Featured ปศุสัตว์

ปั้นแบรนด์เนื้อไทยสู้ตลาดโลก เจาะลึก YZ โคดำ 3 สายเลือด ตอบโจทย์ตลาด ด้วยเทคโนโลยี-สูตรอาหาร-สายพันธุ์เฉพาะ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงของตลาดและสภาพแวดล้อมทางการเกษตรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เกษตรกรไทยจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการเลี้ยงโคเนื้อ ที่ต้องใส่ใจทั้งคุณภาพ สายพันธุ์ และวิธีการเลี้ยงแบบมีมาตรฐาน เพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดระดับพรีเมียมและคนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย  

หมอพี–น.สพ.ปฏวี เหลืองทวีผล สัตวแพทย์หนุ่มผู้มองเห็นโอกาสในธุรกิจโคเนื้อ จึงเลือกทางเดินใหม่ด้วยการพัฒนาโคดำคุณภาพสูง ทั้งสายพันธุ์ การจัดการฟาร์ม และการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโคเนื้อภายในฟาร์ม พร้อมทั้งยกระดับอาชีพเกษตรให้ไปไกลกว่าแค่การผลิต 

เห็นโอกาสของการเลี้ยงโคเนื้อ 

เพื่อเป็นอาชีพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืน 

หมอพี เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนครอบครัวทำฟาร์มสุกรและเมื่อได้มารับช่วงต่อทำกิจการ หมอพีเห็นโอกาสในเรื่องของการเลี้ยงโคเนื้อว่าสามารถสร้างรายได้แบบยั่งยืนได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงโคเนื้อทั้งหมด จากการที่ได้ไปอยู่ต่างประเทศมาระยะหนึ่ง ทำให้เห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ภายในฟาร์ม ตั้งแต่ย้ายฝากตัวอ่อน การปรับปรุงพันธุกรรม จึงทำให้ฟาร์มประสบผลสำเร็จและขยายการเลี้ยงมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน 

พื้นที่ฟาร์ม

“ตอนนี้ฟาร์มโคที่เริ่มทำมาจนถึงวันนี้ก็น่าจะ 10 ปีกว่าแล้วครับ สายพันธุ์โคหลักๆ ก็จะเป็นอเมริกันบราห์มัน ต่อมาก็พัฒนาสายพันธุ์อื่นๆ มาด้วย ซึ่งการพัฒนาสายพันธุ์ถือว่าสำคัญมาก เพื่อให้รองรับกับตลาด เราก็ได้พัฒนาสายพันธุ์ต่อให้โคมันมีขนาดตัวที่ใหญ่มากขึ้น และทนโรคมากขึ้น รวมไปถึงให้เนื้อเยอะขึ้นเพื่อที่ตอบโจทย์ร้านอาหาร เราก็เลยพัฒนาโดยเอาแองกัสมาผสมกับบราห์มันในเจนแรก และพอได้ลูกตัวเมียมาแล้วจะผสมวากิวเข้าไปอีกรอบ” 


จากการไ่ม่หยุดพัฒนานี้เอง หมอพี บอกว่า ทำให้การบริหารจัดการตลาดเนื้อของที่นี่ตอบโจทย์ตลาดได้หลายทาง โดยถ้าอยากได้เนื้อแดงก็จะเด่นไปทางสายเลือดของบราห์มัน ถ้าเป็นเนื้อเกรดปานกลางก็จะเป็นโคสายเลือดแองกัสเด่น แต่ถ้าอยากได้เนื้อที่มีไขมันแทรกก็จะเป็นสายเลือดพันธุ์วากิว 

“เรียกว่าที่ฟาร์มผมทำได้หมดในเรื่องของสายเลือด เกษตรกรหรือคนที่สนใจอยากจะเลี้ยงแบบไหน อยากได้สายพันธุ์เจนเนเรชันแบบไหน  ฟาร์มเราสามารถทำได้หมด ก็คือ F1 F2 F3 ทางฟาร์มเรามีหมด รวมถึงเกษตรกรซื้อน้ำเชื้อจากเราไปมั่นใจในคุณภาพได้ครับ ฟาร์มเรามั่นใจว่าเราคือเบอร์ 1 ในการขายน้ำเชื้อของประเทศไทย” 

YZ โคดำ เป็น โค 3 สายเลือด  

เพื่อตอบโจทย์ให้ลูกค้าเข้าถึงทุกระดับ 

สำหรับการพัฒนาโคสายพันธุ์ YZ โคดำ หมอพี เล่าว่า เกิดจากการผสมโค 3 สายเลือด โดยมีโคอเมริกันบราห์มันเป็นพื้นฐานประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ โคสายพันธุ์แองกัสผสมอยู่ 25 เปอร์เซ็นต์ และโคสายพันธุ์วากิวอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโคดำจะยืนพื้นด้วย 3 สายเลือดนี้ เลี้ยงเพื่อขุนสร้างเป็นเนื้อโคคุณภาพตอบโจทย์ตลาด 

“YZ โคดำ 3 สายเลือดของเรา จะมีจุดเด่นในเรื่องของเนื้อ คือเนื้อเขาจะมีความนุ่มและหอม พร้อมกับมีไขมันแทรกปานกลาง ซึ่งความหอมที่ได้นั้นมาจากสูตรอาหารที่เราเลี้ยง รวมไปถึงการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยครับ” 

ไม่ใช่แค่เลี้ยง แต่ “ออกแบบโคเนื้อ” 

เพื่อผลิตลูกโคให้ตรงใจตลาด

การเลี้ยงให้ได้โคขุนที่มีคุณภาพ การจัดการฟาร์มถือว่ามีความสำคัญ หมอพีมีพื้นที่ฟาร์มอยู่ประมาณ 400 ไร่ แบ่งพื้นที่ปลูกหญ้า 300 ไร่ และแบ่งเป็นพื้นที่คอก 100 ไร่ โดยมีแม่พันธุ์โคที่เลี้ยงอยู่ภายในฟาร์มประมาณ 500 ตัว โดยใช้วิธีการผสมเทียมทั้งหมด โดยทางฟาร์มจะมีทั้งน้ำเชื้อที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และพ่อพันธุ์คุณภาพไว้ภายในฟาร์มด้วยเช่นกัน

“โคที่เข้าโครงการทั้งหมดอย่างแองกัสและอมเริกาบราห์มัน จะเป็นพ่อพันธุ์นำเข้าและผ่านการตรวจ จีโนมิกส์ (Genomics) ทั้งหมดแล้ว เกี่ยวกับไขมันต่างๆ แองกัสจะตรวจมาหมดอย่างละอียด ในส่วนของอเมริกันบราห์มันเป็นสายพันธุ์ที่ฟาร์มเราพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นโคที่ได้รับถ้วยพระราชทานหลายถ้วย และมีการส่งตรวจ เจนเนติก (genetic) ในส่วนของวากิวฟาร์มเราจะใช้วากิวที่อยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก เพราะเจนเนติกค่อนข้างดีมากๆ ในเวลานี้”  

การผสมพันธฺุ์แม่โคภายในฟาร์ม หมอพี บอกว่า การผสมให้ได้ลูกโคแต่ละครั้งจะต้องมองว่าจะนำไปใช้ตลาดด้านไหน มองไปถึงเจนเนติก (genetic) ของพ่อแม่พันธุ์ว่ามีเนื้อแบบไหน เมื่อนำมาผสมพันธุ์แล้ว จะได้ลูกโคที่มีเนื้อประมาณไหนออกมา ซึ่งคุณภาพเนื้อของแต่ละสายพันธุ์ทางฟาร์มได้เก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด 

วางแผนขุนตั้งแต่ 6 เดือน

 สู่โคขุนคุณภาพ 600 กิโลกรัม
การขุนโคเพื่อสร้างให้ได้เนื้อคุณภาพ หมอพี บอกว่า จะเริ่มคัดตั้งแต่ลูกโคได้อายุประมาณ 6 เดือน ทางฟาร์มจะเริ่มขุนเป็นโคต้นน้ำ เมื่อขุนมาจนได้อายุ 1 ปี โคจะมีน้ำหนักอยู่ประมาณที่ 200 กิโลกรัม ซึ่งอาหารที่ขุนก็จะมีหญ้าเนเปียร์ และสูตรอาหาร TMR ที่เป็นสูตรของทางฟาร์มผสมขึ้นมาเพื่อขุนโคโดยเฉพาะ 

“อาหาร TMR ของที่ฟาร์มก็จะมีกากถั่วเหลือง ข้าวโพด มันเส้น และก็พรีมิกซ์ พอผสมออกมาแล้วจะได้โปรตีนอยู่ที่ 8-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการขุนที่ฟาร์มจะให้กินเต็มที่เลยครับ พอโคที่ขุนเข้าสู่ระยะกลางน้ำ อายุจะอยู่ที่ประมาณ 12-18 เดือน เราก็จะมีปรับสูตรอาหารบ้างตามความเหมาะสม พอเข้าสู่ปลายน้ำก็จะมีอายุประมาณ 18-24 เดือน น้ำหนักจะอยูี่ที่ประมาณ 600 กิโลกรัม อายุและน้ำหนักประมาณนี้ ก็จะเข้าโรงชำแหละได้ครับ เป็นช่วงอายุที่ค่อนข้างเหมาะสม”

ส่วนในเรื่องของการป้องกันโรคให้กับโคเนื้อภายในฟาร์ม หมอพีจะมีแผนทำวัคซีนอย่างชัดเจนในแต่ละปี พร้อมทั้งมีทีมบุคลากรที่ผ่านการอบรมอยู่เสมอ จึงทำให้ฟาร์มแห่งนี้มีความพร้อมในทุกด้านในการดูแลสุขอนามัยของโค – “เรามีส่งบุคลากรในฟาร์มไปเรียนรู้นวัตกรรมต่างๆ สิ่งที่ต้องมาดูแลภายในฟาร์มตลอด โดยศึกษาทั้งในประเทศ ต่างประเทศ”   

สร้างแบรนด์ด้วยคุณภาพ! ส่งออกโคเนื้อ

เปิดร้านเอง ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม

การทำตลาดเพื่อจำหน่ายโคเนื้อภายในฟาร์ม หมอพี เล่าว่า การสร้างการจดจำของแบรนดิ้งถือว่ามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เข้ามาใช้ภายในฟาร์ม และการเลือกสายพันธุ์โคที่ดีเข้ามาภายในฟาร์มตลอด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจว่า เมื่อซื้อโคและน้ำเชื้อจากฟาร์มไปแล้วมีคุณภาพ และการันตีอย่างแน่นอน 

นอกจากจะมองในเรื่องของการทำตลาดโคขุนแล้ว ทางฟาร์มแห่งนี้ยังได้ส่งโคเป็นไปยังต่างประเทศด้วย อาทิ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และจีน ซึ่งอายุและขนาดของไซซ์โคทางลูกค้าจะเป็นผู้กำหนด และบอกความต้องการให้กับทางฟาร์มเป็นผู้จัดการ – “แต่ละประเทศก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปครับ ทางฟาร์มก็จะดูแลให้ได้มาตรฐานของการส่งออกประเทศนั้นๆ ต้องบอกว่าตอนนี้การส่งออกยังไม่เพียงพอ เพราะเราทำร้านจำหน่ายเองด้วย” 

ส่วนเนื้อโคที่ผ่านการขุนเป็นเนื้อที่มีคุณภาพ เป็นเอกลักษณ์ของทางฟาร์ม หมอพี บอกว่า ตลาดที่ส่งจำหน่ายมีด้วยกันหลายที่ตั้งแต่ลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด และที่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือเปิดร้านอาหารเอง เพื่อนำเนื้อโคขุนจากในฟาร์มมาทำเมนูต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเนื้อเกรดพรีเมียมได้ในราคาย่อมเยา 

“เนื้อโคขุนที่ขาย เราจะไม่ได้แบ่งเกรดเหมือนประเทศญี่ปุ่น แต่เราจะมีเกณฑ์อยู่ที่พรีเมียมและชุปเปอร์พรีเมียมที่มีลายไขมันแทรกประมาณ 5-6 ซึ่งราคาจำหน่ายก็จะมีแตกต่างกันไปแล้วแต่ส่วนชิ้น มีราคาตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ส่วนชุปเปอร์พรีเมียมก็จะมีราคา 2,000 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นไป ทางฟาร์มก็ส่งทั่วประเทศให้กับลูกค้าที่สนใจ ซึ่งกำไรทั้งหมดที่เราขายแบบนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์”  

เปิดร้านให้ลูกค้ากินเนื้อดี ในราคาจับต้องได้ 

พร้อมปั้นแบรนด์เนื้อไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน  

ท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่ฟาร์มที่ผลิตเนื้อคุณภาพ แต่คือความตั้งใจที่หมอบีอยากส่งต่อสิ่งดีที่สุดให้ถึงมือลูกค้า โดยร้านอาหารที่เปิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่ที่จำหน่ายเนื้อโค แต่เป็นปลายทางของความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ การขุนด้วยสูตรเฉพาะ การดูแลสุขภาพโคอย่างใส่ใจ จนไปถึงการแปรรูปที่คำนึงถึงคุณภาพเนื้อทุกชิ้น จึงทำให้เห็นว่าเนื้อที่ออกจากฟาร์มสามารถสู้เนื้อจากต่างประเทศได้ 

“เราทำฟาร์มเพื่อดูแลลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว” – หมอพีย้ำชัดและทำให้เห็นว่านั่นคือหัวใจของคนเลี้ยงโคที่ไม่ได้เลี้ยงเพื่อขาย…แต่เลี้ยงด้วยใจและความรักในโคเนื้ออย่างแท้จริงเพื่อเป็นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน 

“อยากให้คนไทยหันมาทานเนื้อโคของไทยกันมากขึ้น เพราะเนื้อที่เกษตรกรไทยเลี้ยงปัจจุบันก็ถือว่ามีคุณภาพและได้มาตรฐาน ถ้าเกษตรกรอยู่ได้การจ้างงานในชุมชนก็จะขยายไปด้วย ซึ่งถือว่าฟาร์มเราบุคลากรตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพออกมาให้คนไทยได้ทานกันในราคาที่จับต้องได้” 

สำหรับท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงโคเนื้อ ติดต่อได้ที่ หมอพี–น.สพ.ปฏวี เหลืองทวีผล YZ โคดำ สันติฟาร์ม ฟาร์มตั้งอยู่ที่หมู่ 11 หมู่บ้าน หนองไผ่ พัฒนา ตำบลหนองหญ้าขาว อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา หมายเลขโทรศัพท์ 081-069-1837

Related Posts