เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
เทคนิคเกษตร

ซาแรนแต่ละสีต่างกันยังไง? คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคนปลูกพืช

สำหรับคนที่กำลังปลูกต้นไม้ หรือกำลังทำแปลงผัก ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดปลูก หรือผู้ที่คร่ำหวอดในวงการมานาน คงคุ้นเคยกับคำว่า “ซาแรน” เป็นอย่างดี ซาแรน หรือตาข่ายกรองแสง เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยปกป้องพืชจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะแสงแดดที่ร้อนแรงของประเทศไทย แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ซาแรนที่มีหลากหลายสีสันนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร และแต่ละสีเหมาะกับการใช้งานแบบไหน? ก่อนอื่นไปรู้จัก “ซาแรน” กันก่อน

ซาแรน หรือที่เรียกกันว่า ตาข่ายกรองแสง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ใช้งานได้หลายอย่าง แต่หน้าที่หลักคือ เอาไว้กรองแสง บังแสง พรางแสง ลดความเข้มข้นหรือความแรงของแสงแดดลง ลดความร้อนที่จะส่งผลกระทบ มีหลายสี แต่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพาไปดูว่าแต่ละสีต่างกันยังไง

ซาแรนจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต ออกดอก ออกผล ของพืชได้ด้วยคุณสมบัติการพรางแสง จะมีปริมาณ % ในการกรองแสงที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน คือ 50%, 60%, 70% และ 80% ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการนำไปใช้งานด้วย

ซาแรนมี 2 ประเภท คือ แบบถัก ชนิดนี้ทำจากโพลิเอทิลีนน้ำหนักเบา จึงเหมาะกับเกษตรกรรม การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ กสิกรรมทุกประเภท และแบบทอ ตาข่ายชนิดนี้มีน้ำหนักมากกว่า ทิ้งตัวดี มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง จึงนิยมใช้ในการเลี้ยงสัตว์และทำสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการความแน่นหนามั่นคง

สีดำ เป็นสีที่เหมาะกับการสร้างร่มเงาให้พืช เพราะแสงที่ส่องผ่านลงมายังคงเป็นแสงขาวตามธรรมชาติ พืชจึงใช้สังเคราะห์แสงได้ตามปกติ ซึ่งในท้องตลาดมีหลายอัตราการกรองแสงให้เลือก เช่น 50%, 60%, 70%, 80% ยิ่งอัตราการกรองแสงมาก เส้นเทปก็จะยิ่งถี่มาก

คุณสมบัติ เป็นสีที่ดูดซับแสงได้ดีที่สุด ทำให้สามารถกรองแสงได้มากที่สุด โดยทั่วไปจะมีค่าการกรองแสงตั้งแต่ 50% ไปจนถึง 90%

หลักการทำงาน ซาแรนสีดำจะดูดกลืนแสงทุกความยาวคลื่น ทำให้ปริมาณแสงที่ส่องผ่านลดลงอย่างสม่ำเสมอ

ข้อดี

  • ให้ร่มเงามาก เหมาะสำหรับพืชที่ไม่ต้องการแสงแดดโดยตรง หรือพืชที่อยู่ในช่วงอนุบาล
  • ช่วยลดอุณหภูมิภายในพื้นที่ปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีความทนทานต่อรังสียูวี (UV) ได้ดี

ข้อเสีย:

  • อาจทำให้แสงสว่างไม่เพียงพอสำหรับพืชที่ต้องการแสงมากในการสังเคราะห์แสง
  • อาจทำให้บรรยากาศภายในทึบเกินไป ส่งผลต่อการระบายอากาศ

เหมาะสำหรับ

  • พืชที่ไม่ทนต่อแสงแดดจัด เช่น กล้วยไม้ เฟิร์น บอนสี ไม้ประดับบางชนิด
  • โรงเรือนเพาะชำ สำหรับอนุบาลต้นกล้าที่ยังอ่อนแอ
  • พื้นที่ที่ต้องการลดความร้อนสูง เช่น บริเวณเลี้ยงสัตว์
  • การใช้งานทั่วไป เช่น ทำหลังคาที่จอดรถ กันสาด

สีขาว ให้แสงขาวผ่านลงมาได้มากกว่าซาแรนสีดำ

คุณสมบัติ มีความสามารถในการกรองแสงน้อยที่สุด โดยทั่วไปจะมีค่าการกรองแสงตั้งแต่ 20% ไปจนถึง 50%

หลักการทำงาน ซาแรนสีขาวจะสะท้อนแสงบางส่วนและยอมให้แสงสว่างส่องผ่านได้มาก ทำให้พืชได้รับแสงในปริมาณที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ยังต้องการแสงมาก แต่ต้องการลดอุณหภูมิ ลดแรงลมหรือความแรงของเม็ดฝน เช่น สวนที่ใช้ซาแรนสีดำ 60% เพื่อให้แสงผ่าน 40% แต่ด้วยเส้นเทปมีความห่าง เมื่อเข้าฤดูมรสุม แรงลมและฝนอาจทำให้พืชเสียหายได้ ซึ่งสามารถทดแทนได้ด้วยซาแรนสีเทาเงิน 80% ที่เส้นเทปจะเรียงชิดแน่นเทียบเท่าซาแรนสีดำ 80% แต่ด้วยเส้นเทปทึบแสงน้อยกว่า จึงให้แสงผ่านมากกว่า คือ 40% เท่าเดิม จึงช่วยลดความเสียหายได้ดีขึ้น

ข้อดี

  • ให้แสงสว่างมากที่สุด เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโตสูง
  • ช่วยกระจายแสงให้ทั่วถึง ลดปัญหาแสงส่องกระทบโดยตรง
  • ช่วยลดความร้อนได้บ้างเล็กน้อย

ข้อเสีย

  • ประสิทธิภาพในการลดความร้อนอาจไม่ดีเท่าซาแรนสีดำและสีเขียว
  • อาจไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดตลอดวัน

เหมาะสำหรับ

  • พืชที่ต้องการแสงแดดมาก เช่น แตงโม แคนตาลูป ฟักทอง
  • พื้นที่ที่มีแสงแดดน้อย เพื่อเพิ่มปริมาณแสงให้พืช
  • การใช้งานที่ต้องการแสงสว่าง เช่น โรงเรือนเลี้ยงสัตว์เล็ก

สีเขียว แสงที่ผ่านมาจะเป็นแสงสีเขียวซึ่งเป็นสีของแสงที่พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อย ทำให้พืชยืดตัวสูงขึ้นเพื่อไปหาแสง จึงเหมาะกับการใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น ต้องการให้พืชมีกิ่งก้านยาวขึ้น และยังเป็นสีที่ช่วยลดการเกิดตะไคร่ในบ่อน้ำได้ จึงมักนำไปสร้างร่มเงาให้บ่อปลา

คุณสมบัติ กรองแสงได้ในระดับปานกลาง โดยทั่วไปจะมีค่าการกรองแสงตั้งแต่ 30% ไปจนถึง 70%

ข้อดี

  • ให้แสงสว่างที่เพียงพอสำหรับการสังเคราะห์แสงของพืชหลายชนิด
  • ช่วยลดความร้อนและป้องกันแสงแดดจัดได้ดีในระดับหนึ่ง
  • มีสีที่เป็นธรรมชาติ ดูกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม

ข้อเสีย

  • ประสิทธิภาพในการลดความร้อนอาจไม่เท่าซาแรนสีดำ
  • อาจไม่เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการร่มเงามากเป็นพิเศษ

เหมาะสำหรับ

  • พืชผักทั่วไป เช่น ผักสลัด คะน้า กวางตุ้ง
  • ไม้ดอก เช่น ดาวเรือง บานชื่น
  • ไม้ผลขนาดเล็ก เช่น มะเขือเทศ พริก
  • โรงเรือนขนาดกลาง ที่ต้องการทั้งแสงและการป้องกัน

สีแดง แสงสีแดงจะช่วยเร่งดอก และลดการรบกวนจากแมลงบางชนิดได้ จึงนำไปใช้สำหรับพืชบางชนิด หรือพืชที่ต้องการให้มีการติดดอกมากขึ้น

สีน้ำเงิน (ฟ้า) แสงสีน้ำเงินจะช่วยเรื่องการเติบโตของรากและใบ จึงมักใช้เพื่อทำให้พืชมีใบสีเข้ม

คุณสมบัติ มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดี โดยเฉพาะรังสียูวี (UV) และรังสีอินฟราเรด (Infrared) ซึ่งเป็นสาเหตุของความร้อน

ข้อดี

  • ช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อพืชและผู้ปฏิบัติงาน
  • อาจช่วยลดการระบาดของแมลงบางชนิดที่ไวต่อแสงสะท้อน

ข้อเสีย

  • อาจมีราคาสูงกว่าซาแรนสีอื่นๆ
  • อาจไม่เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการแสงในบางช่วงคลื่น

เหมาะสำหรับ

  • พื้นที่ที่มีแสงแดดจัดและอุณหภูมิสูง เช่น โรงเรือนในเขตร้อน
  • พืชที่อ่อนแอต่อรังสียูวี
  • การใช้งานที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเป็นพิเศษ เช่น โรงเรือนเลี้ยงเห็ด

หลายๆ คน อาจจะคาดไม่ถึง “ซาแรน” มีประโยชน์มากในการเกษตร
1.ซาแรนช่วยเพิ่มผลผลิตแต่ลดอายุการเก็บเกี่ยวให้สั้นลง
2.ซาแรนช่วยลดต้นทุนการใช้น้ำและปุ๋ย
3.ซาแรนช่วยป้องกันความเสียหายจากเชื้อโรค วัชพืช แมลงศัตรูพืช
4.ช่วยป้องกันความเสียหายของพืชที่เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไป ช่วยกันแรงลมและพายุ
5.ลดการใช้สารเคมี ดีต่อผู้ปลูก ดีต่อผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การเลือกสีของซาแรนให้เหมาะสมกับการปลูกพืชเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี มีผลผลิตที่งอกงาม และลดความเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย หวังว่าคู่มือฉบับเข้าใจง่ายนี้ จะช่วยให้นำข้อมูลไปปรับใช้ในการเลือกซื้อซาแรนสำหรับพืชได้อย่างถูกต้อง

Related Posts