เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
News

“เกษตรแม่นยำ” ทางเลือก ทางรอด ของชาวสวนส้ม

งานวิจัย “เกษตรแม่นยำ” สกว. พบทางเลือก ทางรอด จากโรครากเน่าของต้นส้ม เตรียมพัฒนาต่อยอด การเพิ่มผลผลิต การควบคุมคุณภาพ และลดต้นทุน ให้กับเกษตรกร

ฝ่ายเกษตร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ร่วมกับสำนักประสานงาน เครือข่ายวิจัยเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture Research Network Coordination Office) โดยศาสตราจารย์ ดร.อรรถชัย จินตเวช ได้จัดการประชุมประชุมเครือข่ายวิจัยพัฒนาและนำใช้เกษตรแม่นยำ สกว. หรือ TRF-PA research, development and implementation ( TRF-PA ) ครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุม นคร ณ ลำปาง ศูนย์วิจัยระบบทรัพยากร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11-12 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอและเชื่อมโยงองค์ความรู้จากงานวิจัยในมิติต่างๆของระบบเกษตรกรแม่นยำและลดการใช้สารเคมี ในการสร้างต้นแบบการนำใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำสำหรับสวนส้มร่วมกับเจ้าของสวนที่เป็นเกษตรกรรายย่อย (Figure 1)   

โดยการประชุมดังกล่าวมีการนำเสนอผลการวิจัยด้านการจัดการโรคต้นโทรมของส้มเขียวหวานอย่างแม่นยำและยั่งยืนจังหวัดเขียงใหม่ โดย ศ.ดร.ชัยวัฒน์ โตอนันต์และคณะ จากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การพัฒนาสถานีตรวจวัดอากาศแบบไร้สายและระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรแม่นยำ โดย ผศ.ดร.เกริก ปั้นเหน่งเพ็ชร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การพยากรณ์ภูมิอากาศรายฤดูเพื่อใช้สำหรับแบบจำลองการคาดการณ์ผลผลิต โดย อ.ดร.ชาคริต โชตอมรศักดิ์ คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ การพัฒนาเซ็นเซอร์ทางเคมี เพื่อการวิเคราะห์ธาตุอาหาหารพืชในดินสำหรับการเกษตรแบบแม่นยำ โดย ศ.ดร.เกตุ กรุดพันธ์ และคณะ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทั้ง 4 โครงการเป็นการบูรณาการงานวิจัย เพื่อพัฒนาต้นแบบปฏิบัติเกษตรแม่นยำ ทั้งฐานข้อมูลทรัพยากรเกษตรเพื่อเสริมการตัดสินใจ มีการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศเกษตร (Agro-Info-Technology: AIT) มีเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำสะดวกต่อเกษตรกร  มีการจัดเก็บข้อมูลของตัวแปรด้านกายภาพ ด้านชีวภาพและด้านสังคมเศรษฐกิจ เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์ความเข้าใจและอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างผลผลิตที่ได้รับกับความแปรปรวนเชิงพื้นที่และเชิงเวลาของตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งต้องการความเชี่ยวชาญหลายด้านและเวลาในการประมวลผลและนำใช้ เพื่อสนับสนุนการเตรียมการเข้าสู่เกษตรแม่นยำอย่างมีประสิทธิภาพและผล

อย่างไรก็ตามสำหรับเกษตรกร เรื่องระบบเกษตรแม่นยำ ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเกษตรกรรายย่อย  จึงต้องวิเคราะห์ ถึงสถานการณ์ และปัญหา เพื่อหาจุดความสนใจร่วมกันระหว่างนักวิจัยกับเกษตรกร และทำให้เกษตรกรเข้าใจและยอมรับ ยกตัวอย่าง การแก้ไขปัญหาโรคต้นโทรมของส้มเขียวหวาน ซึ่งทาง ศ.ดร.ชัยวัฒน์ โตอนันต์ ได้เข้าไปพูดคุย แลกเปลี่ยนกับเกษตรกร และเกษตรกรที่ปลูกส้ม จังหวัดเชียงใหม่ ยอมเข้าร่วมการทดลอง 3 สวน อยู่ในพื้นที่ ต.ปางเสี้ยว อำเภอไชยปราการ สวนส้มใน อำเภอแม่อาย และสวนส้ม ต.ปู่หมื่น อำเภอฝาง   ซึ่งกระบวนการวิจัยจะพัฒนาเกษตรกรให้เข้าใจศาสตร์การวิจัยเพื่อการแก้ไขปัญหาไปด้วย  ดังนั้นนอกจากการจัดการต้นโทรมของส้มแล้ว ยังมีการสร้างสถานีตรวจวัดอากาศแบบไร้สาย การพัฒนาเซ็นเซอร์ทางเคมี เพื่อการวิเคราะห์ธาตุอาหาหารพืชในดิน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะทำให้รู้ว่าแต่ละช่วงอากาศเป็นอย่างไร การเปลี่ยนแปลงของพืชเป็นอย่างไร น้ำ อากาศแบบนี้ จะมีระบบอะไรเข้ามาจัดการ อย่างไรก็ดีความรู้ ในเรื่องต่างๆ เหล่านี้นักวิจัยจะเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลแก่เกษตร ให้ได้มากที่สุด ส่วนจะตัดสินใจประการใดนั้น ขึ้นอยู่กับเกษตรกร เพราะต้องคำนึงถึงรายได้ และความพร้อมของเกษตรกร ก่อนที่จะนำเอาเทคโนโลยีที่โครงการวิจัยได้ดำเนินการศึกษามาปรับใช้

ศ.ดร.ชัยวัฒน์ โตอนันต์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลับเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการ “การจัดการโรคต้นโทรมของส้มเขียวหวานอย่างแม่นยำและยั่งยืน” ว่า ต้นส้มแสดงอาการของโรคต้นโทรม คือ มีลักษณะใบเหลือง รากฝอยเน่า ถอดปลอก เมื่อนำมาวิเคราะห์สาเหตุของ โรคต้นโทรมของส้ม พบว่ามาจากเชื้อราสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของโรคกรีนนิ่ง

“การดำเนินการในช่วงปีแรกนี้ พบว่า การใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ทำให้รากส้มมีการฟื้นตัว แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการแตกยอด และสีสันของใบส้ม ที่ยังมีความแตกต่างกับต้นส้มที่ใช้สารเคมี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการใส่อินทรียวัตถุน้อยเกินไป หลังจากนี้ จะต้องหาวิธีการเพิ่มขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพควบคู่กับการใช้สารเคมี และระหว่างการดำเนินการวิจัย ได้แนะนำให้เกษตรกรทดลองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมี เช่น การเพิ่มอากาศให้กับรากส้ม เพราะปัญหารากเน่าส่วนหนึ่งเกิดจากอากาศไม่สามารถผ่านลงไปใต้ผิวดิน โดยสังเกตผิดดินในสวนส้มทั้ง 3 สวน รวมถึงการเติมวัตถุอินทรีย์เข้าไปในดิน เพื่อเพิ่มความชื้น และระบายอากาศในดิน ที่สำคัญ คือ การลดใช้สารเคมี เพื่อสร้างโอกาสทางด้านการตลาด ยกระดับราคาของส้ม และความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมถึงตัวเกษตรกรเองด้วย” ศ.ดร.ชัยวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายณัฐพล วิสิทธวงศ์ ทายาทสวนส้มสิทธวงศ์ กล่าวถึงเหตุผลในการเข้าร่วมโครงการวิจัยนี้ว่า ที่ผ่านมาสวนส้มสิทธวงศ์ ประสบกับปัญหาของโรครากเน่า เช่นเดียวกับสวนอื่นๆ ซึ่งทางสวนได้พยายามหาวิธีการลดใช้สารเคมี โดยเชื่อว่าเป็นโอกาสทางการตลาด ตามกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ จนเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการชักชวนจากอาจารย์ชัยวัฒน์ ให้เข้าร่วมโครงการวิจัย เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข ควบคุมปัญหาในเรื่องโรคส้ม อย่างไรก็ดีนอกจากการลดการใช้สารเคมีแล้ว ตนอยากให้โครงการวิจัยพัฒนาต่อยอดงานวิจัยในประเด็นต่างๆเพิ่มอีก เช่น จุลินทรีย์กำจัดศัตรูพืช การสร้างต้นพันธุ์ที่แข็งแรง และการตลาด ทั้งภายในและต่างประเทศ เพราะการใช้สารเคมี เป็นการเพิ่มต้นทุน ซึ่งส่งผลทางลบทั้งระยะสั้นและระยะยาว

Related Posts