ไม้ยืนต้น
จังหวัดปราจีนบุรี ภูมิประเทศที่หลากหลายโดยพื้นที่ที่ราบลุ่มจะจัดสรรเป็นพื้นที่ทำนาและพื้นที่ราบสูงขึ้นมาหน่อยก็จะทำสวนไม้ผลโดยหลักๆ แล้วจะเป็นสวนทุเรียน ต่อมาประมาณปี 2546 ก็ได้เริ่มมีการทำไม้ดอกไม้ประดับกันมากขึ้น ทำให้เกษตรกรภายในพื้นที่มีการทำเกษตรที่หลากหลาย จึงเกิดเป็นช่องทางอาชีพทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณอำนวย พรมนนท์ เป็นเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นอาชีพ จนเรียกง่ายๆ ว่าทำมาตั้งแต่เริ่มแรกก็ว่าได้ จนทำให้อาชีพ ไม้ดอกไม้ประดับนั้นสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวให้กับเขาได้เป็นอย่างดี คุณอำนวย ชายผู้มากด้วยรอยยิ้ม เล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพทำเกี่ยวกับไม้ประดับมาเป็นสิบปี โดยในแต่ละช่วงก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของพันธุ์ไม้ที่ปลูกไปตามที่ตลาดต้องการ โดยในช่วงก่อนหน้านั้นจะทำไม้จำพวกโมก ต่อมาเมื่อตลาดค่อยๆ หมดความนิยมลง จึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นไม้จำพวกไม้ไทย ที่ลูกค้ามักนิยมนำไปปลูกเพื่อเป็นไม้ร่มเงาภายในบริเวณบ้าน “สมัยก่อนนี่ทำต้นโมก ช่วงนั้นตลาดดี แต่เสียอย่างเดียวโมกต้องหมั่นตัดแต่ง ต่อมาพอความนิยมเริ่มลดลง ก็เลยเปลี่ยนมาทำเป็นไม้ประดับ เป็นแบบไม้ขุดล้อม ตั้งแต่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงขนาดเล็ก
ใครที่กำลังมองหาต้นไม้ไว้ปลูกไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่สวนก็ตาม วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแนะนำ “ไม้ยืนต้นกินได้” ที่เรียกได้ว่าปลูก 1 ได้ประโยชน์ถึง 3 อย่าง ปลูกครั้งเดียวเก็บกิน เก็บขายได้ทั้งปี แถมยังช่วยเพิ่มร่มเงาให้อยู่เย็นสบายอีกด้วย ว่าแต่จะมีชนิดไหนกันบ้างตามมาดูกันเลย 1. ดอกแคนา เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง จัดเป็นต้นไม้ทรงพุ่ม กลายมาเป็นไม้ประดับยอดนิยมตามสวนสาธารณะ ทั้งยังสามารถเก็บดอกทรงปากแตร สีขาวสวยงาม กลิ่นหอมอ่อนๆ มาลวกจิ้มน้ำพริก เรียกว่าปลูกเอง เก็บเอง กินเอง แถมยังขายเสริมรายได้ช่วงวันหยุดได้อีกด้วย • ลักษณะของดอกแคนา เป็นต้นไม้ที่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี ดูแลง่าย จะมีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขาต่ำ ใบมีรูปร่างคล้ายทรงรีหรือรูปไข่ โดยใบออกตรงข้ามกันประมาณ 3-5 คู่ โคนใบเบี้ยว ปลายใบมน ใบจะหยักคล้ายซี่ฟันตื้น ต้นแคนาจะออกดอกเป็นช่อกระจะสั้น ดอกมีขนาดใหญ่ คล้ายรูปแตรสีขาว ซึ่งจะออกดอกที่บริเวณปลายกิ่ง ดอกบานจะมีสีขาว ส่วนดอกตูมจะมีสีเขียว ดอกแคนาจะค่อยๆ บานออกทีละดอก ส่วนใหญ่ดอกจะบานในตอนกลางคืน ซึ่งดอกมีกลิ่นหอม และจะออกดอกช่
“คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม” เป็นผู้จุดประกายความคิดให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกกฎกระทรวงเพื่อเพิ่มทรัพย์สินอื่นมาเป็นหลักประกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงเปิดเวทีประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม สหกรณ์สวนป่าภาคเอกชน กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สมาคมธนาคารไทยและธนาคารรัฐ เช่น ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน SME Bank ปรากฏว่า ทุกหน่วยงานต่างสนับสนุนแนวคิดเรื่องการใช้ไม้มีค่าเป็นสินทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ เพราะนโยบายนี้สร้างผลดีต่อประเทศชาติ รวมทั้งภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงได้นำไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าสูงมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยการออกเป็นกฎกระทรวง ตามมาตรา 8 (6) แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เพื่อเปิดทางให้ใช้ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่าสามารถนำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ได้รับความสะดวกและมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้นแล้ว นโยบายดังก
ต้นทองหลาง เป็นไม้ยืนต้นตระกูลถั่วที่ชาวสวนนนทบุรีนิยมปลูกไว้ในสวนทุเรียน โดยจะปลูกไว้ริมคันสวน เพื่อยึดดินและใช้เป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นปุ๋ยอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยธาตุอาหารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ดิน ต้นทองหลางจึงเหมาะเป็นพืชที่บำรุงดินเพราะสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาเป็นปุ๋ย และรักษาระบบนิเวศสวนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งรากของต้นทองหลางยังมีความพิเศษที่สามารถดูดเก็บเอาน้ำในดินเลี้ยงลำต้นได้มากกว่าไม้ทุกชนิด ถ้าหากปลูกต้นทองหลาง ทองหลางเป็นพืชตระกูลถั่ว ถือว่าเป็นถั่วขนาดยักษ์ พบไม่น้อยกว่า 2 ลักษณะ ขอแนะนำทองหลางลักษณะแรกก่อน คือ “ทองหลางด่าง” ชื่ออื่นๆ ที่เรียกกันคือ ทองบ้าน, ทองเผือก, ทองหลางลาย เป็นไม้ขนาดกลางถึงใหญ่ มีความสูงประมาณ 18 เมตร ลักษณะลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมโค้ง คม ปลายหนามเป็นสีม่วงคล้ำ ผิวเปลือกลำต้นบาง สีเทาหรือสีเหลืองอ่อนๆ ใบ ออกเป็นช่อ มีประมาณ 3 ใบ ใบรูปมน ปลายใบแหลมยาวคล้ายใบโพธิ์ ใบที่อยู่ยอดมีขนาดใหญ่กว่าใบย่อยคู่ล่าง ขนาดของใบกว้าง 2-4 นิ้ว ยาว 2-5 นิ้ว หลังใบเป็นสีด่างเหลืองๆ เขียวๆ ดอก ออกเป็นช่อติดกันเป็นกลุ่ม สีแดงสด ออกตามบริเวณข้อต้นหรือโคนก้านใบ ช่อหนึ่งยาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ Baccaurea macrophylla Muell. Arg ชื่อวงศ์ EUPHORBIACEAE, PHYLLANTHACEAE ชื่อสามัญ Balacuya, Malayan Baccaurea ชื่ออื่นๆ ลูกปุย ลำแข รังแข มะไฟควาย มะแค้ (ปัตตานี) ตัมโปย (มลายู) ลารัก (ชาวเงาะป่าซาไก) ตัมปุยบูลัน (อินโดนีเซีย) หนูรู้สึกน้อยใจกับชีวิตเล็กน้อย ในฐานะสาวบ้านป่าชาวใต้ ที่ถูกจำกัดอยู่เฉพาะถิ่น เฉพาะจังหวัด จะหันไปพึ่งพาเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่ได้รับการส่งเสริม หรือจัดเป็นพืชพันธุ์เศรษฐกิจ ซ้ำยังถูกจัดเป็นผลไม้ป่า “หายาก เสี่ยงสูญพันธุ์” อีก ยิ่งกลุ้ม กว่าจะได้พบผู้คนก็ต่อเมื่อมีคนเข้าไปเก็บ ไปสอย ในชายป่าออกมาแขวนห้อย เป็นช่อเป็นพวงขายข้างทาง ให้ผู้คนที่ขับรถผ่านไปมาซื้อ ส่วนใหญ่ก็แขวนห้อยพวงคู่กับพวงมะไฟหรือละไม แต่พอใครเห็นพวงที่ห้อยหนูไว้กลับคิดผิด แล้วนินทาว่า ทำไมร้านนี้จึงเอากระท้อนมาห้อยขาย เห็นไหมเข้าใจผิดหนักไปอีก ทั้งๆ ที่หนูผลเล็กกว่ากระท้อน เพราะมองไกลๆ จะคล้ายๆ กัน ยิ่งช่วงปีนี้วิกฤตหนักไปอีก เมื่อมีประกาศของรัฐขอความร่วมมือลดการเดินทางและกิจการขนส่งคมนาคม ด้วยการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ยิ่งทำให้หนูไม่ได้เจอผู้คนซะเลย ชื่อของหนูนอกจ
ช่วงนี้ในบ้านเรามีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในหลายพื้นที่ ตลอดไปจนถึงช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เมื่อมีการอยู่บ้านกันมากขึ้นเพื่อหยุดการระบาดของเชื้อโควิด ทำให้หลายๆ ท่าน ต้องการพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณที่อยู่อาศัยเป็นทั้งร่มเงาที่ช่วยลดความร้อนให้กับพื้นที่ หรือเมื่อพักสายตาได้มองอะไรที่เป็นสีเขียวก็คงสดชื่นไม่น้อยทีเดียว จึงทำให้ไม้ดอกไม้ประดับมีความต้องการที่แตกต่างกันไปของพื้นที่อยู่อาศัย อย่างเช่น บางท่านอยู่ในพื้นที่คอนโดฯ อาจจะเน้นเป็นไม้ดอกไม้ประดับใบที่มีขนาดพอเหมาะ แต่ผู้ที่มีพื้นที่มากก็จะทดลองเลือกปลูกไม้ยืนต้นที่เป็นทั้งไม้มงคลและไม้ยืนต้นดอกหอมที่ให้ความผ่อนคลายด้วยเช่นกัน “ไม้ขุดล้อม” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ต้องการรอเวลาในการเจริญเติบโต สามารถนำมาปลูกให้ร่มเงาและเชยชมความงามได้อย่างทันตาเห็น ทำให้อาชีพการจำหน่ายไม้ขุดล้อมสามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าที่ต้องการทางด้านนี้ได้เป็นอย่างดี คุณมะลิ กายสอาด เกษตรกรหญิงจังหวัดสระบุรี ได้ยึดการทำไม้ขุดล้อมเป็นอาชีพสร้างรายได้มามากกว่า 20 ปี มีการปรับเปลี่ยนการปลูกไม้ให้เท่าทันความต้องการของตลาดอยู่เสมอ ตลอดจนหาไม้ใหญ่ไม้มง
เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะไม้ประดับสวยงาม ผมทดลองปลูกเฟื่องฟ้าไว้ข้างบ้าน ปลูกมาแล้วเกือบ 3 ปี แต่ก็ให้ดอกน้อยมาก ผมจะต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอแสดงความนับถือ พิพัฒน์ จันทร์เอี่ยม ชัยนาท ตอบ คุณพิพัฒน์ จันทร์เอี่ยม เฟื่องฟ้า (Bougainillea ssp.) เป็นไม้ยืนต้นกึ่งเลื้อย มีขนาดตั้งแต่พุ่มเล็กจนถึงพุ่มใหญ่ มีหนามขึ้นตามลำต้น เฟื่องฟ้าเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินปลูกนั้นต้องระบายน้ำได้ดี อีกทั้งทนต่อสภาพแวดล้อมแห้งแล้งได้ ยิ่งแล้งยิ่งออกดอกดี ประการสำคัญ เฟื่องฟ้าต้องการแสงแดดจ้าตลอดทั้งวัน เฟื่องฟ้าเป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้อย่างยอดเยี่ยม จึงขึ้นได้ดีตั้งแต่เขตทะเลทราย ไปจนถึงเขตอบอุ่น ที่บ้านเราให้น้ำสัปดาห์ละครั้งก็พอ เมื่อได้รับแสงเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ยอมออกดอก แนะนำให้ใช้ปุ๋ย สูตร 12-24-12 หรือสูตรใกล้เคียงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอก หากคุณปฏิบัติได้ตามคำแนะนำนี้แล้ว เฟื่องฟ้าที่คุณปลูกไว้จะให้ดอกสวยงามสมใจ …………………. เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป
คุณวัชรพล สรแสง อายุ 25 ปี เกษตรกรปลูกมะขามป้อมยักษ์ เจ้าของ “สวนหนุ่มวัชรพล” บ้านโคกหินช้าง ตำบลสาหร่าย อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา เขาพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยนำพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ ปลูกมะขามป้อมยักษ์ เพราะสังเกตเห็นตั้งแต่เด็กๆ ว่า มีต้นมะขามป้อมป่าขึ้นเต็มไปหมด ในขณะที่ปลูกมันสำปะหลังไม่ได้ผล และขาดทุน จนวันหนึ่งหนุ่มรายนี้ไปที่จังหวัดราชบุรี เห็นไร่มะขามป้อมลูกใหญ่ จึงหันกลับมาคิดถึงพื้นที่ของตัวเองเห็นว่ามะขามป้อม เป็นพืชประจำถิ่นเป็นสมุนไพร และมีสรรพคุณทางยามากมาย (อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด) ซึ่งชาวอินเดียรู้จักกันดีว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า Amalaka แปลว่า “พยาบาล” บ่งบอกถึงสรรพคุณมากมายของมะขามป้อม เขาเลยซื้อต้นพันธุ์มา ในราคากิ่งละ 1,500 บาท จำนวน 300 ต้น มาปลูก การลงทุนซื้อกิ่งมะขามป้อมยักษ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในวงเงินกว่า 400,000 บาท (4 แสนบาท) ทำให้ครอบครัวของเขาถูกเพื่อนบ้านมองว่าเพี้ยน มองว่าบ้า เพราะไม่รู้ว่ากิ่งมะขามป้อมที่มีความยาวประมาณข้อศอกจะอยู่รอดไหม เมื่อไรจะออกลูก และจะไปขายให้ใคร แต่ถึงวันนี้ชาวบ้านแถวนั้นเรียกเขาว่า “เสี่ย” และบางส่วน
“ความขม” ของพืชหลายชนิดที่นิยมลิ้มรสกัน แล้วแต่คนชอบ ขมมากขมน้อย หรือบางคนไม่ชอบขมเลย คงจะให้คำตอบว่า ชีวิตนี้ก็ขมมากพอแล้วไม่อยากเติมความขมเข้าตัวเองอีก ก็ว่ากันไป นิยมขมมากหน่อยก็ต้องเจอแบบ คนอื่นไม่กล้ากิน กัดทีขมติดลิ้น ซึมเข้าประสาทลิ้มรสแบบไม่ต้องกลืน เช่น บอระเพ็ดแสนเข็ดขม ฟ้าทลายโจรก็สุดขม หนานเฉาเหว่ย (ป่าช้าหมอง) ก็ที่สุด บางคนแม้แต่ขมผลมะแว้ง ก็เมินหน้าหนีแล้ว แต่ที่แนะนำวันนี้คือ ของขมอร่อย มีขมหลายระดับ แต่ถ้ารู้จักทำกินจะขมแบบพึงใจ ขมของสะเดาเป็นขมที่ตบท้ายด้วยหวาน ที่จริงสะเดามีความขมหลายระดับ ตั้งแต่ขมจัด ขมมาก ขมปานกลาง ขมน้อย จนถึงไม่ขมแต่มีรสจืดปนมัน คือแต่ละต้น แต่ละสายพันธุ์ มีความแตกต่างกัน คนซื้อหาสะเดาจากตลาด หมดโอกาสเลือก หรือจะใช้วิธีชิมเอา ก็ลองหาวิธีดู ตอนนี้ที่ตลาดมีขายเป็นกำเป็นมัด มีทั้งสด และลวกน้ำร้อนแล้ว ติดตามต่อไป จะแนะนำวิธีลดความขมของสะเดา ลดได้จริงแบบเอาที่สบายใจได้ครับ สะเดา ณ เวลานี้ไม่กล้ายืนยันว่ามีถิ่นต้นกำเนิดมาจากไหน เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไร เพราะมีข้อมูลไม่ชัดเจนนัก แต่มีในบันทึกให้ศึกษาได้ว่า คนสยามนิยมกินสะเดาเป็นผักแกล้มน้ำพริกมา
วันนี้ได้รับการชวนจาก ดร.ชูพงศ์ คำจวง เจ้าของโครงการ “นอนบ้านมั่งคั่ง นอนนาแก้จน” จาก ดร. มาเป็นเกษตรกร ทำเอง ทำจริงเป็นตัวอย่าง หรือที่เรียกว่า “แหล่งเรียนรู้” จะไปศึกษาดูงานเรื่องที่ดินกับหมอดินอาสา ที่บ้านอีกุด อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ได้รับเกียรติจาก ดร.ชูพงศ์ เป็นสารถีให้นั่งรถ มุ่งหน้าจากตัวจังหวัดสกลนครไปตามถนนสายสกลนคร-นครพนม เลาะเลียบชมความเขียวขจี ท้องทุ่งริมหนองหารยามนี้ ข้าวกล้ากำลังงาม ภาพเขียวขจีมองผ่านต้นไม้ มองเห็นเทือกเขาภูพาน ตระหง่านด้วยสีน้ำเงินเข้ม ยามท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆหมอก ขับมาไม่นาน ผ่านอุทยาน “หนองหารน้อย” หรือที่เรียกกันว่า “สวนบัว” เข้าสู่ “บ้านท่าแร่” ที่เอ่ยชื่อแล้วหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี และใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็เข้าสู่ตัวอำเภอกุสุมาลย์ ดินแดนที่ว่า “ดินแดนดอกกระเจียว เขียวงามผักหวาน ยอดอาหารไข่มดแดง แมงแคงจั๊ักจั่น ลือลั่นวัฒนธรรมไทโส้” อยู่ห่างจากตัวจังหวัดสกลนคร 45 กิโลเมตร พอเข้าเขตเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ มีแยกตรงหน้าโรงเรียนบ้านกุสุมาลย์เลี้ยวซ้ายเข้าไป ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านอีกุด ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เป็นบ้านของ คุณ