เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Inspiration

หนุ่มกาฬสินธุ์จบ กศน.ขายส้มตำรถเข็นจนตั้งตัวได้ ใช้เงินเก็บซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ต 50ไร่

ถอดรหัสความคิด เหตุไฉนหนุ่มกาฬสินธุ์ จบเพียง กศน. ขายส้มตำรถเข็นธรรมดาๆ จึงมีเงินเก็บไปซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ตด้วยเงินสดถึง 50 ไร่

ปกติเวลาผู้เขียนไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด จะไปพักที่ไหนก็ตาม  ไม่มีความคิดว่าจะนำมาเขียน ทว่า พอได้ไปพักที่ เฮือนสวนดอนธรรม ซึ่งเป็นรีสอร์ตน่าไปพัก ตั้งอยู่ที่บ้านสะอาดใต้  ตำบลเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพียงได้เห็นที่พักและได้รู้เรื่องราวของผู้เป็นเจ้าของ ทำให้ผมเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

จะไม่สนใจได้อย่างไรในเมื่อคนที่พาผมไปพักที่นี่ เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า เจ้าของชื่อ โชฎึก (อ่านว่า โชดึก) คงสมของ  แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว

ก่อนที่คุณโชฎึกจะมาเป็นเจ้าของรีสอร์ตกว่า 20 หลัง  อาคารสัมมนา และร้านอาหาร อยู่บนเนื้อที่ 50 ไร่ นั้น เขามาจากพ่อค้ารถเข็นขายส้มตำ

ที่ใช้รถเข็นขายส้มตำก็เพราะไม่มีทุนที่จะไปเช่าบ้าน หรือเซ้งตึกแถวขาย ปกติอีกนั่นแหละ คนที่เข็นส้มตำขายก็จะเข็นส้มตำขายอย่างเดียว แต่สำหรับเขานั้น มีอาชีพหลักอยู่ที่การบินไทย ในตำแหน่งไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก ได้เงินเดือนไม่มาก เขาจึงใช้วิธีหารายได้เสริมด้วยการเข็นรถขายส้มตำดังกล่าว

เนื่องจากเขาเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นภาคอีสานของไทย จึงสามารถทำส้มตำได้อร่อยถูกคอคนกิน ส้มตำของเขาจึงขายดีมีรายได้โดยรวมมากกว่าการทำงานประจำที่การบินไทย ทั้งๆ ที่ขายส้มตำเฉพาะเวลาเลิกงานและวันหยุดงานเท่านั้น

ถึงตรงนี้ ทำให้เขามีเงินเหลือที่จะมาเริ่มต้นซื้อที่ดินเพื่อทำรีสอร์ตได้ คนที่พาผมไปพักได้ทิ้งเรื่องราวของเจ้าของรีสอร์ตไว้เพียงแค่นี้ โดยบอกกับผมว่า

“ถ้าอยากรู้เรื่องของเขาต่อก็ให้ไปถาม และสัมภาษณ์เขาโดยตรงได้”

เย็นวันนั้น ผมและผู้ร่วมเดินทางได้ไปกินอาหารที่ร้านคาวบอยลาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรีสอร์ตเฮือนสวนดอนธรรม โชคดีได้พบกับเจ้าของคือ คุณโชฎึก  ผมจึงได้รู้ประวัติของเขาเพิ่มเติมว่า

ชั้นประถมเขาเรียนหนังสือปกติ และตั้งแต่ ม.ศ.3 ไปจนจบ ม.ศ.5 เรียนศึกษาผู้ใหญ่ จากหนุ่มบ้านนอกเมืองกาฬสินธุ์ ได้ตรงเข้ากรุงเทพฯ โดยอาศัยอยู่ที่วัด

สมัครเข้าทำงานที่การบินไทย ไม่ได้เป็นสจ๊วต หรือหน้าที่ดีๆ แต่อยู่แผนกขนถ่ายสินค้า ต้องออกแรงมากกว่าใช้สมอง  เขาอยู่ที่การบินไทยถึง 25 ปี มีตำแหน่งก้าวหน้าพอสมควรแต่มีเงินเดือนเพียงแค่อยู่ได้เท่านั้น จึงหารายได้พิเศษด้วยการเข็นรถขายส้มตำดังกล่าวข้างต้น

3

ต่อมาจากใช้รถเข็นขายส้มตำ เปลี่ยนเป็นเปิดร้านขายส้มตำ เห็นว่าพอไปได้จึงได้ลาออกจากการบินไทย

ถึงตรงนี้เขาสามารถมีร้านขายส้มตำถึง 2 ร้าน ตอนที่เขาอายุ 55 ปี เกิดมีความคิดขึ้นมาว่า ไม่อยากปล่อยชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว  พร้อมอดคิดถึงอนาคตไม่ได้ว่า

ถ้าตายที่กรุงเทพฯ คงมีคนมางานศพไม่กี่คน สู้ไปตายที่บ้านเกิดไม่ได้ เพราะมีญาติพี่น้องเยอะ จะต้องมีคนไปงานศพเป็นร้อยๆ คนแน่

แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนให้เขาตัดสินใจว่าควรพาตัวเองไปอยู่ต่างจังหวัด  เกิดจากกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับการทำเกษตรแบบพอเพียงของในหลวง

เขาตัดสินใจอยู่ไม่นานก็เดินทางกลับบ้านที่กาฬสินธุ์ ใช้เงินสะสมจากการขายส้มตำ หาซื้อที่ดินเพื่อดำเนินชีวิตตามกระแสพระราชดำรัส เนื่องจากที่ดินเดิมเป็นทุ่งนา ราคาจึงถูกมาก สามารถซื้อที่ดินด้วยเงินสดได้เลย

จากนั้นได้พัฒนาที่ดินโดยขุดสระ เอาดินจากการขุดมาถมที่นาให้สูงขึ้น ส่วนที่เป็นสระได้เลี้ยงปลา  ที่ดินที่ถมแล้วได้ปลูกต้นไม้ยืนต้น และปลูกผัก  ทั้งผักทั่วไปและผักสวนครัว

2

โดยได้แบ่งที่ส่วนหนึ่งไว้ทำนาและปลูกบ้านพัก

เขาปลูกต้นไม้ยืนต้นเกือบทุกชนิดที่งอกงามได้ในภาคอีสาน รวมทั้งปลูกไผ่ด้วย เพียงไม่กี่ปี เฉพาะต้นไม้ยืนต้น เขาสามารถปลูกได้เป็นหมื่นต้น โดยคาดว่าต้นไม้ยืนต้นเหล่านี้พออีก 20-30 ปีข้างหน้า แค่ตัดขายก็จะได้เงินหลายล้านบาท

แทบทุกอย่างที่เขาปลูกเขาเลี้ยงนำมากินมาใช้ เหลือก็ขาย โดยยึดหลักปลูกทุกอย่างที่กินได้ กินทุกอย่างที่ได้ปลูก

ระยะที่กำลังรอให้ต้นไม้เติบโต เขาได้ความคิดว่า ควรทำบ้านพัก หรือรีสอร์ต เพื่อรับนักท่องเที่ยว จากนั้นจึงได้เริ่มก่อสร้างบ้านพักไปปีละหลังสองหลัง พร้อมกับเปิดร้านอาหารด้วย

เป้าหมายของการเปิดร้านขายอาหารก็เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาพัก ทว่าพอทำร้านอาหารขึ้นมาจริงๆ มีคนภายนอกเข้ามากินอาหารวันละไม่น้อย  เขาไม่ได้แค่ตั้งชื่อร้านว่า คาวบอยลาว เท่านั้น  ตัวเขาเองยังแต่งกายเป็นคาวบอยด้วย  โดยมีม้าล่ามอยู่กับเสาหน้าร้าน เพื่อเป็นสัญลักษณ์

ขณะที่เขากำลังทำทุกอย่างบนที่ดินผืนนี้ เขาก็ไม่ได้ทิ้งร้านส้มตำที่กรุงเทพฯ  เพียงแต่ได้มอบหมายให้ญาติคอยดูแล  จึงเป็นรายได้ประจำอีกทางหนึ่ง

คุณโชฎึกใช้เวลาทำงานตามความฝัน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากในหลวง เพียง 10 กว่าปีสามารถมีบ้านพักเป็นหลังๆ  20 กว่าหลัง  ที่พักรวมอีก 2 หลัง จุคนได้เป็นร้อย

ปัจจุบันมีผู้คนได้มาขอเรียนรู้เป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการทำนา  ปลูกต้นไม้  เลี้ยงปลา  ทำปุ๋ย และอื่นๆ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ฉะนั้น  ผู้อ่านและไม่ได้อ่านท่านใด อยากไปพัก หรือไปเรียนรู้  ติดต่อจองที่พักได้ที่ โทรศัพท์ (082) 801-8885, (089) 896-2495

จากวันนั้นถึงวันนี้ คุณโชฎึกใช้เวลาเพียง 10 กว่าปี  ถือว่าพบกับความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เขายอมรับว่าที่สามารถมามีวันนี้ได้ เกิดจากการมีอาชีพขายส้มตำ นั่นเอง

Related Posts

อมพระมาพูด! พระเครื่องเวอร์ชันใหม่ แปลงร่างเป็น “นกหวีดพารอด” ที่ช่วยได้ในยามคับขัน ใช้วัสดุรักษ์โลก แถมผ่านพิธีปลุกเสกมาแล้ว 
“ถนนทรงวาด” จากเส้นการค้าแรกในไทย จุดเริ่มต้นธุรกิจเจ้าสัว สู่ย่านสุดฮิตของวัยรุ่นเทสต์ดี
เริ่มต้นใหม่หลังเกษียณ! อดีตนักข่าวสำนักดัง สู่บาริสต้ารุ่นใหญ่ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า "อายุไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เรายังมีประโยชน์ ยังมีไฟ"