สักแผ่นสองแผ่น ซึ่งบันทึกภาพสับเพเหระของเราในวันคืนดังว่าเอาไว้ เมื่อนำไปเปิดออกดู แต่ละภาพในแต่ละแผ่น ก็จะเหมือนกับการย้อนคืนกลับไปสู่หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยประทับใจ ที่เราเคยมีความสุข สนุกสนานไปกับมัน เพียงแค่นึกถึงภาพที่เคยนอนเล่นอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในป่า ซึ่งเราเคยไปเที่ยวเล่น มองดูกลุ่มเฟินและกล้วยไม้อิงอาศัยหลากชนิด เกาะติดเติบโตอยู่บนคาคบ สูงต่ำไล่ระดับกันลงมา ระย้าย้อยของ ใบเฟินที่อ่อนไหวพลิกพลิ้ว คราสายลมแผ่วผ่าน สีสันและกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ป่า ช่างสวยงามดั่งภาพในความฝันที่ไม่เคยมีอยู่จริง วันเวลาในอดีตก็กลับมาเต้นเร่าอยู่ในหัวใจของเราแล้วล่ะครับ สิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านั้น บัดนี้ล้วนถูกแปรเปลี่
คุณพูลศักดิ์ คำหอม อยู่บ้านเลขที่ 422 หมู่ที่ 5 ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ได้ทำอาชีพร้อยพวงมาลัย เรียกง่ายๆ ว่า เป็นอาชีพที่เป็นรายได้หลักของครอบครัวเลยก็ว่าได้ โดยไม้ดอกที่นำมาร้อยเขาจะเน้นปลูกเองเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ได้นำผลผลิตคือดอกมะลิมาใช้ ส่วนที่มากเกินก็ส่งจำหน่าย จึงเกิดเป็นรายได้มากขึ้นหลากหลายทางอีกด้วย คุณพูลศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวก็มีที่นาอยู่บ้างโดยสินค้าทางการเกษตรก็ไม่แน่นอน ต่อมาครอบครัวจึงได้เริ่มที่จะร้อยพวงมาลัยจำหน่าย คุณแม่ก็ได้ปลูกสวนมะลิขึ้นมาด้วย เพื่อให้มีวัตถุดิบมาใช้สำหรับร้อยพวงมาลัย ต่อมาเมื่อเขาโตขึ้นจนเรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ก็ได้ทำงานเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับวิศวกร จึงมีเวลาว่างในช่วงที่ยังไม่ได้ไปติดตั้งงานระบบ ทำให้มีเวลากลับมาอยู่บ้านบ่อยๆ เมื่อเห็นดงมะลิที่ครอบครัวปลูกก็รู้สึกว่าน่าจะมีผลผลิตได้มากกว่านี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เขามาสนใจการปลูกมะลิในเวลาต่อมา คุณพูลศักดิ์ คำหอม “บอกเลยว่าเกษตร ตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไร เห็นที่บ้านทำ