“ข้าวตราฉัตร”ร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น จัดโปรโมชั่นแรงสุดเขย่าซัมเมอร์ท้าร้อนนี้ ด้วยการส่ง 2 โปรฯ เด็ด
โปรที่ 1 : เพียงซื้อข้าวฉัตรอุบล (ข้าวหอม 100% นุ่ม หุงเป็นเมล็ดสวย อร่อยเป็นเอกลักษณ์) ขนาด 15 กก. ราคาพิเศษถุงละ 545 บาท (จากปกติ 575 บาท) และซื้อข้าวฉัตรส้ม (หอมฟู นุ่มกำลังดี หุงขึ้นหม้อ เอนกประสงค์ทุกเมนู) ขนาด 5 กก. ราคาพิเศษถุงละ 139 บาท (จากปกติ 179 บาท) เริ่มช้อปกันได้ตั้งแต่วันนี้- 22 เมษายน 66 นี้
โปรที่ 2 : พิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ ซื้อข้าวตราฉัตร ครบ 300 บาท รับโค้ดส่วนลดทันที 50 บาท/1 ใบเสร็จ เพียงพิมพ์รหัสโค้ด CHATP50 เริ่มตั้งแต่วันนี้- 23 เมษายน 66 นี้เท่านั้น
สามารถช้อป 2 โปรฯ เด็ด ได้ที่ All Online ช้อปสะดวก หรือง่ายๆ ก็พร้อมบริการส่งสินค้าใกล้บ้าน >> https://bit.ly/2SNi7Pj (โค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัด)
MOST POPULAR
การให้ปุ๋ยทางใบ (Foliar Fertilizer) คือการให้อาหารเสริมแก่พืชโดยการฉีดพ่นสารอาหารละลายน้ำลงบนใบพืชโดยตรง โดยสารอาหารจะถูกดูดซึมผ่าน ปากใบ (Stomata) และ ผิวใบ (Cuticle) เข้าสู่ระบบภายในของพืช การให้ปุ๋ยทางใบจึงเป็นทางเลือกที่ดีเมื่อต้องการฟื้นฟูพืชเร่งด่วน โดยเฉพาะธาตุอาหารรองและจุลธาตุ เช่น แมงกานีส, สังกะสี, เหล็ก, โบรอน ฯลฯ การฉีดพ่นสารอาหาร หรือสารต่างๆ ทางใบ ต้องฉีดพ่นให้ถูกเวลาและถูกวิธี เพื่อให้พืชได้ประโยชน์สูงสุดที่ฉีดพ่น แนะนำให้ฉีดพ่นตอนเช้าในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด หรืออย่างช้าอย่าให้เกิน 10.00 น. เพราะช่วงที่มีแสงแดดอ่อนๆ แสงจะช่วยให้ใบพืชดูดธาตุอาหารได้มากขึ้น เนื่องจากใบพืชมีการสังเคราะห์แสง พืชจึงได้รับพลังงานเสริมสำหรับกระบวนการดูดธาตุอาหารไปใช้ได้ดีมากขึ้น และแสงทำให้ปากใบพืชเปิดธาตุอาหารจึงผ่านเข้าทางปากใบได้ดีอีกด้วย เน้นฉีดพ่นเข้าใต้ใบ เนื่องจากปากใบพืช 70% อยู่ใต้ใบ อีก 30% อยู่บนใบ การฉีดพ่นปุ๋ย ฮอร์โมน หรือสารบำรุงพืชทางใบจึงควรฉีดเข้าไปที่ใต้ใบ และควรฉีดพ่นตอนฟ้าเปิด แต่ถ้าช่วงที่ดอกบานหรือดอกกำลังผสมเกสร ไม่ควรฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เพราะจะรบกว
“ผักชี” พืชผักสวนครัวมากประโยชน์ และเป็นผักโปรดของใครหลายคน ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน โดยเฉพาะต้นและรากที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร ไม่ว่าจะใช้ต้มทำน้ำซุป ทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวให้มีรสชาติหอม หรือจะนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์เพื่อดับกลิ่นคาวก็ได้ หรือถ้าใครเป็นสายแซ่บ ชอบกินอาหารทะเลที่ต้องคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด รากผักชีถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแชร์วิธีการปลูกผักชีแบบง่ายๆ ไว้กินเอง ใช้พื้นที่ไม่มาก มีตะกร้าใบเดียวก็สามารถมีผักชีไว้เก็บกินได้ตลอด วิธีปลูกผักชีสำหรับมือใหม่ การเตรียมดิน – ดินร่วน 2 ส่วน – ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน – ทราย 1 ส่วน – แกลบดำ 1 ส่วน – แกลบเก่าหรือขุยมะพร้าว 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ผักชีเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด ดังนั้น ก่อนที่จะปลูกต้องเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้พร้อม – โดยการนำมาบดให้แตกเป็นสองซีก เพื่อช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น – นำไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง – นำมาผึ่งลมให้แห้งแล้วเคล้ากับทรายหรือขี้เถ้าทิ้งไว้จนเมล็ดเริ่มงอก แล้วนำไปหว่านในแปลงปลูก หรือในภาชนะปลูกที่เตรียมไว้ วิธีป
มะตาด หรือแอปเปิ้ลมอญ เป็นไม้ยืนต้นประเภทหนึ่งที่คนไทยเชื้อสายมอญต่างรู้จักกันมาเนิ่นนาน นิยมปลูกกันแทบทุกหลังคาเรือนในแหล่งชุมชนชาวมอญ ส่วนที่มาของชื่อ แอปเปิ้ลมอญ เนื่องจากผู้เฒ่าผู้แก่เห็นว่า ผลมะตาดสวยและมีรสเปรี้ยว ในเมื่อมีแอปเปิ้ลฝรั่งแล้วก็ต้องมีแอปเปิ้ลมอญนั่นเอง มะตาด (matat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dillenia indica Linn. เป็นพืชที่เจริญได้ในป่าดิบชื้น หรือป่าฝนเขตร้อนใกล้แม่น้ำ ป่าพรุ ในภาคใต้ของไทย เรียกว่า ” แส้น ” พบในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพังงา และมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นว่า ส้านกวาง ส้านท่า ส้านใหญ่ ส้มปรุ และ ส้าน สำหรับภาคเหนือ เรียกว่า ส้านป้าว (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคกลางพบในจังหวัดปทุมธานี กาญจนบุรี และปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังพบการกระจายตัวของ มะตาดในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ยูนนาน ชวา คาบสมุทรมาลายู ลาว เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ ลักษณะทั่วไป ต้นมะตาด เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร ใบใหญ่ สีขาว ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ตามง่ามใบก้านดอก ลำต้นมักคดงอ เปลือกหนาสีเทา หรือน้ำตาลแดง ลอกเป็น ยาว 3-5 เซนติเมตร มีขนสาก กลีบรองกลีบดอกเป็
“โคก หนอง นา โมเดล” คือ รูปแบบหรือแบบแผนการพัฒนาจัดการพื้นที่ทางการเกษตรที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ให้เป็นระบบมากขึ้น เน้นแนวทางการทำเกษตรแบบอินทรีย์ และการสร้างชีวิตที่มีความยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประโยชน์ของโคก หนอง นา โมเดล มีส่วนช่วยเรื่องการประหยัด ช่วยในเรื่องการพึ่งพาตนเองจากกิจกรรมเกษตรที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกปัจจัย บรรเทาปัญหาด้านเศรษฐกิจครัวเรือน ที่สำคัญยังลดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งภายในพื้นที่ในช่วงเกิดวิกฤตทางธรรมชาติ ขนาดพื้นที่ทำโครงการโคก หนอง นา มักเริ่มจาก 1 ไร่ เพื่อสร้างกรอบการเรียนรู้ตามลักษณะองค์ประกอบที่กำหนดเป็นพื้นฐานแต่ละอย่างให้เข้าใจและปฏิบัติถูกต้องตามวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนเสียก่อน จากนั้นผู้ดำเนินโครงการจะขยายพื้นที่ออกไปตามศักยภาพเป็นจำนวนเท่าไรก็ได้ ที่ท่าม่วง กาญจนบุรี มีอดีตสจ๊วตใช้พื้นที่ตัวเองจำนวน 1 ไร่ ทำโครงการโคก หนอง นา ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเพียง 6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิดนำไปใช้ในธุรกิจโฮมสเตย์ของตัวเองได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถือเป็นการพึ่งพาตัวเองช่วยลดต้นทุนได้อย่