อัญชัน หลายคนมองว่าเป็นวัชพืช จริงๆ แล้วไม่ถือว่าเป็นวัชพืชโดยตรง แต่ก็มีลักษณะบางอย่างที่คล้ายวัชพืชในบางบริบท เช่น โตเร็ว เลื้อยคลุมพื้นที่ได้ง่าย ถ้าไม่ควบคุม อัญชันอาจขึ้นคลุมต้นไม้อื่นหรือแทรกในแปลงเพาะปลูกได้
ในทางการเกษตรและสมุนไพร อัญชันถือเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก เช่น ใช้ทำสีอาหาร สกัดเป็นสมุนไพร หรือใช้เป็นพืชคลุมดินบำรุงดิน เพราะเป็นพืชตระกูลถั่วที่ช่วยตรึงไนโตรเจน
ปัจจุบันมีเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามเริ่มมีการปลูกอัญชันสร้างรายได้กันมากขึ้น โดยการปลูกและนำไปตากขายเป็นดอกแห้ง ให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่จะส่งออกไปต่างประเทศ โดยตลาดหลักตอนนี้อยู่ที่ประเทศจีนสำหรับการนำไปทำสมุนไพร
ชมพู่-เฌอพัชญ์ นามชารี พนักงานบริษัทเอกชน เจ้าของสวนพรธิดา การ์เด้น – สวนอัญชัน ออร์แกนิค ปากทางบ้านนาเลา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ผู้เป็นแรงผลักดันและสนับสนุนให้ครอบครัวสร้างรายได้เสริมจากการปลูกอัญชันส่งขายสร้างรายได้เสริมกว่าเดือนละ 30,000 บาท
จุดเริ่มต้นของการปลูกอัญชันสร้างรายได้ คุณชมพู่เล่าให้ฟังว่า เกิดจากที่คุณแม่เห็นเพื่อนบ้านเริ่มปลูกอัญชันกันเยอะ จึงได้มาปรึกษากับตนเองว่าอยากจะปลูกอัญชันสร้างรายได้เสริมอย่างเพื่อนบ้านดูบ้าง ซึ่งในตอนนั้นก็มีความกังวลกลัวแม่จะโดนหลอก จึงได้ไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกและการตลาดของดอกอัญชันว่ามีคนรับซื้อจริงๆ หรือไม่ และน่าเชื่อถือมากแค่ไหน ก็ได้ใช้เวลาในการหาข้อมูลจนมั่นใจแล้วว่าการปลูกอัญชันเป็นพืชที่น่าสนใจ เพราะอัญชันเป็นพืชที่ปลูกง่าย ใช้เวลาดูแลน้อย เก็บดอกขายได้ทุกวัน หากดูแลดีๆ ปลูกครั้งเดียวเก็บดอกได้นานหลายปี รวมไปถึงในแง่ของการลงทุนปลูกอัญชันใช้เงินลงทุนน้อย หลายพื้นที่ปลูกบนพื้นที่ 2 งาน ใช้เงินลงทุนเพียง 1,000 บาท หรืออาจจะลงทุนมากกว่าเล็กน้อย สำหรับเราแล้วเป็นการลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ หากปลูกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าได้สานความฝันของแม่ และให้มีกิจกรรมในครอบครัว แต่พอได้ลงมือปลูกและได้เก็บผลผลิตจริงๆ แล้วผลตอบรับดีเกินคาด ตอนนี้มีผลผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
ปลูกอัญชันพื้นที่ 2 งาน
มีรายได้ 600-1,000 บาท/วัน
คุณชมพู่ บอกว่า การปลูกอัญชันสำหรับตนเองถือเป็นกิจกรรมครอบครัวเพราะทุกคนช่วยกันทำทั้งหมด เริ่มปลูกอัญชันครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 67 จากพื้นที่ข้างบ้านจำนวน 2 งาน ปัจจุบันตลาดมีความต้องการสูงและสร้างรายได้ดี จึงได้ขยับขยายพื้นที่ปลูกเป็น 1 ไร่ เลือกปลูกพันธุ์เทพรัตนไพลิน 63 ลักษณะเด่น 1. ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ ซ้อนเวียน 2. ผลผลิตดอกสดเฉลี่ย 2,122 กิโลกรัมต่อไร่ 3. เก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรกเร็วกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป 6 วัน 4. ปริมาณแอนโทไซยานินรวมมากกว่าพันธุ์ปลูกทั่วไป 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ําหนักกลีบดอกสด 100 กรัม
โดยสิ่งที่น่าสนใจตลอดระยะเวลาที่ปลูกอัญชันสร้างรายได้เป็นระยะเวลา 5-6 เดือน คือรายได้ดี และเหมาะมากๆ สำหรับการทำเป็นอาชีพเสริม ซึ่งราคาขายขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ รวมถึงเกรดของดอกอัญชันที่มีตั้งแต่เกรดเอ ไปจนถึงเกรดซี แต่ที่สวนของเราเลือกที่จะทำเกรดเออย่างเดียว ด้วยแนวคิดที่ว่าถ้าทำแล้วต้องทำให้ได้ดีไปเลย โดยราคารับซื้อของดอกอัญชันตากแห้งเกรดเออยู่ที่กิโลกรัมละ 300-320 บาท
รวมไปถึงขั้นตอนการปลูกการดูแลไม่ยุ่งยาก ผู้สูงอายุ หรือวัยเกษียณที่อยู่บ้านว่างๆ อยากหารายได้เสริมเหมาะมากๆ เพราะเป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ตั้งแต่ที่ปลูกมาที่สวนยังไม่พบหกับอุปสรรคมากนัก ใช้เวลาปลูก 2 เดือนกว่าได้เก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรก หลังจากนั้นสามารถเก็บดอกขายได้ทุกวัน ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้นานประมาณ 2-3 ปี หากดูแลต้นดีๆ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน 4 ปี ในกรณีที่ไม่มีโรคระบาด
วิธีการปลูก
เริ่มจากการเพาะเมล็ด หากปลูกครั้งแรกแนะนำให้ซื้อเมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อได้ หรือถ้าหากสวนไหนปลูกมาแล้วสักพักสามารถเก็บเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อได้ โดยเลือกเมล็ดพันธุ์จากฝักแก่ นำมาแกะเอาเมล็ด แล้วน้ำไปแช่น้ำอุ่นไว้ 1 คืน หรือแช่ไว้ 5-6 ชั่วโมง แล้วห่อผ้าชุบน้ำให้ชื้น นำห่อผ้าใส่ลงในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท หมกทิ้งไว้ 2-3 วัน ให้เมล็ดงอก
จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่งอกแล้วมาหยอดลงในถาดเพาะเมล็ด ใช้พีทมอสเป็นวัสดุปลูก จนต้นกล้าอายุได้ 20-25 วัน หรือมีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้
การเตรียมแปลง ไถตากดินฆ่าเชื้อโรคในดิน 1-2 อาทิตย์ จากนั้นทำการยกร่องปลูกสูงประมาณ 50-60 เซนติเมตร ป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขังเวลาฝนตก ขนาดความกว้างของแปลง 2 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างแปลง 2 เมตร เป็นระยะห่างที่กำลังเหมาะสม หากเว้นระยะห่างระหว่างแปลงน้อยเกินไปจะได้ให้การจัดการดูแลและการเก็บเกี่ยวทำได้ยาก เนื่องจากอัญชันเป็นพืชที่ปลูกง่ายโตเร็ว แขนงจะปกคลุมทางเดินหมด
หลังจากทำการยกร่องเตรียมแปลงเสร็จแล้ว ที่สวนจะทำการปักค้างขึงตาข่ายไว้สำหรับให้ต้นอัญชันเลื้อย จากนั้นใช้ผ้าคลุมดินกันวัชพืชปูทับไปที่ร่องแปลงปลูก เพื่อให้สะดวกในการทำงานและลดแรงงานในการกำจัดวัชพืช
การปลูก ปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตรปลูกหลุมละ 1 ต้นหากสวนไหนมีพื้นที่จำกัดสามารถปลูกระยะถี่กว่านี้ก็ได้เช่นกัน แต่อาจจะทำให้การดูแลรักษายากสักหน่อย
การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย
อัญชันเป็นพืชที่ต้องการแดดจัดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงต่อวัน ชอบดินชื้นแต่ไม่แฉะ ถ้าดินแฉะเกินไปจะทำให้รากเน่าได้ ซึ่งระบบการให้น้ำของที่สวนเนื่องจากยังปลูกในพื้นที่ไม่มาก ระบบน้ำจะเป็นระบบการใช้สายยางเดินรดน้ำทุกวันในช่วงเย็น แต่หากเป็นช่วงหน้าฝนก็จะงดการรดน้ำ ข้อดีของการเดินรดน้ำเองคือเราจะได้เดินตรวจแปลงสังเกตโรคและแมลงศัตรูพืชไปด้วย หรือถ้าหากต้นมีอายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป สามารถหาอาหารเองได้แล้ว ก็สามารถลดการให้น้ำเหลือวันเว้นวัน
ส่วนเรื่องของการบำรุงใส่ปุ๋ย ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงปัจจุบันที่สวนใส่ปุ๋ยคอกไปแค่ครั้งเดียวแบบไม่หมัก 1 ครั้ง ใส่ในช่วงที่ต้นเริ่มตั้งตัวได้แล้ว หรืออายุประมาณ 20-25 วัน จากนั้นรอเก็บผลผลิตได้เลย ใช้เวลาเพียง 2 เดือนก็เริ่มเก็บดอกได้แล้ว แต่ถ้าใครอยากให้มั่นใจก็ให้นำปุ๋ยคอกไปหมักไว้สัก 1 เดือนก่อนนำมาใช้
การป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช ในเรื่องของโรคและแมลงศัตรูพืชตลอดระยะเวลาในการปลูกที่สวนยังไม่เจอกับโรคและแมลง แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่สวนของเราก็ได้มีการศึกษาหาความรู้ในการรับมือและป้องกันอยู่ตลอด โดยส่วนใหญ่ที่พบเจอแปลงของคนรู้จักคือปัญหาเชื้อรา ทำให้เกิดความเสียหายยกสวนได้
วิธีการเก็บดอกอัญชัน ใช้แรงงานคนในการเก็บทุกวันตอนเช้า หากวันที่อากาศสดใสอัญชันจะออกดอกได้ดีมาก อย่างของที่สวนพื้นที่ 2 งาน วันที่อากาศดีๆ สามารถเก็บดอกอัญชันได้มากถึง 29 กิโลกรัม แต่ถ้าหากวันไหนที่บรรยากาศไม่สดใส ฟ้าครึ้ม อัญชันจะออกดอกน้อย รวมถึงกรณีที่อากาศร้อนจัดหรือหนาวจัดก็ส่งผลต่อการออกดอกของอัญชันเช่นกัน
หลังจากเก็บเกี่ยวมาแล้วต่อไปคือการคัดดอก คัดสิ่งที่ปะปนมา เช่น เศษดิน เศษใบไม้ และดอกที่ไม่สวยออก เมื่อได้ดอกอัญชันคุณภาพเกรดเอตามต้องการแล้ว จะนำไปตากแดด โดยที่สวนจะประดิษฐ์ที่ตากเองโดยการใช้มุ้งไนลอนขึงกับท่อพีวีซี ต่อติดกันเป็นสี่เหลี่ยม แล้วเอาไปวางบนสังกะสี จะทำให้ดอกอัญชันแห้งเร็ว ถ้าวันไหนแดดจัด จะใช้เวลาแค่ 1 วันในการตากแดด แล้วนำไปผึ่งลมอีก 1 วัน หากตากไว้นานไปจะทำให้ดอกไหม้ สีไม่สวย แต่ถ้าวันไหนแดดแรงไม่มาก ให้ตากทิ้งไว้สักวัน แล้วผึ่งให้แห้ง เสร็จแล้วนำมาเก็บรักษาไว้ในถุงพลาสติก เก็บให้พ้นแสง เพื่อคงสภาพดอกอัญชันให้สีสดสมบูรณ์
ตลาดส่งออกยังต้องการอีกมาก
ตอนนี้! มีผลผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
อัญชัน หลายคนมองเป็นวัชพืช หรือมองว่าเป็นพืชที่ไม่มีค่า แต่ถ้าได้รู้ถึงสรรพคุณของดอกอัญชันจริงๆ แล้วคุณจะไม่คิดแบบนั้นเลย คุณชมพู่ เล่าถึงการตลาดของดอกอัญชันว่า จากที่เริ่มต้นปลูกอัญชันพื้นที่ข้างบ้าน 2 งาน ปัจจุบันขยายพื้นที่ปลูกเป็น 1 ไร่ ก็เพราะว่าความต้องการของตลาดมีมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเองถึงที่ จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่อยากถ่ายทอดความสุขของคนที่บ้านที่ได้ทำเกษตรให้คนอื่นได้เห็น กลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ มีผลผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
โดยจะแบ่งตลาดออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มลูกค้าที่เข้ามารับเองถึงที่สวน กับกลุ่มลูกค้าออนไลน์ มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มพ่อค้าสมุนไพรที่รับไปขายต่อส่งออกไปยังประเทศจีน รวมถึงมีการรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงที่ยังหาตลาดเองไม่ได้ในราคา 250 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะมีเงื่อนไขในการรับซื้อดังนี้
1. ต้องเป็นพันธุ์เทพรัตน์ไพลิน63
2. ดอกต้องแห้งสนิทไม่มีเชื้อรา
3. ขั้วเขียวดอกสีสด
4. ปลูกแบบอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์
การสร้างรายได้ สามารถสร้างรายได้ได้ทุกวัน วันละ 600-1,000 บาท คิดเป็นรายได้เสริม 30,000 บาทต่อเดือน สำหรับราคาขายดอกอัญชัญตากแห้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 300-320 บาท โดยต้องใช้อัญชัญสด 10 กิโลกรัม ถึงจะได้ดอกอัญชัญแห้ง 1 กิโลกรัม
แนะนำสำหรับเกษตรกรมือใหม่
“การปลูกดอกอัญชันเป็นอาชีพที่เหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่อยากมีรายได้เสริม หรือจะเป็นกลุ่มผู้สูงวัยอยู่บ้านแล้วเบื่อ ถ้าอยากมีรายได้เสริมก็มาปลูกอัญชัน อย่างน้อยตอนเช้าเราได้เดินออกกำลังกายในการเก็บดอก เราทำแค่ความสุขของเราก่อนเดี๋ยวเงินมาเอง งานไม่ยาก เพราะที่บ้านหลักๆ มีแต่ผู้สูงอายุทำ และใครที่ทำแล้วกังวลเรื่องตลาด ทุกวันนี้ทุกคนเข้าถึงสื่อโซเชียล ทุกคนสามารถสร้างตัวตนได้หมดเลย อย่างเราไม่ได้ไปหาลูกค้าเอง เราก็ทำเพจขึ้นมาเพื่อจะบอกเล่าความสุขของคนในบ้าน แล้วก็มีคนสนใจทักมาสั่งของเราเอง หรือลองเข้ากลุ่มผู้ปลูกอัญชันดูก็จะมีกลุ่มที่แบบให้ความรู้ให้ข้อมูล ก็ให้ไปหาความรู้จากคนอื่นก่อน ส่วนตัวมองว่าอนาคตสดใจ และใช้เงินลงทุนน้อยมากๆ หลายคนลงทุนปลูกอัญชัน 1,000 บาท บนพื้นที่ 2 งาน มันเหมือนตู้เซฟที่เก็บสะสมรายได้ทุกวัน” คุณชมพู่ กล่าวทิ้งท้าย
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 089-270-7061 หรือติดต่อไดที่เพจ : พรธิดา การ์เด้น – สวนอัญชัน ออร์แกนิค ปากทางบ้านนาเลา
ต้นขนุนเป็นพืชที่ออกผลบริเวณโคนต้นและโคนกิ่ง “การตอกลิ่มไม้ฝาง” เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใช้บังคับให้ต้นขนุนออกผลตามตำแหน่งที่ต้องการ เริ่มจากเลือกต้นขนุนอายุ 3-5 ปี ที่พร้อมให้ผลผลิต จากนั้นเหลาแก่นฝางให้มีขนาดและรูปร่างเช่นเดียวกับไม้จิ้มฟัน ตอกทำมุมฉากกับเปลือกต้นขนุน เมื่อถึงเนื้อไม้ตอกต่อไปไม่ได้แล้ว ให้หักก้านส่วนที่เหลือทิ้ง ทารอยแผลด้วยปูนแดง ป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าไปตามรอยแผล วิธีตอกลิ่มไม้ฝางสามารถบังคับให้ขนุนออกดอกติดผลบริเวณดังกล่าวได้ แต่ไม่สามารถบังคับให้ออกผลได้ในเวลาจำกัด ต้องคอยจนถึงฤดูที่ให้ผลคือ ครบรอบของการติดผลเท่านั้น บางครั้งต้องใช้เวลาหลายเดือนก็มี คุณลุงไสว ศรียา ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่องค์ความรู้ดังกล่าว ได้บอกกับผู้คนที่สนใจว่า วิธีตอกลิ่มไม้ฝางบังคับให้ขนุนออกผลนั้นเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ก่อนหน้านี้ คุณลุงไสวเคยทดลองนำไม้ไผ่เสียบลูกชิ้น และไม้ชนิดอื่นๆ มาทดลองตอกต้นขนุน แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกับการใช้แก่นฝาง สาเหตุที่แก่นไม้ฝางช่วยให้ขนุนติดลูกได้นั้น เกิดจากในไม้แก่นไม้ฝางมีสารชนิดห
ขึ้นชื่อว่าต้นไม้ ให้ทั้งความร่มรื่นและร่มเงา ทุกๆ บ้านต้องมีต้นไม้ปลูกกันแน่ๆ แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาต้นไม้มาปลูกในบ้าน ต้องศึกษาข้อมูลจำเพาะ ลักษณะลำต้น ระบบรากก่อนว่าต้นไม้ชนิดนั้นๆ เหมาะจะปลูกในบริเวณบ้านหรือไม่ เนื่องจากต้นไม้บางต้น มีรากที่แข็งแรง โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่รอบบ้านน้อยๆ 2-4 เมตร ที่มักจะมีปัญหารากไม้ที่ปลูกใกล้บ้านชอนไชทำให้บ้านร้าวเสียหาย วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแนะนำต้นไม้ที่ให้ร่มเงา รากไม่ชอนไช แต่ก่อนอื่นควรเลือกต้นไม้ที่มีขนาดเหมาะสมกับตัวบ้าน ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นคุณสมบัติที่ดี และน่าเลือกมาปลูกนั่นเอง 🌿ต้นล่ำซำ ต้นล่ำซำ เป็นต้นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่หลายบ้านนิยมปลูก ทางฮวงจุ้ยถือว่าการปลูกต้นล่ำซำจะช่วยนำพาความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือธุรกิจต่างๆ มาให้แก่ผู้ปลูกและคนในบ้านด้วย ยังเป็นต้นไม้จัดสวนฟอร์มสวยที่นิยมปลูกในบริเวณบ้านเพื่อให้ร่มเงา อีกทั้งยังเป็นไม้ยืนต้นที่ใบไม่ค่อยร่วง ไม่ต้องคอยทำความสะอาดพื้นบ่อยๆ และลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่มาก สูงได้ถึง 25 เมตรเลยทีเดียว ควรปลูกห่างจากบ้านประมาณ 5-6 เมตร ป้อง
เป็ด เป็นสัตว์ปีกที่ผู้คนให้ความสนใจนำมาเลี้ยงไม่แพ้ “ไก่” แถมให้ผลผลิตไข่จำนวนมาก และราคาขายดีอีกด้วย ไข่เป็ดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสีของไข่แดงจะมีออกส้ม มีรสชาติดี หอม มัน เป็นแหล่งรวมโปรตีนชั้นดีที่หาบริโภคได้ง่ายที่สุด และเป็ดไข่ไม่จำเป็นต้องดูแลเยอะหากเทียบกับไก่ไข่ เหมาะสำหรับการทำเป็นอาชีพเสริมที่ผู้ดูแลมีเวลาจำกัด ใครที่กำลังมองหา “เป็ดไข่” มาเลี้ยงแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกสายพันธุ์ไหนมาเลี้ยงดี🤔 เลี้ยงยากไหม แล้วต่างกันยังไง เลี้ยงเพื่อเก็บไข่มาจำหน่าย เลี้ยงเพื่อบริโภคเนื้อ หรือเลี้ยงเพื่อความสวยงาม วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแนะนำ 5 สายพันธุ์ เป็ดไข่น่าเลี้ยง ก่อนจะลงทุน ไปดูกันเลย 🐤เป็ดกากีแคมเบลล์ เป็ดพันธุ์นี้พัฒนาพันธุ์โดย Adele Campbell ในประเทศอังกฤษตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 จนได้เป็นเป็ดพันธุ์ที่ให้ไข่ดกที่สุดในโลกพันธุ์หนึ่ง โดยให้ไข่ประมาณ 300 ฟองต่อปี เป็นเป็ดที่ให้ผลผลิตไข่ดี ไข่ดก ไข่ใหญ่ และเป็นพันธุ์ที่ทนต่อโรค เป็ดกากีแคมเบลล์ มีขนสีน้ำตาล แต่ขนที่หลังและปีกมีสีสลับอ่อนกว่า ปากสีดำ ค่อนข้างไปทางเขียว จะงอยปากต่ำ ตาสีน้ำตาลเข้ม คอส่วนบนสีน้ำตาล แต่ส่วนล่างเป็นสีกากี ขา
ผักเป็นอาหารที่กินกันทุกบ้าน แต่คนไทยปลูกผักสวนครัวกันน้อยลง หันมาซื้อผักตลาดเป็นส่วนใหญ่ คุณสำรวย แตงขาว ชาวสวนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ปลูกผักมานานกว่า 10 ปี ได้แบ่งปันประสบการณ์ว่า ควรปลูกผักชนิดไหนที่ได้เงินไว และตลาดมีความต้องการสูงตลอดทั้งปี ปัจจุบัน คุณสำรวยวัย 57 ปี ปลูกผักบนเนื้อที่ 3 ไร่ อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 3 ตำบลทวีวัฒนา อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี. เบอร์โทร. (091) 409-4337 คุณสำรวยเคยปลูกพืชมาหลายชนิด แต่ตัดสินใจปลูกผักเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะปลูกดูแลง่าย อายุเก็บเกี่ยวสั้น ทำเงินไว อาศัยทักษะบริหารจัดการวิธีปลูกแบบหมุนเวียน ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทำให้มีรายได้ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี “ อาชีพชาวสวนผมว่ายั่งยืนนะ ทุกวันนี้ ผมปลูกผักขายมีรายได้วันละพัน เดือนหนึ่งก็หลายหมื่นบาท รายได้ดีไม่แพ้อาชีพมนุษย์เงินเดือน ยิ่งช่วงหน้าแล้ง คนใช้ผักเยอะ แต่ผักมีน้อย ” คุณสำรวย กล่าว ผักทำเงิน 6 ชนิดที่ขายดีตลอดทั้งปี คุณสำรวยบอกว่า ผักสวนครัวที่ขายดี ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี ได้แก่ โหระพา กะเพรา มะระจีน ถั่วฝักยาว แตงกวา มะละกอ สำหรับโหระพา ลงทุนครั้งแ
