ยุคของแพง ผู้บริโภคระวังการใช้จ่าย ธุรกิจอาจต้องยอมขาดทุน เพื่อแลกยอดขาย
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะดีเซลซึ่งล่าสุดทะลุลิตรละ 30 บาทไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 ตามการทยอยลดความช่วยเหลือของภาครัฐ ซึ่งหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังยืนสูงต่อ ต้นทุนของผู้ประกอบการย่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าครองชีพและกำลังซื้อของผู้บริโภคได้รับผลกระทบตามมาจากการทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการในระยะข้างหน้า
โดยในภาวะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในขณะที่รายได้อาจไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายอย่างระมัดระวังหรือประหยัดมากขึ้น และส่งผลย้อนกลับมายังยอดขายของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่น่าจะทำยอดขายได้บ้าง ประกอบด้วยสินค้า 3 ประเภทต่อไปนี้
1. สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ของใช้ส่วนตัว และผลิตภัณฑ์และบริการด้านสุขภาพ เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็น แต่ผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านราคาและความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
2. สินค้าที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า และแผงโซลาร์เซลล์
3. สินค้ามือสอง เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ไอที รถยนต์และบ้าน
ทั้งนี้ ปัจจัยประการหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจข้างต้นอาจพอทำยอดขายได้ น่าจะมาจากการยอมลดมาร์จิ้นหรือยอมขาดทุนบ้างเพื่อให้มียอดขายมาหล่อเลี้ยงกิจการ ซึ่งวิธีการนี้ก็อาจเสี่ยงต่อความอยู่รอดของกิจการได้เช่นกัน
โดยเมื่อมองให้ลึกลงไป การได้มาซึ่งยอดขายของแต่ละธุรกิจ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละกิจการและสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการขาย ทำเลที่ตั้ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ และการแข่งขันในตลาด ซึ่งในระยะข้างหน้า ยังคงมีความท้าทายมากมายรออยู่
เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจไทยยังมีความเปราะบางสูงจากการระบาดของโควิด ผลพวงจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนและมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ไปจนถึงต้นทุนธุรกิจในส่วนอื่นๆ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วและซับซ้อนยิ่งขึ้น
ที่มา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
———————————————————————-
เริ่มแล้ววันนี้ M-Code สแกนปั๊บ ลุ้นรับโชค สแกนเลย! ลุ้นรับ ‘บัตรเติมน้ำมันบางจาก’ มูลค่า 5,000 บาท วันละ 1 รางวัล ภายใต้แคมเปญใหญ่ ‘MATICHON – KHAOSOD SEA GAMES 2022’